ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 425 รูดผิดแล้ว
บทที่ 425 รูดผิดแล้ว
พนักงานขายตกใจกับน้ำเสียงของเฉินเกอทันที
แม้แต่พวกป้าใหญ่ ก็ยังชะงักตกใจกับน้ำเสียงของเฉินเกอ
แม้ว่าเสียงจะไม่ดัง แต่ในน้ำเสียงของเฉินเกอมีความโหดเหี้ยม ทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้าน
“หึม! นายเนี่ยนะ ยังจะซื้อสิบชุด เสื้อผ้าในนี้ ขั้นต่ำเริ่มต้นที่สี่หมื่นกว่า ถ้าสิบชุด ยังไงก็ต้องแสนกว่าแล้ว อย่างนายเนี่ยนะ?”
พวกป้าใหญ่เกลียดความรู้สึกที่ถูกเฉินเกอสะเทือน
และเขายังจะเอาสิบชุดด้วย?
เหอะๆ!
เลยพูดประชดประชันในทันที
หยางเสี่ยวเป้ยก็ได้ดึงแขนของเฉินเกอแล้วพูดว่า “พี่ชายช่างเถอะ ป้าใหญ่พูดถูก เราไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าในนี้ เราไปกันเถอะ!”
“ไม่เป็นไร ฉันบอกว่าจะซื้อให้เธอก็ต้องซื้อให้เธอ พอดีเลย ฉันเห็นเธอเมื่อกี้ลองไปหลายชุด ล้วนเหมาะกับเธอดี เอาอย่างนี้แล้วกัน ซื้อหมดเลยแล้วกัน!พนักงานขาย คิดดูว่าราคาเท่าไหร่ ฉันรูดบัตร!”
เฉินเกอหยิบบัตรธนาคารของเขาออกมาทันที
พนักงานขายรีบพยักหน้าทันที
“เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ได้เรียกเธอ คนที่ฉันเรียกคือเธอ ไปช่วยฉันห่อเสื้อผ้าให้เรียบร้อย!”
เฉินเกอชี้ไปที่อีกด้านหนึ่ง พนักงานขายที่ยืนอยู่ทางนั้นก็พูดขึ้น
“ได้ค่ะคุณผู้ชาย!”
พนักงานขายรีบไปแพ็คเสื้อผ้าทันที ทั้งหมดคือสิบชุด
ราคารวมอยู่ที่ เจ็ดแสนหก
“ฮ่าๆๆ ไอ้โง่นี่ เจ็ดแสนหกน่ะ เขาจะต้องตายแล้ว!”
“ใช่เลย อยากจะโอ้อวดก็ไม่ใช่โอ้อวดแบบนี้ ซื้อเสื้อผ้าเจ็ดแสนหก เป็นครั้งแรกในประวัติกาล!”
เมิ่งช่านที่อยู่ด้านข้าง มีความสุขยิ่งนัก
และพวกลูกพี่ลูกน้องของเฉินเกอ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดดูถูก
“หืม! ฉันจะดูว่าเฉินเกอนายนี่ จะจบเรื่องนี้อย่างไร!?”
พวกป้าใหญ่ ก็มองหน้ากันไปมา ต่างมือกอดอกไว้ มองไปที่เฉินเกอด้วยสายตาเย้ยหยัน
เครื่องรูดบัตร ถูกนำออกมาอย่างรวดเร็ว
เฉินเกอกดรหัสอย่างคุ้นเคย
แต่ในตอนที่เฉินเกอกดหมายเลขสุดท้าย พนักงานขายก็อุทานออกมากะทันหัน
“เดี๋ยวก่อนคุณผู้ชาย ฉันกดผิดแล้ว!”
พนักงานขายเมื่อกี้รู้สึกประหม่าตื่นเต้นจริงๆ เพราะยังไงแล้ว ยอดขายเจ็ดแสนหกโบนัสในวันเดียว ตัวเองก็ได้สามถึงสี่หมื่นแล้ว จะไม่ดีใจได้อย่างไร!
และตัวเองไม่ขยับปากเลยด้วยซ้ำ ก็ได้ออเดอร์ชิ้นใหญ่นี้
บวกกับรอบข้างมีคนดูอยู่มากมาย ดังนั้นจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เลยไม่ทันระวังกดศูนย์เพิ่มอีกตัวหนึ่ง
แต่ว่าหลังจากที่เธอพูดจบ จบเฉินเกอได้ป้อนรหัสผ่านแล้ว เครื่องรูดบัตรแสดงให้เห็นว่ากำลังอ่านข้อมูล……
“คุณผู้ชายขออภัยด้วย ฉันกดเจ็ดแสนหกเป็นเจ็ดล้านหกแล้ว ขออภัยมากจริงๆ!”
พนักงานรีบโค้งคำนับขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษ ต่อให้กดศูนย์น้อยไปตัวหนึ่ง เจ็บหมื่นหก เขาก็ไม่มีปัญญาจ่าย!”
ป้าสามพูดยิ้มขึ้น
ติ๊ก!
ทันใดนั้นเครื่องรูดบัตรก็ดังขึ้นเบาๆ
ข้างในแสดงว่าการทำธุรกรรมสำเร็จ
และใบเสร็จนั้น ก็พิมพ์ออกมาหลังจากนั้น!
“อะไรนะ?”
ป้าใหญ่และลูกพี่ลูกน้องกับเมิ่งช่านต่างก็ตกตะลึงสะท้านไปทั้งตัว
การทำธุรกรรมสำเร็จ?
ในบัตรธนาคารของเฉินเกอ? ถึงกับ……ถึงกับมีเจ็ดล้านหก?”
ให้ตายเถอะ! ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?
ปากของเมิ่งช่านอ้างกว้างค้างไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ส่วนพวกป้าใหญ่นั้น ต่างก็มองหน้ากันไปมา ในตอนนี้สีหน้าล้วนดูแย่มาก
เฉินเกอคนนี้ ยากจนตั้งแต่เด็ก แต่ในตอนนี้ ในบัตรธนาคารของเขา มีเจ็ดล้านหกได้อย่างไร?
พนักงานขายยิ่งตกใจจนมือสั่น “ขอโทษค่ะ คุณผู้ชาย ฉันคืนเงินส่วนเกินให้คุณทันที ขอโทษจริงๆ!”
“ช่างเถอะ ไม่ต้องคืนแล้ว ที่นี่ของพวกเธอ มีบัตรสมาชิกไม่ใช่เหรอ ทำบัตรสมาชิกให้กับน้องสาวใบหนึ่ง เติมเงินที่เหลือเข้าไปในนั้นแล้วกัน!”
เฉินเกอหยิบบัตรธนาคารคืนมา ยิ้มอย่างจนใจขมขื่น
ถ้าเมื่อกี้ป้าใหญ่แค่พูดเยาะเย้ยแทงใจตัวเอง ตัวเองก็จะไม่ว่าอะไรเลย แรงต้านทานแค่นี้เฉินเกอก็ยังคงมีอยู่
แต่ว่า ด่าว่าเสี่ยวเป้ยขนาดนี้ นั้นก็ไม่ได้
เพราะเพียงแค่บุญคุณของน้าห้า ที่มีต่อแม่ของเขาในตอนนั้น ก็ไม่สามารถวัดได้ด้วยเงินอย่างง่ายดายแล้ว
ดังนั้น เฉินเกอจึงต้องการแก้แค้นให้กับเสี่ยวเป้ย
แต่ไม่คาดคิดว่า รูดไปเจ็ดล้านหกโดยตรง
แต่มันไม่สำคัญแล้ว เจ็ดล้านหกกับเจ็ดแสนหก สำหรับเฉินเกอในตอนนี้แล้ว นอกเหนือจากความแตกต่างของตัวเลขระหว่างทั้งสอง ก็ไม่มีความหมายอื่นแต่อย่างใดแล้ว
“พี่ชาย นี่……นี่มันมูลค่ามากเกินไปแล้ว! พี่รีบคืนเงินกลับไปเถอะ!”
เสี่ยวเป้ยร้อนรนจนกระทืบเท้า
“คืนอะไรคืน ในเมื่อเขาเติมเข้าไปในบัตรของเธอแล้ว ก็เติมเลย นายหน้าโง่นี่ ฮ่าๆ เงินเยอะขนาดนี้ก็เติมหมดแล้ว ฉันดูว่าในอนาคตนายจะทำยังไง?”
ส่วนป้าใหญ่นั้น แม้ว่าจะประหลาดใจและตกตะลึง
แต่ที่มีเยอะกว่า คือแอบดีใจที่เหมือนได้แก้แค้น
เพราะเงินนี้เติมเข้าไปในบัตรสมาชิก นอกจากซื้อเสื้อผ้าแล้ว ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ให้เฉินเกอ นายคนนี้อวดเก่งดีนะ!
แต่ในใจก็ถูกกระทบกระเทือนมากเหมือนกัน ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมาก เฉินเกอร่ำรวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ในเวลานี้ แม้แต่อารมณ์ในการช็อปปิ้งซื้อเสื้อผ้า ก็ไม่มีหมดแล้ว
เมิ่งช่านก็เช่นเดียวกัน ตัวเองจะซื้อเสื้อผ้าราคาแปดหมื่นกว่า ยังต้องคิดลังเลเป็นเวลานาน แต่เฉินเกอที่ตัวเองดูถูกล่ะ คนเขาเติมไปเจ็ดล้านหกโดยตรงเลยนะ! ! !
เมิ่งช่านออกไปอย่างอารมณ์หดหู่
และในเวลานี้ ฉินหยาก็ได้เดินออกมาจากร้านข้างๆพอดี
ได้เห็น เมิ่งช่านอารมณ์หดหู่ ท่าทางเหมือนวิญญาณออกจากร่าง ก็อดยิ้มไม่ได้
“อุ้ย นี่ช่านช่านของเราเป็นอะไรหรือเนี่ย? ซื้อเสื้อผ้าจนอารมณ์ไม่ดีเลยหรือ?”
เมิ่งช่านหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า
“เสี่ยวหยา เธอเชื่อในโชคชะตาไหม?”
“ห๊า? โชคชะตาอะไร?”
“ก็คือคนคนหนึ่ง ที่เดิมทีจนมากๆเลย จู่ๆก็รวยขึ้นมากะทันหัน แบบรวยมากๆเลย!”
เมิ่งช่าน พูดอย่างรีบร้อน
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เมื่อกี้ฉัน…… ได้เห็นเฉินเกอแล้ว!”
“เธอได้เห็นเฉินเกอเหรอ?”
ฉินหยารู้สึกประหม่าในใจทันที
“ใช่แล้ว เฉินเกอ! ฉินหยาเธอไม่รู้ เฉินเกอตอนนี้เขา……ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ในเมื่อก่อน เขาเป็นคนที่ยากจนที่สุดในห้องเรียนของเรา ในตอนนั้นทุกคนรังแกเขา ฉันก็รังแกเขาด้วย แต่ในตอนนี้ล่ะ ดูเหมือนเขาจะรวยมากเลย? เธอรู้ไหม? เขาไม่ใช่นายกระจอกในสมัยมัธยมแล้วนะ!”
ฉินหยามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่ได้เห็นร่างของเฉินเกอ
ถึงได้พยักหน้าตอบโดยไม่รู้ตัว “เงินของเฉินเกอนั้น ไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถจินตนาการได้!”
“อ๊าก? เสี่ยวหยา เธอพูดอะไร?”
เมิ่งช่าน ได้ยินไม่ชัด
“อ๊ะ? ฉัน……ฉันไม่ได้พูดอะไร!”
ฉินหยาดึงสติกลับมาได้ ส่ายหัวเบาๆ
“เธออย่าคิดมาก ต่อจากนี้ทำดีกับเฉินเกอหน่อยก็ได้แล้ว ยังไงสักพวกเธอก็เคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน!”
ฉินหยาพูดขึ้น
“อืมๆ เสี่ยวหยา ถูกต้องเลย เมื่อกี้เฉินเกอทำให้ฉันได้เห็นอีกด้านของเขาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตอนที่เขารูดบัตร มีความเป็นผู้ชายมาก ดูเหมือนต่อไปนี้ จะต้องปฏิบัติกับเขาดีขึ้นหน่อยแล้วจริงๆ!”
แต่เมื่อฉินหยาเห็นรอยยิ้มมุมปากของเมิ่งช่านกลับรู้สึกอึดอัดในใจเล็กน้อย……
“ฉันโกรธแทบตายจริงๆ ฉันโกรธแทบตายเลย!”
ระหว่างทางกลับ โกวหรูกระแทกพวงมาลัยอย่างแรง
“ทำไมลูกชายของผู้หญิงคนนั้นถึงมีเงินมากขนาดนี้ เจ็ดล้านแปด เขาเอามาจากไหน เขาถูกล็อตเตอรี่หรือ?”
โกวหรูพึมพำประโยคนี้ตลอดทาง
เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ ไม่มีใครต้องการให้ศัตรูของตัวเองแข็งแกร่ง
“ใช่เลย เจ็ดล้านแปด แม้สำหรับพวกเราแล้ว ก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ได้เห็นไอ้หมอนี่ไหม ใช้เงินไม่แม้แต่จะกะพริบตา!”
ป้าสองยังพูดเช่นกัน
“ป้าใหญ่ คุณแม่ ป้าสาม เดิมทีเราคิดว่า ตอนที่เราเห็นเฉินเกอครั้งแรก เขาจงใจแสร้งทำ ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพ ดังนั้นจึงไปเช่าพวกข้าวของเหล่านั้น แต่เมื่อมาดูในตอนนี้ เรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นในบาร์ อาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้!”
ในเวลานี้ น้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้น
“หมายความว่ายังไง? เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นที่บาร์?”