ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 39 โลกนี้มีเรื่องพรรค์นี้ด้วยหรือ
“ท่านแน่ใจหรือว่าจะมอบเมล็ดพันธุ์นี้ให้ข้า” หลี่เนี่ยนฝานถาม
เขาสนใจเมล็ดพันธุ์นี้มาก อยากรู้เหลือเกินว่ามันจะงอกออกมาเป็นอะไร
จ้าวซานเหอเห็นหลี่เนี่ยนฝานสนอกสนใจ ก็พลันตื่นเต้นยกใหญ่ เต็มตื้นอยู่ในใจ จึงรีบบอก “คุณชายหลี่ เมล็ดพันธุ์นี้อยู่ในมือข้าก็ไม่มีประโยชน์อันใด ไม่อาจรู้ได้ว่าจะตายเมื่อไหร่ มอบให้ท่านถึงจะคู่ควรกว่า!”
หลี่เนี่ยนฝานครุ่นคิด พยักหน้าพูดว่า “ก็จริง หากจะเพาะเมล็ดพันธุ์นี้จำต้องใช้ความพยายามสักหน่อย เกรงว่าคนไม่มากนักจะทำได้ ถ้าปล่อยให้ตายไปแบบนี้ก็น่าเสียดายแย่ เช่นนั้นข้ารับไว้ก็แล้วกัน”
เมล็ดพันธุ์นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่ปรมาจารย์ยังต้องพยายาม เช่นนั้นสำหรับคนอื่นแล้วคงจะยิ่งทำไม่ได้เข้าไปใหญ่
จ้าวซานเหอไม่อาจเก็บซ่อนรอยยิ้มบนใบหน้า เมล็ดพันธุ์นี้เมื่ออยู่ในมือเขาก็ไร้ประโยชน์ นึกไม่ถึงเลยว่าปรมาจารย์จะถูกอกถูกใจ ครั้งนี้สำเร็จแล้ว นับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่!
คนอื่นๆ ล้วนแต่อิจฉาจนตาเขียวปั้ด ในใจเดือดปุดๆ ช่างเป็นคนที่โชคเข้าข้างเสียจริง
ไม่ทันไร สถานการณ์ก็เข้าสู่ความเงียบงัน
หลี่เนี่ยนฝานนั่งลงบนเก้าอี้ มองไปยังห้าคนฝั่งตรงข้าม
เขากำลังรอให้พวกไป๋อู๋เฉินเอ่ยปากแจ้งความปรารถนา
คนเขาอุตส่าห์กระตือรือร้นกันขนาดนี้ แถมยังให้โอสถวิเศษล้ำค่ามา หลี่เนี่ยนฝานย่อมต้องตอบแทน
แต่ทว่า รอไปพักหนึ่ง พวกไป๋อู๋เฉินก็ยังไม่มีใครเอ่ยปากร้องขอสิ่งใด
ออกจะกระอักกระอ่วนแล้วละ
จะให้เอ่ยปากเองว่าจะมอบภาพเขียนแก่พวกเขาก็ดูแปลกไปสักหน่อย ต้องหลงตัวเองขนาดไหนถึงจะออกตัวบอกให้คนอื่นเก็บภาพเขียนของตนเอง
จะให้พวกเขารั้งอยู่รอกินข้าวตอนนี้ก็ไม่เหมาะเท่าไหร่นัก เพิ่งจะช่วงบ่าย อีกนานกว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น
จะให้ตนบอกให้พวกกลับไปก็ยิ่งไม่เหมาะเข้าไปใหญ่
ใครเล่าจะรู้ว่าทั้งห้าคนกระสับกระส่ายยิ่งกว่า แทบจะนั่งไม่ติดแล้ว
ปรมาจารย์จ้องพวกเขาเช่นนี้ทำไม
หรือว่าตนไปทำอะไรยั่วโทสะคุณชายหลี่เข้าแล้ว
ฮือๆๆ ทำอย่างไรดี กดดันเหลือเกิน กลัวจนฉี่จะราดแล้วเนี่ย
สายตาของคุณชายหลี่จ้องอยู่เช่นนี้ พวกเขาสัมผัสได้ว่าตนไม่อาจเก็บความลับได้อีก ถึงกับเกิดภาพหลอนว่าคุณชายหลี่มีวิชาอ่านใจ
สรุปก็คือน่าสะพรึงกลัวจริงๆ
ในระยะเวลาอันสั้น แผ่นหลังของพวกเขาก็ผุดเม็ดเหงื่อจนเปียกชุ่ม
“จริงสิ ต้นชาหลังเรือนกำลังโตได้ที่ ข้าจะให้พวกท่านสักหน่อยแล้วกัน” คนเหล่านี้ไม่เอ่ยปากขอภาพเขียนหรือตัวอักษร หลี่เนี่ยนฝานก็จนปัญญา ยังดีที่ในที่สุดก็นึกออกว่าจะให้สิ่งใด จึงพูดออกไป
ผู้บำเพ็ญเซียนให้ความสำคัญกับการบำรุงกายดูแลใจ การดื่มชาได้รับความนิยมมากในโลกบำเพ็ญเซียน ใบชาที่ตนปลูกคุณภาพไม่เลว อย่างน้อยก็ไม่มีทางทำให้ขายหน้า
ไป๋อู๋เฉินและคนอื่นๆ รู้สึกโล่งใจขึ้นทันใด ตามมาด้วยความลิงโลดดีใจ รีบพูดว่า “ขอบคุณคุณชายหลี่ ขอบคุณคุณชายหลี่”
ใบชานี้ต้องพิเศษอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นก่อนจะตัดสินใจมอบให้พวกเรา คุณชายหลี่คงไม่ลังเลนานเพียงนั้นหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่แตงโมและข้าวต้มเปล่ายังพิเศษ ใบชาจะธรรมดาได้อย่างไรกัน
เป็นไปได้มากว่าจะเป็นใบชาของเทพเซียน!
ต้องเป็นเพราะความจริงใจของพวกข้าทำให้คุณชายหลี่ซาบซึ้ง เขาถึงได้ยอมแบ่งของรักของหวงอย่างใบชาให้พ
วกเขา
ในใจของพวกเขาก็ฮึกเหิมขึ้นมา
หลังจากนี้จะต้องทำให้ดี พยายามฟังความนัยทุกคำของคุณชายหลี่!
ดูสิ ผู้บำเพ็ญเซียนกลุ่มนี้จิตใจดีจริงๆ คนสายตาเฉียบแหลมย่อมมองออกว่านี่เป็นการขอบคุณจากใจจริง
“พวกท่านเกรงใจเกินไปแล้ว ต้องเป็นข้าขอบคุณพวกท่านถึงจะถูก” หลี่เนียนฝานยิ้มบาง จากนั้นจึงพูดว่า “เสี่ยวไป๋ ไปเด็ดใบชามาสี่ชุด”
“น้อมรับคำสั่ง นายท่านของข้า”
ไม่นาน เสี่ยวไป๋ก็เดินมาพร้อมกับใบชาซึ่งเก็บจากหลังเรือนสี่ถุง
หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยว่า “ใบชาเพิ่งโตได้ที่ เก็บมาไม่มาก หนึ่งถุงมีหนึ่งจิน[1] ได้โปรดอย่ารังเกียจ”
“ไม่รังเกียจ ไม่รังเกียจเลย” ไป๋อู๋เฉินและคนอื่นรีบส่ายศีรษะ รับใบชามาจากเสี่ยวไป๋อย่างนบนอบ จากนั้นจึงเก็บไว้กับตัวอย่างระมัดระวัง
มีของล้ำค่าอยู่กับตัว พวกเขาไหนเลยจะอยากรั้งอยู่นาน ต่างคนต่างกล่าวลาแล้วกลับไป
ทันทีที่เดินออกมาจากเรือนสี่ประสาน พวกเขาก็ไม่แม้แต่จะเสวนากัน
ท่าทางรีบร้อนเช่นนั้น ทำให้ดูเหมือนกำลังพกของล้ำค่าที่สุดในโลกไว้ และกำลังหวาดระแวงว่าจะมีคนมาแย่ง
ไปอย่างไรอย่างนั้น
คนที่กระวนกระวายที่สุดเห็นจะเป็นหลินชิงอวิ๋น นางมีพลังบำเพ็ญต่ำที่สุด จึงนึกเสียดายที่ครั้งนี้ไม่ได้พาองครักษ์มาด้วย
ลั่วซืออวี่รู้สึกกระหายขึ้นมา อดถามไม่ได้ “เสด็จพ่อ กลับไปพวกเราลองชิมได้หรือไม่”
“ไม่ได้!” จักรพรรดิลั่วปฏิเสธทันควันโดยไม่ยั้งคิด กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ซืออวี่ ของล้ำค่าระดับนี้ไม่ใช่ของ
เด็กเล่น ทั้งถุงมีอยู่แค่นี้ หายไปเพียงนิดเดียวก็เป็นเรื่องใหญ่แล้ว จะไปกินส่งเดชได้อย่างไรกัน”
เขาตัดสินใจแล้ว กลับไปจะนำใบชานี้ไปเก็บไว้ในส่วนลึกที่สุดของพระคลังสมบัติ รอให้มีงานใหญ่ค่อยนำออกมากินทีละนิดบรรเทาความกระหาย
ในเรือนสี่ประสาน ต๋าจี่มองหลี่เนี่ยนฝานด้วยสีหน้ารู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง “คุณชายหลี่ อาการบาดเจ็บของข้าทำให้
ท่านลำบากแล้ว”
“ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก เรื่องเล็ก เจ้ารักษาตัวให้ดีก็พอแล้ว” หลี่เนี่ยนฝานพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ
แต่เขายิ่งเป็นเช่นนี้ ต๋าจี่ก็ยิ่งซาบซึ้งใจ
คุณชายหลี่ไม่แยแสกฎแห่งฟ้าดินเพื่อตนเอง ช่วยเหลือตนเองจากทัณฑ์สวรรค์ มิหนำซ้ำยังยอมละทิ้งการปลีก
วิเวก ละทิ้งภาพลักษณ์เพื่อติดหนี้น้ำใจผู้บำเพ็ญเซียนเหล่านั้น ตนเองติดหนี้บุญคุณเขามากเหลือเกิน
จากนี้ไป ขอเพียงคุณชายหลี่ปรารถนา ข้าจะช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ จะไม่ให้เขาต้องเดือดเนื้อร้อนใจแม้แต่น้อย!
จริงสิ คุณชายหลี่ชอบเดินหมาก ตนจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจให้ดียิ่งขึ้น ทำให้คุณชายหลี่มีความสุขที่สุด
ในตอนนั้น นางถึงพบว่าหลี่เนี่ยนฝานกำลังขยับโอสถวิเศษและหญ้าเซียนเหล่านั้นไปมา คล้ายกับว่ากำลังจัด
เรียงตามลำดับอะไรสักอย่าง
ต๋าจี่มองด้วยความสงสัย อดเอ่ยถามไม่ได้ “คุณชายหลี่ ท่านกำลังทำอะไรหรือ”
หลี่เนี่ยนฝานตอบ “โอสถวิเศษเหล่านี้ล้วนไม่เลว ข้ากำลังดูว่ามีชนิดใดที่ช่วยรักษาบาดแผลของเจ้าได้ ชนิดใด
นำไปปลูกได้”
“ปลูก?”
นางอึ้งไปชั่วขณะ มองหลี่เนี่ยนฝานด้วยความตกใจ
โอสถวิเศษไม่ใช่สิ่งที่จะปลูกกันง่ายๆ ต้องมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมถึงที่สุด ทั้งการปลูกโอสถวิเศษสักต้นยังต้องลงทุนลงแรงมหาศาล โอสถวิเศษขั้นสูงยังต้องมีวิธีการปลูกเฉพาะ ต่อให้เป็นเช่นนั้น ต้นที่จะอยู่รอดก็ยังมีน้อยนัก
หรืออาจกล่าวได้ว่า ต่อให้ปลูกได้สำเร็จ แต่กว่าโอสถวิเศษจะโตเต็มที่ต้องใช้ระยะเวลานับร้อยถึงหลายร้อยปี
ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย
ในโลกบำเพ็ญเซียน ต้องพึ่งโชคชะตาเพียงอย่างเดียว จะได้มาซึ่งโอสถวิเศษหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับโชค หากจะพึ่งแรงคนปลูกคงจะเป็นไปไม่ได้ และหากจะปลูกคราวละมากๆ นั่นก็เป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่า
หลี่เนี่ยนฝานผงกศีรษะ เอ่ยว่า “ใช่แล้ว หญ้าเซียนไม่กี่ต้นนี้ข้าเตรียมไว้ปลูกเป็นไม้ประดับ วางไว้ในเรือน เพื่อให้เรือนของข้าดูมีสีสันขึ้น”
ไม่กี่ต้นที่เขาพูดถึง ก็คือหญ้าเซียนชั้นดีทั้งสิบหกต้นที่หลินชิงอวิ๋นมอบให้
ใช้หญ้าเซียนชั้นดีมาประดับเรือน?
สมองจ้อยร่อยของต๋าจี่งุนงงอยู่ตรงนั้น โลกนี้มีเรื่องพรรค์นี้ด้วยหรือ
นางเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดโน้มน้าวขึ้นว่า “คุณชายหลี่ โอสถวิเศษเติบโตตามลิขิตสวรรค์ หากปลูกผิดวิธี โอสถวิเศษเหล่านี้จะไม่เพียงไร้ซึ่งหนทางรอดชีวิต แต่อาจจะเสียหายก็เป็นได้”
โอสถวิเศษทั่วไปก็ช่างเถิด แต่ยิ่งโอสถวิเศษล้ำค่ามากเท่าใด ความยากในการปลูกก็ยากขึ้นเท่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อใดที่มันเสียหาย ก็จะนับว่าเป็นการทำลายของดีโดยเสียเปล่า
นางรู้ว่าหลี่เนี่ยนฝานเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง แต่ท่าทีของหลี่เนี่ยนฝานนั้นประมาทเกินไปหน่อยจริงๆ ไหนเลยจะมีคนที่นำโอสถวิเศษมาปลูกในเรือน อย่างน้อยก็ต้องออกแบบสวนสมุนไพรวิเศษโดยละเอียดก่อนไม่ใช่หรือ
…………………………………………….
[1] จิน เท่ากับครึ่งกิโลกรัม