ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 539 ความจริง
บทที่ 539 ความจริง
“อะล๋าน หนูรวบรวมสมาธิแล้วลองดูใหม่อีกครั้งสิ ดูว่ายังเป็นภาพเดิมอยู่หรือเปล่า?”
เฉินเตี๋ยนชางรีบกล่าว
ฉินหลานพยักหน้าแรงๆ
บัดนี้ เธอมองไปยังภาพสุริยัน
เธอขมวดคิ้วแน่น
เอามือปิดปากแล้วพยักหน้า“เหมือนกันทุกอย่าง ห้าคนนั้นมีท่าทางที่อำมหิตโหดเหี้ยมเหลือเกิน หนูดูต่อไม่ไหวแล้วค่ะ! คุณปู่ช่วยเสี่ยวเกอด้วยนะคะ!”
ฉินหลานพูดด้วยเสียงร้องไห้
“คุณพ่อครับ คำทำนายของภาพสุริยันเคยทำนายผิดบ้างไหมครับ ความสามารถของเสี่ยวเกอในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เป็นไปได้ยังไงครับ?”
เฉินจิ้นตงก็กล่าว
เฉินเตี๋ยนชางส่ายหัว“ภาพสุริยันไม่เคยหลอกคน มันทำนายว่าเสี่ยวเกอโดนฉีกร่างตาย มันก็จะเป็นอย่างนั้น แต่เป็นเพราะอะไร?และเป็นใครกัน?”
บัดนี้ทุกคนต่างนิ่งเงียบ
ถึงแม้ภาพสุริยันจะทำนายว่าตนจะตายอย่างอนาถ ในใจเฉินเกอก็เกิดความเจ็บปวดขึ้นมา
แต่เขาไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องเจ็บปวดเหมือนเขา
“ฮาฮา คุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่พี่สาว และพี่หลาน พวกคุณอย่าเพิ่งกังวล ตอนนี้ผมยังดีๆอยู่เลย และอีกอย่างผมบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์แล้ว ถึงแม้จะมีคนเก่งกว่าผมอยู่บนโลกนี้ แต่คิดจะฆ่าผมนั้นมันไม่ง่ายหรอก!”
เฉินเกอยิ้มแห้งๆ
เสี่ยวเกอ ปู่รู้ว่าหลานกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงแม้ตอนนี้หลานจะเก่งเกินนักฝึกวิทยายุทธกำลังภายในขั้นสูงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว แต่ยังไม่ถือว่าเป็นปรมาจารย์เต็มตัว ปู่คาดคะเนว่าน่าจะถึงปรมาจารย์ครึ่งระดับแล้ว ยังห่างจากระดับปรมาจารย์อีกครึ่งก้าวนะ!”
“ปรมาจารย์ครึ่งตัว?”
“ใช่แล้ว!ถ้าเจอผู้มาทำร้ายเป็นถึงขั้นสุดยอดปรมาจารย์ หลานก็ยังคงไม่สามารถรับมือได้ ถึงแม้ปรมาจารย์ครึ่งตัวก็ถือว่าเป็นปรมาจารย์แล้ว แต่ถ้าเทียบกับปรมาจารย์ขนานแท้ก็ยังห่างกันอยู่มากเลย!”
เฉินเตี๋ยนชางกล่าว
“แล้วคุณพ่อครับ หรือพวกเราได้แต่มองกลุ่มคนสวมหน้ากากที่แสนจะลึกลับมาทำร้ายเสี่ยวเกอเหรอครับ?น่าจะต้องเตรียมวิธีรับมือนะครับ?”
เฉินจิ้นตงพูดอย่างกังวลใจ
“ไม่แน่นอน ขอแค่มีความหวังเพียงน้อยนิด พวกเราก็ต้องไปลองทำดู ช่วงนี้มีเรื่องมากมาย ปู่รู้สึกว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ อาจจะเกี่ยวพันกับเรื่องป้ายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์!”
เฉินเตี๋ยนชางขมวดคิ้ว
“ป้ายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์?”
เฉินเกอถาม
“จิ้นตง ลูกพาคนอื่นออกไปก่อน พ่อมีเรื่องจะพูดกับเสี่ยวเกอ!”
เฉินเตี๋ยนชางกล่าว
ทุกคนออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณปู่ป้ายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์คืออะไรครับ?มันจะมีเรื่องอะไรครับ?ทำไมผมไม่เคยได้ยินท่านพูดถึงเลยครับ?”
เฉินเกอถามอย่างสงสัย
“หลานไปที่หลงเจียงไม่นาน ปู่ก็ได้รับป้ายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าขานในตำนาน ป้ายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ตามความเข้าใจของปู่คือวันที่ใช้เปิดประตูน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ มีฝ่ายอิทธิพลฝ่ายหนึ่ง เชื้อเชิญเหล่าปรมาจารย์ทั่วโลกให้ไปร่วมแข่งชิงน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ตำนานเล่าขานว่าดื่มน้ำน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว สามารถอยู่ยงคงกระพัน!”
เฉินเตี๋ยนชางหยุดชะงัก จากนั้นก็พูดต่อว่า
“งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์สามสิบปีมีจัดหนึ่งครั้ง แต่เหมือนจนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีใครได้น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาครอบครองเลย เพราะคนที่กลับจากร่วมงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่หายสาบสูญ ก็จะกลายเป็นคนบ้าๆบอๆ ไม่นานก็จะลาโลกไป!”
“ตระกูลโม่พ่อของโม่ชางหลง ได้ยินว่าเคยเข้าร่วมงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากกลับมาก็มีชีวิตอยู่ต่อไม่ถึงหนึ่งปี สิ่งนี้ก็เป็นปริศนาของตระกูลโม่เหมือนกัน!”
“ในเวลาเดียวกันก็เป็นปริศนาของผู้บรรลุถึงขั้นปรมาจารย์ด้วย!”
เฉินเตี๋ยนชางกล่าว
“ปรมาจารย์ถือว่าเป็นยอดฝีมือที่สุดและมีอยู่น้อยมากแล้ว ทำไมยังมีอำนาจใหญ่กว่าขนาดนี้ สามารถเรียกปรมาจารย์ทั่วโลกให้ไปร่วมด้วยได้ครับ?”
“ใช่แล้ว ไม่เคยเข้าร่วมงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่มีใครรู้ความจริงเรื่องนี้!”
“แต่ว่าเสี่ยวเกอ ปู่ให้หลานอยู่ต่อ เพราะยังมีเบาะแสสำคัญที่จะบอกให้หลายนรู้!”
“อะไรเหรอครับ?”
“ปู่รู้ว่าหลานได้สืบเรื่องไท่หยางเหมิงมาโดยตลอด ศิลาจารึกไท่หยางเหมิงที่ขุดค้นพบและได้วาดแผนที่ไว้ และสถานที่ที่ป้ายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ได้บรรยายบอกปู่รู้สึกว่าทั้งสองเหมือนกันมาก จึงอยากจะหารือกับหลานว่าไท่หยางเหมิงกับงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์มีความเกี่ยวพันเป็นอย่างมากหรือเปล่า?”
“ได้ยินคุณปู่พูดอย่างนี้ เหมือนจะเชื่อมโยงกันอยู่ครับ ถ้าไปที่งานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ อาจจะไขปริศนาของไท่หยางเหมิงที่แสนจะลึกล้ำได้ครับ!”
ถึงแม้จะรู้ว่าคนที่ไปเข้าร่วมงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ บางคนไม่สามารถกลับมาได้ และถึงบางคนจะกลับมาก็จะเป็นเอ๋อไปเลย
แต่ว่าเฉินเกอก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
ไท่หยางเหมิงมีตัวตนอยู่อย่างไร?พวกเขาเป็นใครกันแน่?
ลำบากลำบนมาหนึ่งปีเต็มๆ
ในที่สุดก็สามารถได้รับคำตอบแล้วหรือไม่?
และตอนนี้เฉินเกอก็เข้าใจจนได้ หนึ่งปีก่อนตนได้ถามฉินโป๋ถึงเรื่องไท่หยางเหมิง
ทำไมเขาถึงตอบว่าอยากจะสืบค้นเรื่องของไท่หยางเหมิง ทางที่ดีหักคอตัวเองฆ่าตัวตายเสียจะดีกว่า
เพราะมีเพียงปรมาจารย์เท่านั้นถึงจะไปสัมผัสความลี้ลับนี้ได้ และถึงแม้จะได้ไปสัมผัส ปรมาจารย์เหล่านี้ก็ไม่สามารถนำความลับนี้กลับมายังโลกคนธรรมดาได้!
เพราะพวกเขาไม่ตายก็ต้องเป็นบ้า!
“คุณปู่ มิน่าล่ะ ผมสังเกตเห็นปู่มีความในใจที่กังวลเป็นอย่างมาก จึงรีบเรียกตัวคนทั้งตระกูลมาสังเกตดูภาพสุริยัน ที่แท้ก็มีเรื่องกังวลอย่างนี้นี่เอง!”
“ใช่แล้ว ครั้งปู่ไปเข้าร่วม เป็นไปได้ว่ากลับมาไม่ได้ ถ้าไม่เอาภาพสุริยันไว้ให้พวกหลาน ปู่ก็จะผิดต่อตระกูลเฉินนะ!”
เฉินเตี๋ยนชางส่ายหัว
“ถ้างั้นเอาอย่างนี้ไหมครับ คุณปู่ครับ ผมเป็นตัวแทนท่านไปเข้าร่วมงานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ฮาฮา เพราะยังไงเสียภาพสุริยันทำนายบอกว่าผมต้องเจอวันแบบนั้น ถ้างานนัดหมายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์สามารถไขปริศนาของไท่หยางเหมิงได้อีกทั้งอาจจะรู้ที่อยู่ของมู่หานและอาสองได้ครับ ถ้าเป็นเช่นนั้น ถึงผมจะต้องตายก็นอนตายตาหลับแล้วครับ!”
เฉินเกอยิ้มแห้งๆพลางพูด
“ไม่ได้ ป้ายน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์แกะสลักชื่อปู่ไว้ แสดงว่าพวกเขาเจาะจงจะให้ปู่ไปร่วม ตอนนี้หลานยังถือว่าเป็นปรมาจารย์ครึ่งระดับ ไม่ใช่ปรมาจารย์สมบูรณ์แบบ พวกเขาก็ไม่มีทางเชื้อเชิญหลานหรอก!เสี่ยวเกอ ความกตัญญูของหลานปู่เข้าใจ แต่……”
พูดถึงตอนนี้ วีรบุรุษที่เลื่องลืออย่างเฉินเตี๋ยนชางก็มีน้ำตาขึ้นมากะทันหัน
“แต่ปู่ก็หาวิธีช่วยหลานไม่ได้จริงๆ ปู่ไปเข้าร่วมวันนี้ไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง หลานเป็นอนาคตของตระกูลเฉิน ถ้าหลานตาย ตระกูลเฉินของปู่ก็บรรลัยแล้ว!!!”
เฉินเตี๋ยนชางร้องไห้
ถึงปากเขาจะบอกว่าพยายามหาวิธี แต่คำทำนายของภาพสุริยันอยู่ตรงหน้าแล้ว เขายังมีวิธีอะไรอีก?
ส่วนเฉินเกอก็น้ำตาไหลเช่นกัน
เฉินเกอไม่ได้กลัวตาย แต่ตอนนี้ให้ตนตายอย่างไร้เหตุผล จะต้องจากทุกคนไปแล้ว
ในใจเฉินเกอก็รู้สึกเจ็บปวดมากๆ
“คุณปู่อย่าเสียใจเลยครับ ถ้าเฉินเกออย่างผมต้องเจอแบบนั้นสักวันหนึ่ง ผมจะสู้กับคนพวกนั้นจนลมหายใจสุดท้ายเลยครับ!”
เฉินเกอกำหมัดไว้แน่น
เฉินเตี๋ยนชางมองหลานชายพลางพยักหน้าแรงๆ
จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “เพียงแต่ไม่รู้ว่า หญิงชุดขาวที่อะล๋านพูดถึงเป็นใคร เหมือนจะมีความเชื่อมโยงกับหลานมากเลยนะ!อืม!วิเคราะห์ไม่ออกจริงๆ……ส่วนอะล๋านทำให้ปู่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ได้ยินพ่อหลานบอกว่า เมื่อวานอะล๋านสามารถเห็นรูปปั้นหินล้มลงกับพื้นในศิลาจารึกแท่นนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น วันนี้ยังเข้าใจความหมายภาพสุริยัน……เด็กสาวคนนี้เป็นคนที่ไหนกันแน่ ตอนพ่อแม่หลานเก็บเธอได้ที่ชายหาด ปู่ลองแอบไปสืบค้นดูแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย แต่ปู่คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีพรสวรรค์ในด้านนี้……”
เฉินเกอเงียบ
ในใจเขาสับสนวุ่นวาย เหมือนทุกอย่างจะไม่ง่ายเสียเลย แต่รู้สึกความจริงเหล่านั้นใกล้เข้าตัวเขาขึ้นมาทุกทีแล้ว……