ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม [穿书后,我成了三个反派的娘] - บทที่ 448 ไร้ความเมตตา
บทที่ 448 ไร้ความเมตตา
บทที่ 448 ไร้ความเมตตา
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง อีกชั่วครู่องค์รัชทายาทจะเลิกเรียนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียน แต่เซี่ยเชียนก็ได้มอบหมายการบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาปล่อยให้บรรดาศิษย์ปรึกษาหารือกันเอง ก่อนที่ตนจะเก็บข้าวของออกไปจากห้องเรียน คาดไม่ถึงว่าพอออกไปก็พบเข้ากับคนที่อยู่เหนือการคาดหมาย
“สวีกุ้ยเฟย” เซี่ยเชียนถอยหลังหนึ่งก้าว แล้วโค้งคำนับ
เห็นได้ชัดว่าเซี่ยเชียนมีระยะห่างและปฏิบัติตนเย็นชากับตนมาโดยตลอด หากแต่สวีกุ้ยเฟยไม่ได้แปลกใจอะไร ทุกครั้งที่ได้ยินเขาเรียกตนว่ากุ้ยเฟย นางก็จะเก็บซ่อนความรู้สึกปวดร้าวเอาไว้
สวีกุ้ยเฟยยกมุมปากขึ้นอย่างยากลำบาก รุดขึ้นหน้าเพื่อประคองเซี่ยเชียน “ท่านราชครูเซี่ยไม่ต้องมากพิธีหรอก ข้าเพียงไม่มีสิ่งใดจะทำจึงมารับองค์รัชทายาทเท่านั้น”
เซี่ยเชียนถอยไปอีกหนึ่งก้าว เพื่อปฏิเสธความช่วยเหลือของสวีกุ้ยเฟย ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นแล้วกล่าวอย่างเป็นทางการ “ความรักความอบอุ่นที่พระสนมมีต่อองค์รัชทายาทต่างเป็นที่ประจักษ์ ทว่าไม่ว่าจะเป็นฮองเฮาหรือพระสนมต้องได้รับอนุญาตจากองค์จักรพรรดิก่อนจึงจะสามารถเข้าห้องเรียนได้ นี่คือกฎพ่ะย่ะค่ะ สวีกุ้ยเฟยโปรดจดจำให้ขึ้นใจ”
สวีกุ้ยเฟยยิ้มเยาะให้กับตนเอง แล้วกล่าวขึ้น “ข้าทราบแล้ว”
เซี่ยเชียนพยักหน้าให้กับสวีกุ้ยเฟย คำนับนางอีกหนึ่งครั้งก่อนจากไป
หลงเหลือเพียงคนที่อยู่ด้านหลัง สายตามองตามแผ่นหลังเขาของด้วยความลุ่มหลง หยาดน้ำตาหลั่งรินออกมาโดยมิทราบสาเหตุ
“เสด็จแม่! เป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ?”
องค์รัชทายาทดึงเซี่ยเซินออกมา เดิมทีเขาต้องการจะถามถึงเรื่องราวของหลินซือ แต่ว่าเมื่อมองเห็นสวีกุ้ยเฟยร้องไห้ จึงวิ่งเข้าไปหานางด้วยความประหลาดใจ
“แม่คิดถึงเจ้าน่ะ” สวีกุ้ยเฟยเช็ดน้ำตาอย่างเชื่องช้า เมื่อลดมือลงนางก็กลับสู่ท่าทีสง่างามดังเดิม “ช่วงนี้องค์รัชทายาทอยู่แต่ตำหนักตะวันออก ไม่ไปตำหนักอวิ๋นเจาเลย หรือเป็นเพราะแม่ทำเจ้าโกรธหรือ?”
“ไม่ใช่แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทดึงมุมเสื้อด้วยความอึดอัด
เมื่อก่อนองค์รัชทายาทเป็นเพียงเด็กน้อยที่อยู่กับพระสนมมาตลอดแน่นอนว่าไม่มีอะไร แต่ตอนนี้เด็กน้อยได้เติบโตขึ้นเแล้ว ถ้าอยู่ในตำหนักเดียวกับพระสนม คงจะรู้สึกไม่เป็นอิสระ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสก็จะมาอยู่ตำหนักทางตะวันออก
“เช่นนั้นเหตุใดจู่ ๆ ฝ่าบาทจึงย้ายออกมาจากตำหนักอวิ๋นเจา หรือเป็นเพราะเจาเอ๋อร์ก่อกวนเจ้า?” สวีกุ้ยเฟยสอบถาม
องค์รัชทายาทคิดเหตุผลไม่ออก เมื่อได้ยินสวีกุ้ยเฟยกล่าวถึงเด็กคนนั้น ก็มีท่าทีรู้สึกลำบากใจขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยพยักหน้าช้า ๆ
เด็กคนนี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง องค์รัชทายาทรังเกียจนาง ไม่ใช่เพียงเพราะว่าต้องการจะแก้ตัวกับสวีกุ้ยเฟย
ทายาทของราชวงศ์นั้นร่างกายอ่อนแอ โดยเฉพาะมาถึงช่วงของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ตำหนักหลังที่ใหญ่โตเช่นนี้แต่กลับไม่มีบุรุษเพียงสักคน องค์รัชทายาทจึงได้รับการอุปการะมาจากราชสกุลเดียวกัน
มีเพียงแค่องค์หญิงหนึ่งพระองค์เท่านั้นที่เกิดแต่สวีกุ้ยเฟย
เช่นนี้แล้วองค์หญิงผู้นี้จึงถูกรายล้อมเอาอกเอาใจตั้งแต่เกิด จนท้ายที่สุดทำให้นางกลายเป็นปีศาจร้ายที่สิงอยู่ในร่างมนุษย์
มีเพียงต่อหน้าองค์จักรพรรดิเท่านั้นที่นางจะสำรวมขึ้นมาบ้าง ในส่วนขององค์รัชทายาทนั้นพระองค์ไม่อยู่ในสายตาของนางแม้แต่น้อย
เมื่อมองดูเซี่ยเซินที่อยู่ข้างหลัง องค์รัชทายาทก็พลันโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
เด็กชายมีพี่สาวที่อบอุ่นและงดงาม อีกทั้งยังมีพี่ชายที่แสนเพียบพร้อม ส่วนตนนั้นมีน้องสาวที่เย่อหยิ่งเหิมเกริมราวกับว่าบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป แม้ไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่อาจทำใจชอบได้ลง
การเป็นคนในราชวงศ์ คำว่าครอบครัวอาจจะเป็นสิ่งที่ร้องขอมากเกินไป
“ฝ่าบาท ข้าอบรมสั่งสอนเจาเอ๋อร์มาอย่างดี ครั้งนี้นางจะไม่ทำให้เจ้าโกรธเป็นแน่”
สวีกุ้ยเฟยจับมือองค์รัชทายาทด้วยความอ่อนโยนเพื่อเป็นการรับรอง “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้หมู่เฟยทำขนมปิงเพี่ยน ฝ่าบาทไม่อยากเสวยหรือเพคะ?”
เมื่อได้ยินว่าขนมปิงเพี่ยน องค์รัชทายาทก็กลืนน้ำลายอย่างเงียบ ๆ ภายในใจก็ได้แต่ด่าทอตนเอง เหตุใดร่างกายของเด็กช่างมีจิตใจที่อ่อนแอเยี่ยงนี้ เพียงแค่ขนมหนึ่งก้อนกลับทำให้ร่างกายสั่นสะท้านยินดีราวกับคนโง่ได้เชียวหรือ?!
สวีกุ้ยเฟยมององค์รัชทายาทที่ตอบคำถามด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
เวลานี้ จู่ ๆ ท้องขององค์รัชทายาทก็ส่งเสียงร้องออกมา
เสียง ‘โครกคราก’ ดังขึ้นภายในความเงียบงัน มันจึงฟังชัดเป็นพิเศษ
“เช่นนั้นข้าไปก็ได้” องค์รัชทายาทกล่าวขึ้นทันทีพลางพยายามปิดบังใบหน้าแดงก่ำ และไม่ลืมที่จะลากเซี่ยเซินที่อยู่ข้างหลังไปด้วย “เซี่ยเซินก็อยากไป”
“กระหม่อม…” เซี่ยเซินกำลังจะกล่าวว่าตนไม่ต้องการที่จะไป แต่กลับถูกองค์รัชทายาทจ้องตาเขม็ง เด็กชายจึงทำได้เพียงก้มหน้าด้วยความเจ็บใจและเปลี่ยนคำพูดของตน “กระหม่อมเองก็อยากไปพ่ะย่ะค่ะ”
สวีกุ้ยเฟยมองดูเซี่ยเซินที่นับวันเข้ายิ่งดูเหมือนเซี่ยเชียนด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน “เช่นนั้นก็ดี คุณชายเซี่ยต้องการจะทานสิ่งใดเพียงแค่บอกกับคนรับใช้ อยู่ที่ตำหนักอวิ๋นเจาก็เหมือนอยู่กับที่บ้านของตนเอง”
เซี่ยเซินถูกสายตาน่าอึดอัดของสวีกุ้ยเฟยจ้องมอง ภายในแววตามีหลายสิ่งที่หนักเกินกว่าที่เด็กน้อยจะเข้าใจ จึงทำได้แค่เพียงตอบกลับเบา ๆ
สวีกุ้ยเฟยพาเด็กทั้งสองไปตำหนักอวิ๋นเจาได้สมปรารถนา เฉินเซียงได้เตรียมขนมไว้หลากหลายชนิดทันทีที่เด็กทั้งสองนั่งลง
เผชิญกับสีสันตระการตาพร้อมกลิ่นหอมและรสชาติชวนน้ำลายสอ องค์รัชทายาทก็ยังคงสงวนท่าทีเอาไว้ แต่หลังจากกินเข้าไปแล้วชิ้นหนึ่ง ก็ไม่สามารถหยุดรับประทานได้
เซี่ยเซินช่างสุภาพและมีมารยาท มองดูก็สามารถรับรู้ได้ทันทีว่าได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด ไม่ว่าอาหารจะตระการตาเลิศรสเพียงไร เด็กน้อยก็ต้องสงวนท่าทีเอาไว้
สวีกุ้ยเฟยมองดูเซี่ยเซิน ทว่าในสายตาของนางมองเห็นเซี่ยเชียนเมื่อหลายปีก่อน
ตอนนั้นเซี่ยเชียนก็เป็นเช่นนี้ สวีกุ้ยเฟยเคยเป็นสาวใช้ของเซี่ยเชียน หลายครั้งนางจะแอบมองเซี่ยเชียน อีกฝ่ายจะเป็นสุภาพบุรุษเสมอมา ไม่ว่าคนข้างกายจะตกที่นั่งลำบากเท่าไรหรือจนตรอกถึงเพียงใด ชายหนุ่มก็ยังคงบริสุทธิ์ผุดผ่องดังไข่มุก ราวกับพระจันทร์บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าส่องสว่างอยู่บนนั้น ทำได้แค่มองดูจากที่ไกล ๆ และมิอาจเอื้อมถึงได้ตลอดกาล
จู่ ๆ ก็มีเสียงไอดังขึ้น
เสียงไอที่ดังขึ้นทำให้สวีกุ้ยเฟยกลับมามีสติอีกครั้ง มองดูใบหน้าแดงก่ำขององค์รัชทายาท นางจึงรีบให้คนรินชา “ฝ่าบาท ค่อย ๆ กินสิเพคะ อีกสักครู่ยังต้องกินข้าวนะ”
องค์รัชทายาทยัดขนมเข้าไปในปากหนึ่งก้อน แล้วเช็ดปากด้วยความไม่พอใจ ก่อนเดินเข้าไปหยุดลงข้างกายสวีกุ้ยเฟย “หมู่เฟย นี่คืออะไรหรือ?”
รับของผู้อื่นมาแล้ว เมื่อเกิดปัญหาก็ไม่กล้าเอาเรื่อง องค์รัชทายาทไม่ใช่คนที่กินดื่มเปล่าๆ ดังนั้นเขาต้องการที่จะช่วยสวีกุ้ยเฟยทำอะไรบางสิ่ง
“นี่คือคำเชิญสำหรับงานชมดอกเบญมาศในปีนี้ องค์จักรพรรดินีรับสั่งให้พวกเราทำ”
สวีกุ้ยเฟยมอบเทียบเชิญแก่องค์รัชทายาท “ข้ารับผิดชอบในส่วนของรายชื่อและเขียนเทียบเชิญ”
องค์รัชทายาทรับเทียบเชิญมา แล้วกวาดสายตามองดูหนึ่งรอบ พลันเอ่ยขึ้น “หมู่เฟย เราต้องเชิญฮูหยินลำดับที่หนึ่งทั้งหมดหรือไม่?”
“ทำไม ฝ่าบาทมีคนที่จะต้องเชิญหรือเพคะ?” เพียงแค่มอง สวีกุ้ยเฟยก็ดูการกระทำขององค์รัชทายาทออก จึงยิ้มและเอ่ยถามขึ้น
“มีสิ” พระองค์ตอบรับด้วยท่าทีสง่างาม “ข้าอยากจะเชิญหลินซือพี่สาวของเซี่ยเซิน บุตรีของจวนท่านแม่ทัพ”
………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความแอบรักเซี่ยเชียนข้างเดียวนี้หนอ…
องค์รัชทายาทยังไม่หยุดง่ายๆ แฮะ
ไหหม่า(海馬)