ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 22 โลกของผู้ยิ่งใหญ่เต็มไปด้วยการทดสอบ
“เล่าเพียงเท่านี้พอ ข้าเองก็พูดเยอะไม่ได้ ท่านจะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ ข้าช่วยท่านได้เพียงเท่านี้” ไป๋อู๋เฉินกล่าวราบเรียบ
เขารู้ว่าปรมาจารย์ท่านนั้นรอบรู้ จึงเอ่ยอย่างแน่วแน่ ถ้าหากไม่ชอบให้ผู้อื่นพูดถึงตนเองลับหลัง เช่นนั้นตนเองชะตาอาจถึงฆาตได้ ดังนั้นจึงไม่กล้าเล่าต่อ
ผู้เฒ่าจ้าวมองไป๋อู๋เฉินอย่างคลางแคลงใจ พูดด้วยความจริงจัง “แน่ใจหรือว่าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง”
“แน่ใจเสียยิ่งว่าแน่ใจ!” ไป๋อู๋เฉินพยักหน้า
“ฟู่”
ภายนอกผู้เฒ่าจ้าวสีหน้าเรียบเฉย แท้จริงแล้วในใจกลับตกตะลึง
หากนี่เป็นเรื่องจริง เช่นนั้นปรมาจารย์ท่านนี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว หรือว่าจะเป็นเซียนลงมาจุติบนโลกมนุษย์
ผู้เฒ่าจ้าวตระหนักได้ทันใด นี่คือโอกาสของตน!
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปกับเจ้า หากเจ้ากล้าหลอกลวงข้า คนแก่ๆ อย่างข้าจะสู้กับเจ้าสักตั้ง” ผู้เฒ่าจ้าวกล่าว
วันต่อมา ท้องฟ้ายังคงลางสลัว ไป๋อู๋เฉินก็พาผู้เฒ่าจ้าวและคนอื่นๆ มุ่งหน้าไปยังเมืองลั่วเซียนพร้อมกัน
ไป๋อู่เฉินไม่กล้ารบกวนหลี่เนี่ยนฝาน เพื่อที่จะแสดงความจริงใจ เขามาถึงประตูเมืองของเมืองลั่วเซียนแต่เช้า เฝ้ารอหลี่เนี่ยนฝานมาถึงด้วยความเคารพ
ทว่า ครั้นพวกเขามาถึงเมืองลั่วเซียน หลิงชิงอวิ๋นก็มารออยู่ก่อนแล้ว
ทั้งสองฝ่ายยิ้มทักทาย ไม่ได้รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด
แต่บนเขา หลี่เนี่ยนฝานกำลังละเลียดอาหารเช้าอย่างเพลิดเพลิน พักผ่อนให้สำราญใจสักพัก แล้วค่อยเดินลงจากเขา
ทันทีที่มาถึงเชิงเขา เงาร่างสายหนึ่งก็เข้ามาขวางทางเขาไว้
เป็นบัณฑิตคนเมื่อวาน
ความสับสนในดวงตาเขาหายลับไป กลายเป็นแววระยับ แฝงไปด้วยความตื่นเต้น
เขาค้อมกายต่ำให้หลี่เนี่ยนฝาน พร้อมพูด “คุณชายหลี่ ข้ากระจ่างแล้ว! ขอบคุณสำหรับคำสั่งสอนเมื่อวาน!”
“เจ้ากระจ่างแล้ว?” หลี่เนี่ยนฝานมองเมิ่งจวินเหลียง รู้สึกแปลกประหลาดอยู่บ้าง
เมิ่งจวินเหลียงเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง “สิ่งที่คุณชายหลี่หมายถึงก็คือทุกสรรพสิ่งล้วนมีหลักวัฏจักรของตัวเอง มีเพียงการเข้าใจโลกแห่งความเป็นจริงเท่านั้น จึงจะประจักษ์แก่หลักของโลก เฉกเช่นการเกิดแก่เจ็บตายของปุถุชน มีเพียงไปสัมผัสและเข้าใจก่อน จึงจะก้าวข้ามกฎเหล่านั้นได้!”
แต่เจ้าก็ยังอยากเป็นอมตะอยู่ดีนั่นแหละ
หลี่เนี่ยนฝานรู้สึกเหนื่อยใจอยู่บ้าง เมื่อวานตนเองเกือบชี้หน้าด่าเขาไปแล้วว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ต้องยอมรับความคิด เลิกเพ้อฝันได้แล้ว
“เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าหมายความว่าอย่างนั้น” หลี่เนี่ยนฝานถามอย่างจนปัญญา
“ปรัชญาของคุณชายหลี่ย่อมไม่ธรรมดา ข้ากระจ่างแจ้งเพียงเปลือกนอกเท่านั้น” เมิ่งจวินเหลียงพูดอย่างสัตย์จริง “แต่ข้าก็จะเฝ้ามองทุกสิ่งบนโลกอย่างถี่ถ้วนเช่นกัน เพื่อให้พบหลักของมันอย่างถ่องแท้ และจะบากบั่นทำความเข้าใจคำกล่าวของคุณชายหลี่ในเร็ววัน”
หลี่เนี่ยนฝานกลืนคำพูดของตนเองลงคอไป
อีกฝ่ายอุตส่าหาห์ชมเปาะซะขนาดนี้ ถ้าจะให้หักหน้าตัวเองก็คงไม่ดี ตามน้ำไปก็แล้วกัน
หลี่เนี่ยนฝานทอดถอนใจเอ่ย “หวังว่าเจ้าจะเข้าใจได้ในเร็ววัน”
“คุณชายหลี่ ข้าจะพยายาม! ท่านมีบุญคุณช่วยชี้แนะ จวินเหลียนไม่อาจชดใช้ได้ นับจากวันนี้ ข้าจะขอติดตามเป็นลูกศิษย์ท่าน!” เมิ่งจวินเหลียงคำนับหลี่เนี่ยนฝานเสียยกใหญ่
“หยุดก่อน! ข้าไม่ได้เป็นอาจารย์เจ้า!” หลี่เนี่ยนฝานรีบหยุดเขา
ด้วยตรรกะความคิดของหมอนี่ ถ้าอยู่ในโลกเดิมน่าจะเป็นโรคประสาทอ่อนๆ บอกใครว่ารับเขาไว้เป็นลูกศิษย์คงขายหน้าแย่!
ความปวดร้าวแล่นปราดบนใบหน้าของเมิ่งจวินเหลียง
ปรมาจารย์ถึงกับดูถูกเขา ความประจักษ์แจ้งต้องต่ำต้อยเกินไปเป็นแน่ หลังจากนี้ต้องพยายามมากขึ้นอีก
หลี่เนี่ยนฝานไม่อยากตอแยกับเขา จึงสาวเท้ามุ่งหน้าไปยังเมืองลั่วเซียน
เมิ่งจวินเหลียงรีบวิ่งหัวหกก้นขวิดไล่ตามหลังหลี่เนี่ยนฝานไปด้วยความเลื่อมใสถึงขั้นสุด
“เจ้าตามข้ามาทำไม” หลี่เนี่ยนฝานถาม
เมิ่งจวินเหลียงตอบอย่างเคารพนบนอบ “คุณชายหลี่ เมื่อวานข้าได้ฟังนิทานที่ท่านเล่า ได้ประโยชน์มากโข ผลงานที่สุดยอดเช่นนี้ คุณชายได้โปรดอนุญาตให้ข้าได้รวบรวม จดบันทึกไว้ ในภายภาคหน้าจะต้องกลายเป็นปรัชญาอันยิ่งใหญ่ โลกหล้าแซ่ซ้องสรรเสริญ!”
ก็แค่นิทานเรื่องเดียว ไปเกี่ยวกับปรัชญาอันยิ่งใหญ่ได้อย่างไร
หลี่เนี่ยนฝานส่ายหน้า คนคนนี้เกินเยียวยาแล้ว
แต่ว่านำเรื่องนี้ไปบันทึกก็ดีเหมือนกัน ตนจะได้ไม่นับว่าเล่าไปเสียเปล่า
หลี่เนี่ยนฝานโบกมือพร้อมเอ่ย “ก็ได้ อย่างนั้นเจ้าก็จดบันทึกเถอะ”
“ขอบคุณคุณชายหลี่!” เมิ่งจวินเหลียงดีใจยกใหญ่ รีบค้อมกายคำนับ
หลี่เนี่ยนฝานมายังเมืองลั่วเซียน ไป๋อู๋เฉินและหลินชิงอวิ๋นก็รุดเข้ามาต้อนรับทันที กล่าวอย่างร่าเริง “คำนับคุณชายหลี่”
“คุณชายหลี่ อรุณสวัสดิ์”
“ในที่สุดพี่เนี่ยนฝานก็มาแล้ว พวกเราอยากฟังนิทาน”
“โอ้ๆๆ มีเรื่องให้ฟังอีกแล้ว”
จำนวนผู้คนซึ่งมารวมตัวกันที่ประตูเมืองนั้นทำให้หลี่เนี่ยนฝานประหลาดใจ จากนั้นก็ยิ้มเอ่ย “อรุณสวัสดิ์ทุกคน”
ผู้เฒ่าจ้าวเห็นว่าหลี่เนี่ยนฝานยังหนุ่มยังแน่นเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่ง ในใจก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้
กระนั้น เขาก็ได้รับคำเตือนจากไป๋อู๋เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่กล้าทำตัวกระโตกกระตาก เพียงแต่รออย่างเงียบเชียบ
ชงเอ๋อร์ด้านหลังผู้เฒ่าจ้าวขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยเสียงเบา “อาจารย์ เด็กหนุ่มคนนี้ไม่แน่ว่าจะอายุน้อยกว่าข้าอีกนะขอรับ ไร้ซึ่งพลังบำเพ็ญ เป็นไปได้มากว่าจะเป็นแค่บัณฑิตธรรมดา”
“ไป๋อู๋เฉินไม่มีทางพูดพล่อย อีกอย่าง เจ้าไม่เห็นหรือว่าแม้แต่หลินชิงอวิ๋นแห่งหอเซียนหลิงอวิ๋นยังยอมมารอ” ผู้เฒ่าจ้าวกระซิบ “อย่าพูดมาก ดูให้มาก”
ชงเอ๋อร์ตอบ ‘ขอรับ’ ครั้งหนึ่ง ลอบกวาดสายตาไปยังหลินชิงอวิ๋น ในดวงตาปรากฏแววตื่นตะลึงและชื่นชม
ต่อให้เขาหลับฝันไปก็ไม่มีวันคาดคิดเลยว่าตนเองจะได้พบกับเทพธิดาแห่งหอเซียนหลิงอวิ๋นที่นี่ อีกทั้งยังใกล้ชิดถึงเพียงนี้ น่าเสียดายที่เขารวบรวมความกล้าแล้วก็ยังไม่กล้าเดินเข้าไปพูดกับนางแม้แต่ประโยคเดียว
ในตอนนั้น หลินชิงอวิ๋นก็ก้าวขึ้นไปเบื้องหน้าหลี่เนี่ยนฝาน พูดด้วยท่าทีเอาอกเอาใจเล็กน้อย “คุณชายหลี่ ที่นี่ผู้คนผ่านไปผ่านมา พลุกพล่านยิ่งนัก อาจกระทบต่อการเล่านิทานของท่าน ข้าได้เหมาภัตตาคารแห่งหนึ่งไว้ให้แล้ว”
หลี่เนี่ยนฝานมองหลินชิงอวิ๋นด้วยแววตาแปลกใจ ไม่คิดว่านางจะรอบคอบเช่นนี้ แล้วยิ้มเอ่ย “เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก”
ไป๋อู๋เฉินตบเข่าฉาดทันใด อยากตบบ้องหูตนเองสักทีให้รู้แล้วรู้รอด
โอกาสประจบประแจงที่แสนง่ายดาย ไฉนเขาถึงคิดไม่ออกกันนะ
ฮึ่ย พลาดโอกาสทองเสียแล้ว!
ภัตตาคารอยู่ในละแวกใกล้เคียง โปร่งโล่งเงียบสงบ ตกแต่งประณีต มองออกว่าหลินชิงอวิ๋นใส่ใจเป็นอย่างมาก
หลี่เนี่ยนฝานอุ้มนานนานมาบนเวทีบริเวณกลางภัตตาคาร ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ต่อจากครั้งก่อน พระอาจารย์ผู่ถีขุ่นเคืองจึงสะบัดแขนเสื้อจากไป กระทั่งยามราตรี หงอคงก็เข้านอนพร้อมคนอื่นๆ แสร้งหลับตาลงสงบจิตใจ ครั้นถึงประมาณยามจื่อจึงลุกขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ สวมใส่เสื้อฝ้า ลอบเปิดประตูหน้า หลบเลี่ยงผู้คน เดินออกไป…”
ทุกคนล้วนแต่หูผึ่งตั้งใจฟัง เมื่อรู้ว่าแส้ที่หวดสามครั้งของพระอาจารย์ผู่ถีนั้นหมายถึงให้มาเมื่อถึงเวลายามสาม ก็พลันมีสีหน้าเข้าใจแจ่มชัด
ปุถุชนไม่ได้เข้าถึงอย่างลึกซึ้ง เพียงแต่รู้สึกสนุกตาม
ทว่าผู้บำเพ็ญเซียนกลับต่างออกไปมาก ไป๋อู๋เฉินและคนอื่นๆ อึ้งงันราวกับถูกอัสนีบาตฟาดแสกหน้า คิดไม่ถึงว่านี่เป็นบททดสอบที่พระอาจารย์ผู่ถีใช้ทดสอบซุนหงอคง
นี่มันแบบทดสอบความเข้าใจนี่!
โลกของผู้ยิ่งใหญ่ช่างซับซ้อนนัก ยามไม่ระวังตัวอาจถูกทดสอบได้
หลังจากนี้พวกเขาจะระวังให้มาก จะต้องเข้าใจคำใบ้ใดๆ ก็ตามของปรมาจารย์ และทำให้ปรมาจารย์พึงพอใจเต็มที่