ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 857 ทะลวงแตกออก
บทที่ 857 ทะลวงแตกออก
พลังงานที่แข็งแกร่งส่งผลกระทบต่อจุดดานเถียนของเฉินเกออย่างต่อเนื่อง
“ใช่สิ ฉันยังมีผลวิหายสะ! ”
ในกรณีคับขัน เฉินเกอก็นึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง
หลังจากคิดได้ เฉินเกอก็หยิบผลวิหายสะออกมาจากแหวนเก็บของเขาทันที จากนั้นจึงกินมันลงคำโต
หลังจากกินผลวิหายสะแล้ว เฉินเกอก็รู้สึกว่าภายในร่างกายของตนเย็นสบายขึ้นมา พลังสายนั้นราวกับถูกกำจัดออกไปทันที
ไม่ผิด ภายใต้ผลวิหายสะ เฉินเกอประสบความสำเร็จในการบรรลุเข้าสู่การบำเพ็ญจิตชั้นเก้าของขอบเขตเจินเหริน และพัฒนาความแข็งแกร่งไปยังขั้นชั้นที่หนึ่งของขอบเขตเจินเสิน
ในตอนนี้ เฉินเกอรู้สึกว่าทั้งร่างของตนเต็มไปด้วยพลัง และแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก
“ยินดีด้วย เฉินเกอ ขอแสดงความยินดีกับการก้าวบรรลุสู่อีกขั้นของการบำเพ็ญจิตขอบเขตเจินเสิน
ตอนนี้นายมีความสามารถที่จะแปรเทพได้แล้ว หลังจากเข้าสู่การแปรเทพความแข็งแกร่งของนายจะยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า เพียงแต่ความสามารถในการแปรเทพสามารถใช้ได้แค่ในสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุดเท่านั้น ถือเป็นวิธีสุดท้ายในการปกป้องชีวิตของนาย!”
จิตวิญญาณที่เหลืออยู่ของเทพโย๋วแห่งดาวมองไปที่เฉินเกอและเอ่ยยินดี
การแปรเทพ มีแค่การเข้าสู่ขอบเขตเจินเสินแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถมีพลังพิเศษนี้ได้
สุดท้ายแล้วมันก็คือวิธีการป้องกันตนจากศัตรูครั้งสุดท้าย มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วหลายเท่าในพริบตา เป็นวิธีในการต่อสู้กับศัตรูในครั้งสุดท้าย
แน่นอนว่า ทุกอย่างล้วนมีทั้งข้อดีและขอ้เสีย แม้ว่าการแปรเทพจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่หลังจากใช้งานแล้วทั้งร่างของคนผู้นั้นจะตกอยู่ในสภาพอ่อนแออย่างยิ่งและต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว ดังนั้นหากไม่คับขันจริงๆ ก็อย่าได้ใช้มันออกมา
“ขอบคุณเทพโย๋วที่เอ่ยเตือน ผมจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง! ”
จากนั้นเฉินเกอก็รีบหันไปทางเทพโย๋วแห่งดาวเพื่อขอบคุณเขาอย่างสุดซึ้งและโค้งคำนับ
“ฮ่าฮ่า!”
“เฉินเกอ จำไว้ หลังจากนี้ไป 300 วัน ทุกสิ่งในโลกขึ้นอยู่กับนาย! ”
หลังจากได้คำสั่งสอนที่เทพโย๋วแห่งดาวทิ้งเอาไว้ จากนั้นดวงจิตที่เหลืออยู่ก็หายไปต่อหน้าเฉินเกอ
ภารกิจสุดท้ายของเทพโย๋วแห่งดาวสำเร็จลงแล้ว ดังนั้นในที่สุดเขาก็สามารถเข้าสู่โลกีย์ได้อย่างวางใจ
ตอนนี้ภาระทั้งหมดตกอยู่ที่เฉินเกอแล้ว เฉินเกอคือผู้กอบกู้โลกทั้งใบ แน่นอนว่าเรื่องนี้มีเพียงเฉินเกอเท่านั้นที่รู้
ในเวลานั้นเอง ประตูของหอผงาดเวหาก็ถูกเปิดออกแล้ว
เฉินเกอค่อยๆ ออกมาจากหอคอยผงาดเวหาอย่างช้าๆ บนร่างของเขามีพลังรุนแรงสายหนึ่งแผ่ออกมา วินาทีที่เขาเดินออกมา มวลสารรอบๆ ก็วนพัดปลิวไปทั่ว และมุ่งหน้าเข้ามาที่ที่ทุกคนอยู่
สวีหมีที่นั่งอยู่บนที่สูงเห็นฉากนี้เข้า เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุข เขารู้ว่าเฉินเกอประสบความสำเร็จแล้ว
เวลามาถึงช่วงบ่าย
ในห้องโถงของสถานศึกษาหลินคง เฉินเกอยืนอยู่กลางห้องโถง สวีหมีนั่งอยู่บนนั้นและมีปรมาจารย์ใหญ่ทั้งสี่นั่งอยู่ด้วย
“เฉินเกอ ยินดีด้วยกับการขึ้นสู่ยอดหอคอยผงาดเวลาเป็นผู้แรก ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ทุกอย่างแล้ว! ”
สวีหมียิ้มน้อยๆ และกล่าวกับเฉินเกอ
“อาจารย์ ปรมาจารย์ทั้งสี่ ผมคิดว่าพวกคุณก็น่าจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นใน 300 วันเช่นกันใช่ไหมครับ! ”
เฉินเกอมองไปที่ปรมาจารย์ทั้งสี่ที่นั่งอยู่รอบตัวเขา จากนั้นก็มองไปที่สวีหมีและเอ่ยตอบ
เมื่อได้ยินเฉินเกอเอ่ย ปรมาจารย์ทั้งสี่ก็หันมาสบตากับสวีหมี
“ไม่ผิด นายรู้ทุกอย่างแล้วจริงๆ นายก็คือคนแห่งโชคชะตา ดังนั้นเฉินเกอนายพร้อมหรือยัง? ” สวีหมีพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นจึงจ้องไปที่เฉินเกออย่างแน่นิ่ง
“อาจารย์ ปรมาจารย์ทั้งสี่แล้ว ผมเตรียมพร้อมแล้ว แต่ว่าผมต้องหาผนึกสวนหลิงก่อน! ”
เฉินเกอตอบด้วยสีหน้าแน่วแน่และน้ำเสียงมุ่งมั่น
ผนึกสวนหลิง นี่คือสิ่งสำคัญที่เฉินเกอต้องหาให้เจอ
หากพบผนึกสวนหลิง ก็จะสามารถเปิดคัมภีร์ดารกะได้ และสามารถเปิดเจตจำนงที่ซ่อนอยู่ในร่างกายได้ เพื่อที่เขาจะสามารถต้านทานเทพโบราณที่กำลังจะมาถึงในอีกสามร้อยวัน
“อืม เฉินเกอ นายไปเถอะ เพียงแต่จงจำเอาไว้ว่านายมีเวลาเพียง 300 วัน หากนายไม่พบผนึกสวนหลิงภายใน 300 วัน โลกทั้งใบจะถูกทำลาย! ”
สวีหมีไม่ได้ปฏิเสธ ท่าทางของเขาเคร่งขรึม เขามองและเอ่ยกำชับเฉินเกอด้วยความจริงใจ
“อาจารย์ ผมเข้าใจ แต่ว่าผมไม่อยากไปคนเดียว ผมอยากพาคนไปหามันกับผมด้วย! ” จากนั้นเฉินเกอก็เอ่ยขอกับสวีหมีอีกครั้ง
การไปคนเดียวมันโดดเดี่ยวจริงๆ ดังนั้นเฉินเกอจึงต้องการพาพวกโจวโน่ทั้งสี่ไปหาผนึกสวนหลิงกับตนด้วย
“ได้ ไม่มีปัญหา นายเลือกคนที่เหมาะด้วยตัวเองเถอะ! ”
สวีหมีตอบรับทันที
พูดจบ เฉินเกอก็บอกลาสวีหมีและปรมาจารย์ทั้งสี่ จากนั้นก็ออกจากห้องโถงเพื่อไปเตรียมตัว
หลังจากเฉินเกอจากไป
“คณบดี คุณคิดว่าเขาทำได้จริงเหรอ?” ปรมาจารย์ตี้จ้างมองไปที่สวีหมีด้วยความกังวลอยู่บ้าง
ภาระที่หนักอึ้งตกอยู่บนตัวของเฉินเกอแบบนี้ เรื่องนี้ช่างหนักหน่วงเกินไปจริงๆ
“พวกเราต้องเชื่อใจเขา และให้การสนับสนุนเขา ไม่เช่นนั้นโลกนี้คงจะจบลงจริงๆ! ”
สวีหมีไม่ตอบคำถามของปรมาจารย์ตี้จ้าง แต่กลับเอ่ยเตือนเขาอย่างลึกซึ้ง
ปรมาจารย์ทั้งสี่พยักหน้าทีละคนๆ จากนั้นจึงไม่ถามคำถามใดๆ อีก
ในเวลานี้ เฉินเกอกลับไปที่ศาลาตงเยี่ยน
พวกโจวโน่สี่คนกำลังนั่งอยู่ในนั้นเพื่อพักผ่อนและพูดคุย
เมื่อเห็นการกลับมาของเฉินเกอ ทั้งสี่ก็รีบยิ้มและเอ่ยยกย่องเฉินเกอในทันที “เฉินเกอ นายแข็งแกร่งเกินไปแล้วจริงๆ ถึงกับสามารถขึ้นไปบนยอดคอหอยได้ ตอนนี้นายโด่งดังไปทั่วสถานศึกษาหลิงคงแล้ว คนมากมายล้วนนับถือนาย!”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้เฉินเกอกลับไม่สะท้าน นั่นเพราะตอนนี้เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าที่รอให้พวกเขาทำอยู่ แทนที่จะมาสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้
“ทุกคนฟังฉัน ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพวกนาย ตอนนี้ฉันจะออกจากสถานศึกษาหลิงคงเพื่อค้นหาสิ่งที่เรียกว่าผนึกสวนหลิง ฉันได้รับอนุญาตจากคณบดีและปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ ให้พาคนไปกับฉันได้ พวกนายยินดีที่จะไปกับฉันหรือไม่?”
เฉินเกอจ้องมองไปที่พวกโจวโน่ทั้งสี่อย่างจริงจังจากนั้นจึงเอ่ยปากทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเกอ พวกโจวโน่ทั้งสี่ก็ยืนนิ่งไปทันที พวกเขาไม่คิดว่าเรื่องจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันแบบนี้
“ผนึกสวนหลิง? มันคืออะไรกัน? ทำไมจู่ๆ ถึงต้องออกจากสถานศึกษาหลิงคงไปหามันอย่างกะทันหัน? ” หลินจื่อหลันถามด้วยความประหลาดใจ
“เรื่องนี้ฉันไม่สามารถอธิบายให้พวกนายฟังได้ เพียงแต่ในวันหนึ่งฉันจะต้องอธิบายให้พวกนายฟังแน่ แต่ตอนนี้ฉันแค่ต้องการถามพวกนายว่าพวกนายยินดีที่จะไปกันฉันหรือไม่? บางทีระหว่างทางอาจบังเอิญเจอเรื่องยากลำบากและอันตรายอย่างยิ่ง หากพวกนายไม่ยินยอมฉันเองก็จะไม่บังคับ ฉันสามารถไปคนเดียวได้!” เฉินเกอไม่ได้อธิบาย แต่กลับยังคงถามด้วยท่าทีเคร่งเครียด
เรื่องใหญ่แบบนี้ เฉินเกอไม่กล้าล้อเล่น
เมื่อได้ฟังคำพูดของเฉินเกอ พวกโจวโน่ทั้งสี่คนก็หันไปสบตากันไปมา