ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] - บทที่ 57 หลินเหรารู้สึกหมดแรง
บทที่ 57 หลินเหรารู้สึกหมดแรง
ใบหน้าของแม่เฒ่าหวังซีดเผือด นางยกเท้าและเดินเข้าไปในลานบ้าน พยายามที่จะผลักประตูออก ทว่าก็ไม่สามารถที่จะผลักประตูได้ ดูเหมือนว่าจะถูกลงกลอนจากด้านใน
นางโกรธขึ้ง พลันทุบประตูพร้อมกับสาปแช่ง “สารเลว พวกเจ้าสองคนช่างไร้มโนธรรมนัก มารดาของเจ้าเดินมาตั้งไกล แม้แต่ประตูก็ไม่ยอมเปิดให้เข้า! บ้านพวกเจ้าเป็นรังเงินรังทองหรืออย่างไร แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็ไม่ยอมให้เข้าไป!”
หลังจากพ่นคำหยาบคายไปครู่ใหญ่ก็ได้ยินเสียงอาจื้อดังมาจากด้านใน “หยุดพูดได้แล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าไม่ได้อยู่ที่บ้าน!”
แม่เฒ่าหวังสบถออกมา “ไอ้เด็กเหลือขอนิสัยไม่ดี พ่อแม่ไม่รู้จักสั่งสอน เปิดประตูให้ย่าของเจ้าเดี๋ยวนี้!”
เด็กทั้งสองคนซ่อนตัวอยู่ในบ้านด้วยความหวาดกลัว
แต่อาจื้อแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและปลอบใจน้องสาว “เอ้อเป่าไม่ต้องกลัว มีพี่ชายอยู่พวกเราจะไม่เป็นอะไร ท่านย่าจะเข้ามาไม่ได้”
อาซือเม้มปากแล้วพูดเสียงเบา “ท่านย่ามาทำอะไรที่บ้านเราเจ้าคะ”
เมื่อเห็นพี่ชายไม่ตอบ ดวงตากลมโตของนางก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เด็กหญิงพูดด้วยความหวาดกลัว “ท่านย่าจะมาพาพวกเรากลับไปไหม?”
อาจื้อขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้ เราอยู่ที่นี่และจะไม่ไปไหนอีก!”
แม่เฒ่าหวังที่อยู่ข้างนอกสบถด่าเสียงดัง พลันหยิบถังน้ำในลานบ้านขึ้นมาแล้วขว้างใส่ประตู “ไอ้เด็กเวรทั้งสองคนจะเปิดหรือไม่เปิด วันนี้ข้าจะพังประตูนี้ให้ได้!”
แต่อาจื้อตอบเสียงดังว่า “ท่านแม่ข้าพูดไว้! คนที่ไม่รู้จักห้ามเปิดประตูให้! ท่านควรรีบไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้นจะมีคนมาจับท่านเข้าคุก!”
แม่เฒ่าหวังโกรธจัดจนเทพหลุดออกจากร่างนางมารลงมาประทับแทนที่ “ไม่รู้จักข้างั้นเหรอ? ไอ้ลูกสุนัขไม่มีมโนธรรม ไอ้อกตัญญู นางแพศยาแม่ของเจ้าสอนเจ้าเช่นนี้หรือ ข้าคือย่าของเจ้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร!?”
ระหว่างที่พูดนั้นมีคนได้ยินจึงหยุดเดิน หันมาสนใจฟังที่แม่เฒ่าหวังด่า ผู้ที่มาคือท่านป้าหู พอเห็นแม่เฒ่าหวังจะพังประตูนางก็เข้าใจทันที
นางอุทานว่า “โอ้ เจ้าเป็นใคร? นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
แม่เฒ่าหวังเห็นคนเดินเข้ามาก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบ จึงด่าเสียงดังขึ้นอีก “พี่สาว! ท่านมาก็ดีแล้วมาช่วยข้าตัดสินที ข้าเดินทางมาจากหมู่บ้านตระกูลหลิน เพื่อที่จะบอกข่าวดีให้ลูกชายและลูกสะใภ้ได้รับรู้ แต่สุดท้ายพวกเขากลับไม่เปิดประตูให้!”
ในใจท่านป้าหูรังเกียจแม่เฒ่าหวังมาก ทว่าใบหน้าของนางยังคงมีรอยยิ้ม “โอ้ พี่สาว อย่าเรียกข้าว่าพี่สาวเลย ดูเจ้าสิ ผมขาวกว่าข้าตั้งมาก ข้ายังไม่มีผมขาวสักเส้น”
แม่เฒ่าหวังสะอึกและเบิกตากว้าง
ท่านป้าหูพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “พี่สาวอย่าเพิ่งใจร้อนเลย! ข้าเห็นว่าการกระทำของท่านที่ทำอยู่นั้นมันผิด…”
แม่เฒ่าหวังกล่าวเสียงแหลมแทรกทันที “ผิดตรงไหน? ลูกชายและลูกสะใภ้ของข้าอยู่ที่นี่!”
ท่านป้าหูยิ้มเยาะ “บ้านหลังนี้เป็นที่อยู่อาศัยของลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเหยาของเรา นางมีลูกสามคน และสามีของนางก็ตายไปนานแล้ว ลูกชายและลูกสะใภ้ของเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
แม่เฒ่าหวังพยักหน้า “ลูกชายของข้ากลับมาแล้ว และพวกเขาคือหลานชายของข้า”
ท่านป้าหูจึงถามขึ้นเสียงดัง “ต้าเป่า เอ้อเป่า หญิงชราที่อยู่หน้าบ้านของเจ้า เจ้ารู้จักนางหรือไม่?”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเด็กทั้งสองคนดังมาจากข้างใน “ท่านยายหูขอรับ! พวกเราไม่รู้จักนาง”
แม่เฒ่าหวังโกรธจัดจึงพ่นคำหยาบออกมาไม่หยุด ทั้งคนป่า ทั้งอกตัญญู ด่าทอเสียจนท่านป้าหูเริ่มรู้สึกเดือดดาล
เด็กทั้งสองในหมู่บ้านนั้นเป็นที่รู้จักดีว่าฉลาดและมีกิริยามารยาทดีแค่ไหน แค่ความฉลาดอย่างเดียว คนในหมู่บ้านก็บอกให้ลูกหลานตนเองเอาเป็นเยี่ยงอย่างแล้ว
ในฐานะย่าแท้ ๆ ของเด็ก แม่เฒ่าหวังไม่เพียงแต่ไม่รักหลานเท่านั้น ทว่ายังใช้คำชั่วร้ายมาด่าทออีก
ท่านป้าหูรู้ดีถึงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตระกูลเหยา
ขณะที่นางกำลังจะอ้าปากโต้กลับ กลับได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังตามด้วยเสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่ง
“ท่านแม่? ท่านมาทำอะไรที่นี่ขอรับ?”
ผู้มาใหม่มีรูปลักษณ์ที่ไม่ธรรมดาทั้งยังสง่างาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรังสีความเย็นชาและเงียบสงบ สิ่งนี้ทำให้ผู้คนมองข้ามใบหน้าที่โดดเด่นของเขา
ท่านป้าหูขมวดคิ้วทันที นี่คือสามีของอาซูงั้นหรือ?
แม่เฒ่าหวังรีบร้องไห้เสียงดัง “ลูกเอ๋ย! เจ้ากลับมาแล้ว มารดาของเจ้ากำลังถูกรังแก!”
หลินเหราเพิ่งกลับมาจากเมือง เขานำม้าไปคืนที่จวนผู้ตรวจการและกลับมาพร้อมกับเหยาเฟิงและเหยาเฉา
เมื่อสองพี่น้องตระกูลเหยากลับถึงบ้านตระกูลเหยา ชายหนุ่มก็รีบตรงมาหาภรรยาและลูก ๆ ของเขาทันที
เมื่อได้ยินแม่เฒ่าหวังพูดเช่นนี้ หลินเหราก็มองไปยังป้าหู เขาเห็นว่านางแต่งตัวเรียบร้อย สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความรังเกียจ แต่ก็ไม่ใช่ใบหน้าที่ไร้เหตุผล
เขาถามป้าหูด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านป้าท่านนี้ไม่ทราบว่าท่านเป็นใครหรือขอรับ?”
ป้าหูขมวดคิ้วแล้วเบ้ปาก “ข้าเดินผ่านมาได้ยินสตรีนางนี้กำลังด่าคน จึงมาเอ่ยถาม หญิงคนนี้เป็นแม่ของเจ้าอย่างนั้นหรือ? เหตุใดนางถึงต้องการพังประตูบ้านของคนอื่นโดยไร้เหตุผลเล่า?”
หลินเหราพูดว่า “นี่คือแม่ของข้าจริง ๆ และนี่คือบ้านของข้า…” ยังไม่ทันพูดจบ แม่เฒ่าหวังก็เห็นประตูที่นางพยายามพังถูกเปิดออก
อาจื้อจับมืออาซือ ใบหน้าแดงระเรื่อเต็มไปด้วยความโกรธ เขาตะโกนใส่หลินเหราว่า “นี่คือบ้านของท่านแม่และบ้านของพวกเรา! ไม่ใช่บ้านของท่าน!”
อาซือเบิกตากว้างและร้องไห้ “ไม่ใช่บ้านของท่าน ท่านไปจากที่นี่ซะ!”
เสียงร้องไห้ของเด็กหญิงดังขึ้น ใบหน้าของท่านป้าหูเต็มไปด้วยความปวดใจ นางย่อตัวลงและกอดอาซือเพื่อปลอบประโลม “เอ้อเป่าเป็นเด็กดี ไม่ร้องไห้ ไม่ร้องไห้นะลูก ยายอยู่ที่นี่แล้ว”
หลินเหราขมวดคิ้ว มองลูกสาวที่กำลังร้องไห้ ในที่สุดก็พูดกับลูกชายของเขาว่า “อาจื้อ จงเชื่อฟังแล้วอย่าสร้างปัญหา”
ลูกชายที่เชื่อฟังมาตลอดราวกับแปลงร่างเป็นเม่นน้อยที่เต็มไปด้วยหนามแหลม ใบหน้าของเด็กชายเต็มไปด้วยการต่อต้าน
“ข้าไม่ได้ก่อเรื่อง! คนที่ทะเลาะด่าทอมาตลอดก็คือนาง! น้องสาวและข้าอยู่ในบ้านดี ๆ นางก็มาที่บ้านและทำลายประตูบ้านของเรา!”
หลินเหราพูดเสียงเคร่งเครียด “นั่นท่านย่าของเจ้านะ”
ตอนนี้แม้แต่อาจื้อก็อดน้ำตาคลอไม่ได้ เด็กน้อยดื้อรั้นกลั้นน้ำตาไว้พร้อมตะโกนใส่หลินเหรา “หากไม่ทำงานให้เสร็จก็ไม่ให้กินข้าว เวลาหิวจะตายนางก็ไม่เคยสนใจ น้องสาวยังเด็กมากก็สั่งให้นางออกไปตัดหญ้าให้หมูวันละตะกร้าถึงจะยอมให้เข้าบ้าน สตรีแบบนี้หรือที่เรียกตัวเองว่าย่า”
“นางไม่ใช่ นางเพียงด่าพวกเราด้วยคำหยาบคาย ด่าพวกเราว่าขี้เกียจ ไม่เชื่อฟัง นางไม่ยอมให้พวกเรากินอะไรเลย ปล่อยให้พวกเราหิวแทบตาย นางเป็นคนไม่ดีและเป็นคนที่เลวร้ายที่สุด!”
ใบของหลินเหราพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาของเขาหม่นหมองพร้อมตวาดว่า “หุบปาก!”
ทหารที่เคยต่อสู้ในสนามรบเช่นหลินเหรามักจะแสดงให้เห็นถึงความเย็นชาและทำให้คนรอบข้างไม่กล้าเข้าใกล้ ตอนนี้เขาทำให้อาซือกลัวจนตัวสั่น แม้แต่ท่านป้าหูก็รู้สึกถึงความเย็นชาจากเขา
น้ำตาของอาจื้อไหลรินลงมา
ครั้นรับรู้ได้ถึงเพลิงโทสะของบิดา อาจื้อก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เพียงแต่เจ็บปวดและเศร้าโศก
ความสุขที่เคยผุดขึ้นมาในใจเมื่อพบว่าบิดากลับมาราวกับวีรบุรุษค่อย ๆ มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน
เด็กน้อยมองไปที่หลินเหราน้ำตาคลอ สายตานั้นไม่มีแววดื้อรั้นหลงเหลืออีก กลับเหลือไว้แต่ความผิดหวัง “ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงกลับมาล่ะขอรับ?”
คำถามเบา ๆ ประโยคนั้นทิ่มแทงหัวใจของหลินเหรา
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สงสารลูก เขาเองก็โกรธการกระทำของแม่เฒ่าหวังเช่นกัน ทว่าสุดท้ายแล้วแม่เฒ่าหวังก็เป็นมารดาของเขา เป็นย่าของหลาน ๆ สิ่งแรกที่พวกเขาควรทำคือกตัญญู ไม่อาจปล่อยให้ลูก ๆ เอ่ยคำไม่ดีกับผู้อาวุโสต่อหน้าคนนอกได้
หลินเหราทำได้เพียงพยายามแยกพวกเขาออกจากกันเท่านั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการเป็นผู้ปกป้องของเด็ก ๆ ในฐานะบิดาแล้วเขาย่อมหวังจะปกป้องพวกเขาจากอันตรายหรือความเจ็บปวดภายนอกทั้งหมด
ทว่าหากต้นเหตุความเจ็บปวดนั้นกลับกลายเป็นตัวเขาเอง เขาควรทำเช่นไร? หลินเหราพยายามกู้สถานการณ์ สีหน้าของเขาอ่อนลง พูดกับลูกชายว่า “อาจื้อ พ่อไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
แต่อาจื้อไม่ฟังเขาอีกต่อไป
เด็กชายหันไปเช็ดน้ำตาแล้วพูดกับท่านป้าหูว่า “ท่านยายหู ข้าจะปิดประตูบ้านแล้ว ท่านแม่อยู่ที่บ้านท่านยายของเรา ก่อนที่นางจะกลับมา ข้ากับน้องสาวและน้องชายต้องดูแลบ้านของเราให้ดี”
ท่านป้าหูรู้สึกปวดใจ นางปล่อยอาซือให้เดินไปหาพี่ชายของนางแล้วกำชับว่า “ปิดประตูให้ดี ยายจะไปตามแม่ของเจ้ามา”
อาจื้อและอาซือเดินกลับเข้าไปในบ้าน จากนั้นพวกเขาก็ปิดประตูไม่แม้แต่จะหันมามองหลินเหราและแม่เฒ่าหวัง
แม่เฒ่าหวังกล่าวด้วยความโกรธ “เจ้าใหญ่ เหตุใดไม่สั่งสอนลูกของเจ้าทั้งสองคนให้ดีกว่านี้ ถ้าเป็นข้าคงจัดการไปไม่น้อย!”
ใบหน้าของท่านป้าหูเต็มไปด้วยความรังเกียจ นางไม่อยากพูดคุยกับสองแม่ลูกนี้อีก นางหันหลังและเดินไปยังตระกูลเหยาทันที
หลินเหรายืนอยู่หน้าประตูบ้านที่ปิดสนิทอย่างเงียบ ๆ
‘บ้านของเรา’ ในตอนแรกเคยเป็นครอบครัวอบอุ่นห้าคน ทว่าตอนนี้ ‘บ้านของเรา’ เป็นบ้านที่ไม่มีบิดาไปเสียแล้ว
เมื่อนึกถึงท่าทางของอาจื้อ ในใจเขาก็สงสัยว่าตนเองทำอะไรผิดหรือไม่
เมื่อเห็นลูกชายคนโตไม่สนใจนาง แม่เฒ่าหวังก็ตะโกนว่า “เจ้าใหญ่”
เมื่อเห็น ‘มารดา’ เตรียมพร้อมที่จะด่าอีกครั้ง หลินเหรารู้สึกไร้เรี่ยวแรง
ในสนามรบเขาต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อฆ่าศัตรู ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเขาล้วนแสวงหาทางรอดได้ ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับสู้ความยากลำบากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับมารดาของตนไม่ได้
หลินเหราขมวดคิ้วและพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “กลับไปก่อนเถิดขอรับ ข้ามีเรื่องจะพูด”
………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตอนนี้หักคะแนนท่านพ่อหนึ่งคะแนนนะคะ โทษฐานทำลูกเสียใจ รอท่านแม่มาคิดบัญชีเถอะค่ะ
ในเมื่อผู้อาวุโสทำตัวไม่น่าเคารพ จำเป็นต้องพูดดีด้วยเหรอคะ
ปล. เห็นความเห็นต่อนางเอกของผู้อ่านหลายท่านแล้วก็อยากจะบอกว่า ใจเย็น ๆ กันก่อนเด้อผู้อ่านทั้งหลาย ในนิยายที่นางเอกอ่านมันก็มีบทอิพ่ออยู่แค่กระจึ๋งเดียว แถมเขียนว่าอิพ่อเป็นคนใจร้ายทะเลาะกับอิแม่ทุกวัน จู่ ๆ ได้ทะลุมิติมากลายมาเป็นตัวละครอิแม่แบบไม่ทันตั้งตัวมันก็ต้องมีเหวอ ทำตัวไม่ถูกบ้าง อย่างที่เขาบอกว่านิยายหรือประวัติศาสตร์มันถูกเขียนด้วยบุคคลเดียว ดังนั้นมันก็จะเป็นเรื่องในมุมมองคนเขียน แต่อาจไม่ใช่ตัวตนทั้งหมดของตัวละครหรือบุคคลในประวัติศาสตร์นั้นจริง ๆ ก็ได้ ดังนั้นค่อย ๆ อ่านบทต่อ ๆ ไปก่อนนะคะ
ไหหม่า(海馬)