ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 369 ตะลึงทั้งสนาม
บทที่ 369 ตะลึงทั้งสนาม
หลี่เหวินเทาทางนั้นกำลังประคองเฉินจุนเหวินอยู่
เห็นการปะทะกันขึ้นมาทางนี้ ที่น้องสาวตัวเองถูกคนทำร้าย
เขารู้สึกโมโหจนเก็บอารมณ์เอาไว้ไม่ได้ จึงพุ่งตัวเข้ามา
เดิมที เฉินจุนเหวินที่ถูกผู้หญิงคนหนึ่งทำเสียจนเป็นแบบนี้ อีกทั้งในฐานะที่เป็นผู้เล่นที่เป็นที่ยอมรับในมหาวิทยาลัย หลี่เหวินเทาไม่กล้ารับคำท้าเมื่อครู่นี้ก็เป็นที่น่าอับอายมากพอแล้ว
ตอนนี้น้องสาวของตัวเองถูกคนอื่นรังแก ถ้าหากตัวเองไม่ออกมาแสดงตัวอีก เช่นนั้นก็คงจะขายหน้าไปทั้งตระกูลจริงๆแล้ว
“กล้าทำน้องฉัน ฉันว่านายไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!”
หลี่เหวินเทาพุ่งเข้าไป แล้วถีบไปที่หน้าอกของเฉินเกอ
“โอ้ว เห็นหรือยัง หลี่เหวินเทาเดือดแล้ว!”
“แน่นอนว่าต้องเดือดสิ ตอนนี้ผู้ชายได้รับการดูถูก แล้วเขาก็ไม่กล้ารับคำท้าอีก นายนั่นแย่แล้ว แม้แต่น้องสาวของหลี่เหวินเทาก็ยังกล้าทำอย่างนั้นหรือ!”
“จะต้องเอาความโมโหนี้มาลงกับนายคนนี้แน่ๆ!”
ขณะที่ทุกคนกำลังกลั้นหายใจ มองเท้าที่กำลังจะกระทบลงไป
ทันได้นั้นเองก็เห็นร่างของหลี่เหวินเทาที่กำลังสัมผัสเฉินเกอนั้นเพิ่มความเร็วขึ้น
ราวกับว่าวที่เชือกขาด ลอยออกไปเลยเสียอย่างนั้น!
กระแทกลงพื้นอย่างแรง
หลี่เหวินเทารู้สึกว่าทั้งร่างกายของตัวเองนั้นแหลกกระจุยไปแล้ว แม้แต่แรงที่จะลุกปีนขึ้นมานั้นก็ไม่มีเลยเสียด้วยซ้ำ
ฉากนี้
ทำให้หวางเสี่ยวหัวที่เป็นกังวลมาตลอดนั้นถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตะลึง
ส่วนสวี่หยางหยางที่ตื่นเต้นดีใจผิดปกตินั้นก็กำลังอึ้งไปด้วยเช่นกัน
หรือแม้กระทั่งทุกคนในสนามก็พากันมองเฉินเกออย่างไม่อยากจะเชื่ออีกด้วย
เนื่องจากเมื่อครู่นี้ ทุกอย่างรวดเร็วมากจริงๆ ทุกคนยังเห็นไม่ชัดเจนเลยเสียด้วย
หลี่เหวินเทาล้มออกไปทั้งตัวต่อหน้าเฉินเกอ
นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าหูฮุ่ยหมินเองก็เห็นฉากนี้ด้วยเช่นกัน อย่างเหลือเชื่อ
ทักษะของหลี่เหวินเทานั้นหูฮุ่ยหมินเองก็เคยได้ยินมา ทะเลาะวิวาทลงมืออะไรพวกนั้นก็เก่งมากเช่นกัน เฉินเกอไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากว่าเฉินเกอไม่ทันระวังจึงจับเขาโยนออกไปนั้น เห็นได้ชัดว่าดูจะฝืนไปอยู่บ้าง
“เจี่่ยนนัน! เขา…….”
ส่วนฟางหยีนั้นแลบลิ้นออกมา แล้ววิ่งไปข้างๆฟางเจี่่ยนนัน
“ฉันเห็นแล้ว!”
ฟางเจี่่ยนนันขมวดขึ้นมาเล็กน้อย แล้วมองเฉินเกอด้วยความสงสัย
ส่วนเฉินเกอนั้น นับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้มันหลังจากที่เรียนกับฉินอีฝาน
เมื่อครู่นี้เป็นการตอบสนองที่ดูกังวล จึงไม่ได้คำนึงถึงพละกำลังนี้
แต่สิ่งที่ฉินอีฝานสอนนั้นใช้ประโยชน์ได้จริงๆ
และตอนนี้เองที่สายตาทุกคนมองมายังเฉินเกอนั้นก็เปลี่ยนไป
“เก่งมากจริงๆ คนที่มีทักษะดีๆอย่างหลี่เหวินเทาก็ถูกล้มได้ภายในวินาทีเดียว!”
“ใช่ ไม่ต่างกับตอนที่สาวสวยเทพธิดาเราสู้กับเฉินจุนเหวินเลย ล้มได้เพียงวินาทีเดียว ดูแล้วเธอจะได้เจอกับคู่ต่อสู้แล้วสิ!”
“พูดได้ไม่เลวนี่ ลูกพี่เฉินเกอ กู้หน้าให้ผู้ชายอย่างพวกเรากลับมาแล้ว!”
เวลานี้มีคนกำลังตะโกนอยู่
ถึงแม้ว่าสาวสวยเทพธิดานั้นจะสวยและเก่ง แต่เมื่อครู่นี้ที่เธอกวาดตามองไปยังกลุ่มผู้ชาย ผู้ชายทั้งหมด รวมทั้งเหลียงเฟยต่างก็ไม่มีใครกล้ารับคำท้าเลย ทำให้ผู้ชายทุกคนในสนามนั้นรู้สึกอับอายขายหน้ามากจริงๆเช่นกัน
แม้แต่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็เอาชนะไม่ได้ ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า!
ในใจของทุกคนนั้นรู้สึกอับอายยิ่งนัก
“ลูกพี่เฉินเกอ ลงสนามเลย! เอาชนะเธอให้ได้!”
“เอาชนะเธอ!”
“เอาชนะเธอให้ได้!”
“………..”
พวกผู้ชายตะโกนร้องเชียร์
ส่วนพวกผู้หญิงเองก็ไม่ยอมแพ้ ต่างก็พากันตะโกนร้องเชียร์ฟางเจี่่ยนนันเพิ่มกำลังใจ
“พี่เฉิน ขึ้นไปสิ ไม่คิดเลยนะว่านายจะเก่งขนาดนี้!”
หวางเสี่ยวหัวนวดไหล่ให้เฉินเกอด้วยความตื่นเต้น
ส่วนฟางเจี่่ยนนันนั้น เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังมองไปทางเฉินเกอด้วยความสนใจ เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว
แต่เฉินเกอรู้สึกลำบากใจ
ฟางเจี่่ยนนันเก่งมากจริงๆ อีกทั้งฝีมือก็โหดมากอีกด้วย
ถามตัวเองดูก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ
“ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริงๆก็ขึ้นมาแข่งซะ พวกขี้ขลาด!”
ฟางหยีตะโกนบอกกับเฉินเกอ
พูดตามความจริงแล้ว เธอหวังว่าจะได้เห็นการต่อสู้ของฟางเจี่่ยนนันกับเฉินเกอ
“ใช่แล้ว ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริงๆก็ขึ้นมาสิ!”
พวกผู้หญิงต่างก็พากันตะโกนใส่เฉินเกอ
เฉินเกอส่ายหน้าพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
ตอนนี้ขึ้นมาบนหลังเสือแล้วก็คงจะลงจากหลังเสือยากแล้ว จึงพยักหน้าลง
จริงๆแล้ว ที่ท่านฉินสอนเขาในสามวันนี้นั้นมีทั้งหมดห้าทักษะด้วยกัน
แบ่งเป็นห้าทักษะคือการบล็อกหมัด บล็อกขา บล็อกมีดยาว บล็อกมีดสั้นและวิธีการโจมตีจากการถูกคนอื่นจับตัวจากทางด้านหลัง
เพื่อให้เวลาที่ตัวเองพบกับอันตรายก็จะสามารถนำมาใช้ได้
แต่การมาใช้ต่อสู้กับคนอื่นแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี
และขณะที่เฉินเกอกำลังคิดว่าจะใช้วิธีอะไรมาต้านกับฟางเจี่่ยนนันนั้น
ก็เห็นฟางเจี่่ยนนันพุ่งตัวเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ชัดเจนว่าเธอเห็นตัวเองเป็นบุคคลที่มีฝีมือแล้ว
“แย่แล้วแย่แล้ว สาวสวยนั่นขึ้นมาก็โหดขนาดนี้เลย!”
“โหดกว่าตอนที่สู้กับเฉินจุนเหวินอีก!”
“รอบนี้น่าดูแล้วสิ ไม่รู้ว่าเฉินเกอจะรับมืออย่างไร?”
ทุกคนพากันดูด้วยความตื่นตะลึง
“จะต้องรับมือไม่ได้แน่ๆ ฉันดูแล้วเฉินเกอเหมือนกับจะไม่มีแรงอะไรแล้วล่ะ?”
“ไม่รู้ว่าหลี่เหวินเทาทำอย่างไรถึงได้ถูกเขาล้มไปแบบนั้น ไม่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญหรอกนะ?”
มีคนกำลังปรึกษากัน
และไม่นาน ฟางเจี่่ยนนันก็พุ่งมาถึงตรงด้านหน้าของเฉินเกอ อีกทั้งยังหมุนตัวอย่างรวดเร็ว แล้วตามมาด้วยท่าเตะวงสวิงกลางอากาศอย่างได้มาตรฐานและสวยงาม
แรงที่รวดเร็วนี้เป็นการเคลื่อนไหวในท่วงท่าเดียว
ราวกับว่าได้ฝึกซ้อมมาเป็นพันเป็นหมื่นครั้งแล้วอย่างไรอย่างนั้น
แต่ในหัวของเฉินเกอนั้นจำได้อยู่หนึ่งประโยค ไม่ต้องสนใจว่าตรงหน้านั้นจะเจอกับทักษะอะไร เธอยื่นขานายก็ต้องใช้วิธีที่สองในการบล็อกขา
ขณะนั้นเฉินเกอก็ได้บีบตรงจุดลมปราณที่ขาของฟางเจี่่ยนนันเอาไว้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ค่อยๆถอนมือออกมา หันข้างมาก็เห็นว่าฟางเจี่่ยนนันจุดถ่วงของฟางเจี่่ยนนันนั้นไม่มั่นคงแล้ว แทบจะไม่ต่างกับหลี่เหวินเทาเมื่อครู่นี้เลย
เมื่อประจันหน้ากัน ก็เหมือนกับว่าวที่เชือกขาดไปแล้ว ลอยออกไปทันที!
เหวี่ยงออกไปนอกสนามอย่างแรง
“อะไรกัน?”
ทุกคนรู้สึกอึ้ง
บ้าเอ้ย เธอแข็งแกร่งขนาดนี้ ก็ถูกล้มได้ภายในวินาทีเดียวอย่างนั้นหรือ?
เฉินจุนเหวินกับหูฮุ่ยหมินล้วนแต่มีใบหน้าที่ดูตกตะลึง และเดิมทีสวี่หยางหยางและพวกผู้หญิงที่พากันร้องออกมาด้วยความดีใจนั้น ก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
“เจี่่ยนนัน!”
ฟางหยีตื่นเต้นขึ้นยิ่งกว่าเดิม เธอร้องเรียกชื่อของฟางเจี่่ยนนันออกมา
หลังจากนั้นจึงวิ่งเข้าไปหาแล้วพยุงฟางเจี่่ยนนันขึ้นมา
ส่วนฟางเจี่่ยนนันนั้น เมื่อครู่คงจะเป็นเพราะถูกทำให้ได้รับความเสียหายตรงหัวไหล่ เวลานี้เธอจับไหล่เอาไว้ แล้วมองไปยังเฉินเกอด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูซับซ้อน
ตั้งแต่เด็กจนโต เธอพยายามจะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งที่สุด เพื่อให้ได้สิ่งตอบแทนที่มากขึ้น
ในบรรดาคนที่อายุเท่าๆกัน เธอรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอกับพวกเขาไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกเดียวกัน
แต่ไม่คิดว่าทักษะที่น่าภูมิใจของเธอมากที่สุดจะทำให้เธอแพ้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกได้รับความล้มเหลว
อีกทั้งคนๆนี้ใช้เพียงแค่ทักษะเดียวเท่านั้น
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาการที่ตกตะลึงในขณะนี้ของหูฮุ่ยหมินเลย
หลังจากนั้นก็มีเสียงตะโกนร้องดังก้องไปทั่วทั้งสนาม
ตอนกลางคืน ภายในห้องวิลล่าของตระกูลฟาง
“ซี๊ด……เบาๆหน่อยสิ!”
ฟางหยีกำลังเช็ดหัวไหล่อย่างระมัดระวังให้กับฟางเจี่่ยนนัน
“นี่บวมแดงขนาดนี้แล้ว ฮึ่ย น่าโมโหจริงๆ ทุกคนก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น ไม่คิดว่าเฉินเกอจะลงมือโหดขนาดนี้ เธอดูสิไหล่เธอจะหลุดอยู่แล้วนะ!”
ฟางหยีเอ่ยพูดออกมาด้วยความโมโห : “ฮึ่ย บีบฉันขนาดนี้ ก็อย่ามาโทษว่าไม่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนแล้วกันนะ หาคนไปจัดการเขาหน่อยดีกว่า!”
“เธออย่ามาทำให้มันวุ่นวายไปหน่อยเลย แพ้แล้วก็คือแพ้!”
ฟางเจี่่ยนนันกล่าว
“แพ้อะไรกัน เห็นชัดๆเลยว่าเฉินเกอนั่นน่ะเป็นพวกฉลาดแกมโกง!”
ฟางเจี่่ยนนันใส่เสื้อผ้า หลังนั้นก็มองมายังฟางหยีอย่างเลี่ยงไม่ได้ : “เอาล่ะ จะเป็นการฉลาดแกมโกงหรือเปล่าฉันเข้าใจ เดี๋ยวฉันทายาเอง เธอไปช่วยตะโกนเรียกอาจารย์ทั้งสิบสองให้ฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะบอกพวกเขา!”