ที่แท้....ฉันเป็นลูกเศรษฐี! - ตอนที่ 305 งานเลี้ยงบุคคลสำคัญ
บทที่ 305 งานเลี้ยงบุคคลสำคัญ
และในขณะที่เฉินเกอกำลังเดินเป็นเพื่อนไปกับฉินหยานั้น
ทันใดโทรศัพท์ก็มีสายเรียกเข้าจาก หลี่เจิ้นกั๋ว
“คุณเฉิน คืนนี้มีงานเลี้ยงของคนมีชื่อเสียง เลยอยากจะให้คุณร่วมด้วยนะครับ และพอดีว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่งมาจากหนานหยาง พอดีเลย เดี๋ยวเอาป้ายหยกให้ท่านดูหน่อย และงานเลี้ยงในครั้งนี้ ทั้งเมืองจินหลิง หรือทั่วทั้งมณฑลต่างก็มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายต่างก็เข้าร่วมด้วย ”
หลี่เจิ้นกั๋วตอนนี้กำลังช่วยตัวเองสืบเรื่องหยางเสว่อยู่
งานเลี้ยงในครั้งนี้ ตอนแรกเมื่อหลายวันก่อน หลี่เจิ้นกั๋วเป็นคนแจ้งกับตัวเองเอาไว้
ในแต่ละปีที่จินหลิง ต้องมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจด้านใด แขนงไหนต่างก็ต้องมีบุคคลสำคัญ ๆ มาร่วม
งานนี้ หากเฉินเกอไม่ไปคงไม่ได้
ครั้นแล้วก็ตอบตกลงไป
เมื่อถึงตอนกลางคืน เฉินเกอก็ได้มาถึงยังสถานที่จัดงาน
คนภายในงานเยอะแยะมากมาย
ส่วนคนที่มากับเฉินเกอนั้น ก็คือ หวงหยงหาวและไป๋เสี่ยวเฟย
สถานที่จัดงานเลี้ยงนั้น มีชื่อว่าชานฉวยมาเนอร์
นอกจากวิลล่าสปาแล้ว ในจินหลิงก็ยังมีสถานที่หนึ่งที่สามารถจัดงานเลี้ยงรับรองที่ขนาดใหญ่ได้
เจ้าของสถานที่ดังกล่าว ชื่อ ฉีเหว่ย
เป็นชายวัยกลางคน อายุประมาณสี่สิบกว่าปีแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนก็เคยเจอกันมาหลายครั้งแล้ว
ด้วยความที่เขานั้นเป็นคนที่ปลิ้นปล้อน เฉินเกอเลยไม่ค่อยจะรู้สึกชอบเขาสักเท่าไร
“โอ้ คุณเฉินมาแล้วหรือนี่”
ฉีเหว่ยเห็นเฉินเกอและหวงหยงหาวกับผู้ติดตามเดินมา จากนั้นเขาจึงรีบเดินเข้ามาทักทาย
และภายในงาน เหล่าบรรดานักธุรกิจจำนวนไม่น้อย ต่างก็เดินเข้ามาหาเฉินเกอ
เพื่อทำการทักทาย
“สวัสดีครับ ประธานฉี”
เฉินเกอยิ้ม ๆ
ถือว่าเป็นการทักทายไป
จากนั้นหวงหยงหาวก็เดินนำไปยังที่นั่งของโต๊ะประธาน
และเพิ่งจะกำลังนั่งลงนั้น
ฉีเหว่ยจึงรีบเดินเข้ามา “เดี๋ยว ๆคุณชายหวง คุณชายไป๋ วันนี้พวกท่านไม่ได้นั่งตรงนี้นะครับ”
“อะไรนะฉีเหว่ย หมายความว่ายังไง”
หวงหยงหาวตะลึง
งานเลี้ยงบุคคลสำคัญอย่างนี้ หวงหยงหาวเองก็เข้าร่วมมานับครั้งไม่ถ้วน
ซึ่งโดยปกติแล้ว ที่นั่งตรงนี้ มักจะเป็นพี่สาวบุญธรรมอย่างเฉินเสี่ยวเป็นคนได้นั่ง
และเขาเองก็เป็นน้องบุญธรรม แน่นอนสิว่าต้องนั่งข้าง ๆ กับพี่สาวตัวเอง
และตอนนี้พี่ชายบุญธรรมอย่างเฉินเกอเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในจินหลิงแล้ว ที่นั่งตรงนี้ก็ต้องเป็นที่นั่งของเฉินเกอสิ ส่วนพวกเขาเองก็ต้องนั่งร่วมโต๊ะด้วยเป็นธรรมดา
“เดี๋ยว ๆ ไม่ได้มีความหมายอื่น ในทุก ๆ ปีที่นั่งตรงนี้ คุณสามารถนั่งได้ แต่ว่าปีนี้ สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว คุณคงจะนั่งตรงนี้ไม่ได้แล้วล่ะ”
ฉีเหว่ยพูดด้วยความพอใจ
รายชื่อเหล่าบรรดาคนสำคัญในมณฑลของปีนี้ก็มี
ในเวลานี้ เมื่อเจอเข้ากับสถานการณ์เช่นนี้ เหล่าบรรดานักธุรกิจทั้งหลายที่มีส่วมร่วมในการประกอบกิจการกับเฉินเกอนั้นต่างก็ได้เดินเข้ามา
“ฮืม ไม่นั่งก็ได้ ดูคุณพูดเข้าสิ เสี่ยวเฟย พวกเราไปหาที่นั่งอื่นนั่งเถอะ คุณเฉิน นั่งตรงนี้ครับ”
หวงหยงหาวเองก็ได้จัดหาที่นั่งให้กับพี่ชายบุญธรรมอย่างเฉินเกอแล้ว
เฉินเกอพยักหน้า
และในขณะที่กำลังจะนั่งลง
“เดี๋ยวก่อน”
ฉีเหว่ยเองก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง
“มีอะไรอีกหรือเปล่า” ในเวลานั้น หลี่เจิ้นกั๋วกับจ้าวจื่อซิ่งก็ได้เดินเข้ามา
“ปีนี้โต๊ะประธานนี้ เกรงว่าคุณเฉินจะนั่งไม่ได้แล้วครับ”
ฉีเหว่ยพูด
“แม่ง ฉีเหว่ย นายกินดีหมีมาหรอ ทำไมกล้าขนาดนี้ นายพูดอะไรนะ หากมีปัญญานายลองพูดอีกรอบสิ”
หวงหยงหาวกำคอเสื้อของฉีเหว่ยเอาไว้
ไอ้ห่านี่ วันนี้ทำไมมันทำให้ฉันโมโหได้ขนาดนี้
ฉีเหว่ยยังคงใช้สีหน้าที่นิ่ง ๆ มองหวงหยงหาว “คุณชายหวง อย่าวู่วามครับ จะให้พูดอีกรอบก็ได้ ที่นั่งตรงนี้ คุณเฉินไม่สามารถนั่งได้ครับ”
“นายหมายความว่ายังไง”
เหล่าบรรดานักธุรกิจที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กับเฉินเกอ ก็ได้ถามขึ้น
“ไม่ได้มีความหมายอื่นอะไรครับ แต่ว่าวันนี้ จะมีแขกที่สำคัญกว่า มา ที่นั่งตรงนี้ ผมเลยเก็บเอาไว้ให้แก่พวกเขาครับ”
แล้วฉีเหว่ยก็ปัดมือของหวงหยงหาวออก
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำเอาคนในงานต่างก็ตะลึงไปตาม ๆ กัน
เพราะว่าที่นั่งโต๊ะประธานนั้น มันเป็นที่นั่งที่ทำให้คนนั่งดูมีราศีมาก
“เกิดอะไรขึ้นหรอ”
“ดูเหมือนว่า คุณเฉินอยากจะนั่งตรงนี้นะ แต่ว่า ถูกฉีเหว่ยปฏิเสธไว้ไม่ให้นั่ง”
“เย็ดแม่ง ฉีเหว่ยกล้าขนาดนั้นเลยหรอ ที่นั่งตรงนั้น ทุก ๆ ปีต่างก็เป็นประธานคนก่อนอย่างเฉินเสี่ยวเป็นคนนั่ง แล้วเฉินเกอเองก็เป็นน้องชายแท้ ๆ ของประธานคนก่อน และก็ยังเป็นผู้สืบทอดกิจการทั้งหมดด้วย แล้วทำไมฉีเหว่ยถึงได้กล้าขนาดนี้”
“ฮืม ๆ ใครจะรู้ล่ะ วันนี้คุณเฉินคงเสียหน้าครั้งใหญ่แล้ว”
ผู้คนในงานต่างก็ได้ถกเถียงกันยกใหญ่
และในเวลานั้น
ภายนอกของงานเลี้ยง ทันใดก็มีขบวนรถหรูอย่าง โรลส์ รอยซ์ แฟนท่อม จำนวนเจ็ด แปดคันมาถึง
หลังจากนั้น ก็มีบอดี้การ์ดสิบกว่าคนเดินลงมา ยืนเรียงกันอยู่สองแถว
จัดขบวนใหญ่อย่างนี้ ทันใดก็ทำให้สายตาทุกคู่ของคนในงานจ้องมองไป
แม้แต่เฉินเกอเองก็ต้องหันไปดูเหมือนกัน
จากนั้น คนขับรถก็ลงมา แล้วเปิดประตูออกด้วยความนอบน้อม
แล้วก็มีผู้ชายคนหนึ่ง แต่งตัวดูกึ่งทางการ มือทั้งสองข้างล้วงที่กระเป๋ากางเกง นั่งอยู่ภายในรถ
เหล่าบอดี้การ์ดชุดดำ ทันใดก็โค้งตัวคำนับในระดับเก้าสิบองศา
“เขาเป็นใครกัน ทำไมถึงได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้”
ผู้คนในงานต่างก็ต้องตะลึงไปตาม ๆ กัน
ส่วนฉีเหว่ยนั้น ก็รีบวิ่งเข้าไป “คุณชายหลง การมาของคุณนี้ ทำเอาชานฉวยมาเนอร์ของเราแทบหมดราคาไปเลยครับ”
เมื่อพูดจบ ฉีเหว่ยเอง ก็มีสีหน้าดูตื่นเต้น แล้วก็โค้งคำนับในระดับเก้าสิบองศาเช่นกัน
“อะไรกัน คุณชายหลงหรอ เขาคือคุณชายหลงแห่งตระกูลหลงที่อยู่เยี่ยนจิงใช่ไหม ตระกูลนี้มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปีเลยนะ”
“โอ้วโห้ มิน่าล่ะ ทำไมวันนี้ฉีเหว่ยถึงได้มีความกล้าขนาดนี้”
“ที่จริงแล้วคุณชายหลงดันหลังเขาอยู่นี่เอง”
ผู้คนในงานถกกันด้วยเสียงเบา ๆ
ในเวลาเดียวกัน
ทันใด คนในงานเลี้ยงต่างก็เดินเข้าไปรุมล้อมคุณชายหลง
“สวัสดีครับคุณชายหลง”
คนเหล่านั้นพูดขึ้นเสียงดัง พร้อมกันบ้าง สลับกันบ้าง
“สวัสดีครับ คุณลุง คุณอาทุกท่าน เฮอะ ๆ วันนี้ช่างให้เกียรติผมจริง ๆ ”
“ผมก็เพิ่งจะเคยได้มาจินหลิงเป็นครั้งแรก และก็เป็นครั้งแรกด้วยที่ได้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงบุคคลสำคัญแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าทุกท่านจะอบอุ่นกับผมอย่างนี้”
หลงเช่าหยุนพูดแล้วยิ้ม
“คุณชายหลงไม่รู้ว่าพูดอะไรอยู่ เรียนเชิญคุณชายหลงนั่งก่อนนะครับ”
“ใช่แล้ว คุณชายหลง เชิญคุณนั่งยังที่ประธาน เหมาะสมกับคุณเป็นที่สุดแล้ว”
จากนั้น เหล่านักธุรกิจ รวมทั้งนักธุรกิจในพื้นที่จินหลิงด้วย ต่างก็พูดสนับสนุนเขาเป็นเสียงเดียวกัน
ถึงแม้ว่าจะที่จินหลิงนั้น จะมีตระกูลหลิว ตระกูลหวางอยู่ แต่ว่า ไหนเลยจะเทียบได้กับตระกูลหลงที่อยู่เยี่ยนจิงได้
โดยตั้งแต่เมื่อช่วงต้นของราชวงศ์ชิง ตระกูลหลงก็มีตำแหน่งงานที่ดีและใหญ่โตอยู่แล้ว
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงปัจจุบันนี้เลย
“ทุกท่านเกรงใจไปแล้วครับ แต่ว่าวันนี้ ไม่ใช่ผมตั้งใจจะมาหรอกครับ ผมเพียงแต่มาเป็นเพื่อนพี่สะใภ้เท่านั้นเองครับ ฮ่า ๆ ”
หลงเช่าหยุนพูดขึ้น
“พี่สะใภ้หรอ คือคู่หมั้นหมายของคุณชายหลงเช่าเฟิงหรอ เมื่อก่อนเคยได้ยินว่า คุณชายหลงเช่าเฟิงนั้นมีคู่หมั้น ตอนนี้แต่งงานกันแล้วหรอ ”
ฉีเหว่ยถามขึ้นเสียงดังฟังชัด
“ใช่แล้ว ประธานฉี รบกวนคุณแล้วจริง ๆ ”
หลงเช่าหยุนยิ้มอย่างเบา ๆ
จากนั้น ก็มีคนหลบ เพื่อขยับทางให้
แล้วคนขับรถก็ได้เปิดประตูรถออก
ส่วนรถอีกคันนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวดี แล้วก็ได้เดินลงจากรถ
ในอ้อมอกเธอกำลังอุ้มสุนัขตัวน้อย ๆ น่ารัก ๆ เอาไว้
และข้าง ๆ เธอ ก็มีผู้หญิงยืนอยู่สองคน ซึ่งเหมือนกับคนที่คอยรับใช้
“พี่สะใภ้ เชิญครับ”
หลงเช่าหยุนพูดแล้วก็ผายมือเข้าไป
และผู้หญิงคนนั้น ก็ได้เดินเข้าไปยังที่นั่งของประธาน ท่ามกลางสายตาทุกคู่ของคนในงานเลี้ยงที่กำลังมองอยู่
ไป๋เสี่ยวเฟยเมื่อเห็นผู้หญิงคนดังกล่าวแล้ว ก็ตะลึงตาค้างไปก่อนใครเลย
จากนั้นก็ส่งสายตาไปมองยังเฉินเกอ
ส่วนเฉินเกอเองก็รู้สึกช็อคเหมือนกัน
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหยางเสว่ ผู้หญิงที่ตัวเองกำลังตามหาอยู่……