ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 604 ความซาบซึ้งของซูฉููฉู
บทที่ 604 ความซาบซึ้งของซูฉููฉู
“ไอ้เด็กเวรมีเรื่องกับคุณชายโกวแล้วยังจะสบายใจชิวๆอยู่อย่างนี้เหรอ หรือนายมีเก้าชีวิตถึงได้กล้าหาญขนาดนี้!?”
มีทั้งหมด18คนถือมีดที่คมกริบแล้วล้อมตัวเฉินเกอไว้
ผู้นำหัวล้านคนนี้กล่าวอย่างหัวเราะเยาะ
“คาดว่าตกใจกลัวจนเอ๋อไปแล้ว ได้ยินชื่ออันสูงสงของคุณชายโกว ถึงแม้คิดจะหนีก็หนีไม่พ้นหรอก กล้า ตีผู้หญิงของคุณชายโกว จึงถูกกำหนดให้ที่นี่เป็นที่ตายของนาย!”
หลายคนพูดด้วยเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ
“พวกนายมาได้พอดีเลย ถ้าพวกนายมีเรื่องต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ปกติจะทำอย่างไรถึงจะให้คนนี้มาช่วยอย่างสมัครใจ แน่นอนว่าก่อนหน้านี้นายกับเขาเคยมีเรื่องเข้าใจผิดกันมาก่อน จึงไม่รู้จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือยังไงดี?”
เฉินเกอเห็นพวกเขาแล้ว
ซึ่งขณะนี้เขากำลังกลัดกลุ้มใจอยู่
เธอถือสากับเรื่องนี้มาก
ถ้าตนไม่ทำตัววู่วาม ไม่แน่ว่าหากเขาขอร้องอย่างตั้งใจ เธอก็จะมอบเลือดให้หนึ่งหยด แต่บัดนี้เรื่องราวกลับตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดใจ
การออดอ้อนเอาใจผู้หญิงไม่ใช่ความสามารถเฉพาะตัวของเฉินเกอเลย
ควรจะทำอย่างไรดีนะ?
เฉินเกอถามพวกเขา
พวกหัวล้านประสานตากันแวบหนึ่ง ต่างรู้สึกมึนงง
พวกเขามาทำร้ายร่างกายนะ ถึงจะไม่กลัวจนฉี่ราด แต่ก็ควรจะมีท่าทางตอบสนองหน่อยไหม?
เพราะพวกเขาไม่ใช่บอดี้การ์ดธรรมดาที่เฝ้าอยู่ข้างกายคุณชายโกว แต่คือพวกที่ตระกูลโกวจ้างมาด้วยราคาสูงลิ่ว ซึ่งมีฝีมือระดับผู้คุ้มภัยเลยทีเดียว 18 คนในกลุ่มนี้ ล้วนเคยผ่านการเกณฑ์ทหารมาก่อน เคยฆ่าคนมาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสามสี่สิบคน
ปกติพวกเขาแค่เอ่ยปากพูด บรรยากาศรอบตัวจะอบอวลไปด้วยกลิ่นอายการสังหารทั่วทุกแห่งหน พวกเขาไม่จำเป็นต้องลงมือเลย
แต่ชายตรงหน้านี้ เหมือนสมองจะเลอะเลือน
“พูดจาอะไรไร้สาระ มีความบาดหมางกับคุณชายโกวแล้ว นายไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิดเดียวเหรอ?ฮาๆ แต่เดี๋ยวนายจะต้องตายอย่างอนาถแน่!”
ชายหัวล้านพูดอย่างดุร้าย กลิ่นอายสังหารได้กระจายไปทั่วพื้นที่
“ดูเหมือนว่าพวกนายก็ไม่รู้เช่นกัน ตอนแรกคิดจะถามสักหน่อย!ฮาฮา!”
เฉินเกอยิ้มแห้งๆ
เมื่อกี้เขาครุ่นคิดหาวิธีอยู่ตลอด ส่วนคำที่ชายหัวล้านพูดนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิดเดียว
บัดนี้เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่า
“อ่อ ใช่แล้ว พวกนายเป็นคนของคุณชายโกวคนไหน เขาให้พวกนายมาฆ่าผมอย่างนั้นเหรอ?”
ทันใดนั้นเฉินเกอก็เกิดความเข้าใจ
“ไอ้บ้าเอ้ย พี่ใหญ่ ไอ้เด็กเวรนี้มันล้อพวกเราอยู่อ่ะ”
คนทั้งสิบกว่าคนต่างรู้สึกโมโห
ใบหน้าของชายหัวล้านถึงกลับกระตุก จากนั้นก็โบกมือ
“นึกว่าจัดการบอดี้การ์ดธรรมดาไม่กี่คนได้แล้ว จะเป็นหนึ่งในใต้หล้าหรือ พรรคพวกสับมันให้ละเอียดไปเลย ให้เขารู้ความร้ายกาจของพวกเราสักบ้าง!”
ชั่วขณะนั้น คนทั้งหมดสิบเจ็ดคนยกดาบขึ้นจะไปฟันเฉินเกอ
เคร้งเคร้งเคร้ง!
เสียงดังขึ้นติดต่อกัน
เฉินเกอมีท่าทางที่รวดเร็ว ไม่เคยเห็นอาวุธในมือของพวกเขาอยู่ในสายตาเลย
ถึงแม้เฉินเกอจะไม่สามารถใช้พลังกำลังภายในได้
แต่ด้านเทคนิคและกำลังแรงนั้น คนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้เสียเลย
ใช้เวลาจัดการแค่ชั่วพริบตาเดียว
คนพวกนี้ดิ้นงออยู่กับพื้นพลางร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทั้งแขนและขา
เสมือนกับไก่ตัวผู้ที่ถูกนำมาเซ่นไหว้โดยให้กัดปีกไว้ในวันตรุษจีนบนชนบท ความเจ็บปวดเข้าถึงทรวงนั้นทำให้ทุกคนต้องร้องคำรามอย่างไม่หยุดหย่อน
และระยะเวลาในการจัดการ ช่างเด็ดเดี่ยวและรวดเร็วยิ่งนัก
ชายหัวล้านยืนอยู่กับที่ เมื่อกี้ยังเห็นพรรคพวกของตนมีความฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผาดโผน
แต่ภายหลังได้ส่งเสียงที่น่าสลดใจผ่านมา
เก่งกาจมาก ช่างโหดร้ายเหลือเกิน!
ตอนแรกนึกว่าพวกเขาทั้งสิบแปดคนจะสามารถสับให้ชายหนุ่มต่างถิ่นคนนี้เป็นชิ้นๆได้ หรือแค่เพียงข่มขู่ก็สามารถทำให้เขาตกใจช็อกตายได้แล้ว
แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือ ซึ่งเป็นยอดฝีมือที่ชวนให้เสียวสันหลังยิ่งนัก
และอีกมุมหนึ่ง
ปังปังปัง……
เสียงดังขึ้นหลายครั้ง พวกพี่เปียวที่คิดจะตามมาตีเฉินเกอ
กระบองในมือของพวกเขากลับจับไว้ไม่แน่น เหมือนได้เคยฝึกฝนมายังไงอย่างนั้น เพราะได้ตกหล่นใส่พื้นทุกอันเลย
เพราะพวกเขาสมองว่างเปล่าทำอะไรไม่ถูก บัดนี้สีหน้าของพวกเขาจึงน่าขำสิ้นดี
พี่เปียวเบิกตากว้าง พยายามกลืนน้ำลายลงคอ แต่กลับรู้สึกว่าปากของตนแห้งเกินกว่าจะมีน้ำลายให้กลืนได้
ร้ายกาจจังเลย!!!!
ทุกคนอุทานอยู่ในใจ!
หลังจากที่เฉินเกอจัดการคนพวกนี้เสร็จ สายตาก็มาหยุดอยู่ที่ชายหัวล้านที่กำลังมีเหงื่อไหลท่วมตัว
ชายหัวล้านถูกดวงตาคู่นี้จับจ้อง
ท่อนล่างจึงมีน้ำอุ่นๆไหลเปียกลงมา
จากนั้นก็ทรุดเข่าลงพลางโยนอาวุธทิ้ง
“พี่ใหญ่ไว้ชีวิตด้วยครับ!”
เขากล่าว
“ยังคงเป็นคำถามเมื่อสักครู่นี้ ทำอย่างไรถึงจะได้รับการยกโทษจากหญิงสาว อีกทั้งยังสามารถทำให้เธอช่วยเหลือด้วยความยินดี?ผมรู้สึกว่านายรู้เรื่องพวกนี้!”
เฉินเกอเดินมาอยู่ข้างๆตัวของชายหัวล้าน จากนั้นก็จับเบาๆบนศีรษะของชายหัวล้านพลางซักถาม ราวกับมีชายชราผู้หนึ่งกำลังซักถามเด็กน้อยที่น่าเอ็นดูอยู่
“ผม……ผมรู้สึกว่า ถ้ามีโอกาส สามารถ……สามารถไปช่วยเหลือเธอก่อน ผู้หญิงส่วนมากมักเป็นคนใจอ่อน หากคุณช่วยเธอ
เธอก็จะรับรู้และไม่ถือสาหาความอะไรอีก!”
ชายหัวล้านกลืนน้ำลายแรงๆ
“อย่างนี้เหรอ!”
เฉินเกอพยักหน้าอย่างพิจารณา
เสียงตบ เพียะ!ดังขึ้นบนใบหน้าของชายหัวล้าน “รู้แล้ว ทำไมเมื่อกี้ไม่บอก!”
ชายหัวล้านตกใจกลัวจนจะขี้แตกอยู่แล้วเชียว
“ผม……ผมลืมครับ”
“นายส่งต่อคำพูดของผมให้คุณชายโกวหน่อย!”
“ลูกพี่ใหญ่ คำอะไรหรือครับ?”
“ต้องมีชีวิตอยู่ดีๆ……”
พูดจบ เฉินเกอจึงหันหลังเดินจากไป
ขณะที่เดินผ่านพวกพี่เปียว เฉินเกอรู้ว่าพวกเขาเป็นผู้รักษาความปลอดภัยของตระกูลซู เขาพยักหน้าให้พวกเขา
พวกอะเปียวก็พยักหน้าตาม จากนั้นก็แหวกทางเดินให้เขาหนึ่งสาย
เลือดจุดจื้อหยิน เฉินเกอจะต้องเอาให้ได้
และที่สำคัญ ตอนอยู่ที่สวนสาธารณะ เฉินเกอยังได้เอายันต์หยกอีกชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู
หลายวันมานี้ตนได้เสาะหาทั่วทั้งเมืองหลิวเฉิงแล้วก็มิพบการเหนี่ยวนำของหินสะท้านฟ้าเลย
นั่นแสดงว่าในเมืองหลิวเฉิงไม่มีหินสะท้านฟ้า
แต่อยู่ที่เมืองจินหลิง
อีกไม่กี่วันก็จะถึงกลางเดือนแล้ว
จำเป็นต้องเร่งรัดเสียแล้ว
หลังจากคิดไตร่ตรองดูแล้ว เฉินเกอก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลซูอีกครั้ง
เพื่อจะได้พบเจอซูฉููฉู
“พี่สาวเป็นอะไรเหรอ?ทำไมจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอยเลย?”
และซูหรานหรานชงกาแฟถ้วยหนึ่ง แล้วนำออกมาให้พี่สาวดื่ม
แต่กลับพบว่าซูฉููฉูกำลังมีสีหน้าที่ครุ่นคิดจิตใจไม่อยู่กับตัว
“ฮาๆๆๆ พี่อย่าได้บอกฉันนะว่า พี่กำลังคิดถึงขอทานคนเมื่อกี้อยู่ ไม่ไม่ไม่ ชายหนุ่มคนนั้น!”
ซูหรานหรานพูดอย่างยิ้มแย้ม
ซูฉููฉูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนครั้งก่อนๆ
แต่กล่าวว่า
“น้องรู้สึกไหมว่าชายหนุ่มคนนั้นแปลกพิลึก เขาเหมือนกำลังหาผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ ส่วนพี่น่าจะมีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับผู้หญิงคนนั้นมาก เมื่อเขาเห็นพี่จึงรู้สึกตื่นเต้น เกือบลืมทุกสิ่งอย่าง มู่หาน เขาคิดว่าพี่เป็นคนที่เขากำลังตามหาตัวอยู่ โดยมีนามว่า มู่หาน!”
ซูฉููฉูกล่าว
“ใช่แล้วจะทำไม เชอะ! ฉันยังคิดว่าเขาชอบรูปโฉมที่งดงามของพี่ แต่ผลสุดท้ายคือเขาจำคนผิด ไม่ให้พวกบอดี้การ์ดตีไอ้ขอทานที่ไม่แววตาจนตายก็นับว่าเป็นบุญของเขาแล้ว!”
เนื่องจากซูหรานหรานคิดว่าเฉินเกอเหมือนเป็นพระนามในละคร ซึ่งเนื้อเรื่องมีอยู่ว่าพระเอกขอทานตกหลุมรักนางเอกลูกเศรษฐี จึงตั้งฉายาเฉินเกอว่า ขอทาน
“ไม่ พี่คิดอยู่ตลอดเวลา บนโลกใบนี้ยังมีผู้ชายสักหนึ่งคนไหมที่รักแค่ผู้หญิงคนเดียวไปจนวันตาย พี่ก็สงสัยเหมือนน้อง เพราะไม่น่าจะมีผู้ชายที่โง่เขลาถึงเพียงนี้!แต่ว่า ตอนที่เขากอดพี่แน่นๆอยู่นั้น เหมือนพี่จะสัมผัสความในใจของเขาได้ สัมผัสได้ถึงความคิดถึงหวนหาที่เขามีต่อผู้หญิงที่ชื่อมู่หาน มันเป็นรักที่ยิ่งใหญ่มาก……”