ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 495+496 ของขวัญ / ใส่สีตีไข่เกินจริง
บทที่ 495 ของขวัญ
อวิ๋นซิ่วชิงจู่ ๆ ก็หยุดและหันไปมองหลี่ฟู่หลานที่ดูจะโกรธแทนคุณหนูมู่ของนางอย่างออกนอกหน้า
“หมายความว่ายังไงน่ะหรือ? เจ้าหูหนวกหรือสติไม่ดีกันแน่? ก็ของขวัญเหล่านี้เป็นของผูเว่ยชาง ดังนั้นเขาก็ต้องเป็นคนมารับมันไปเอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า? นอกจากนี้ ตามมารยาทก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”
แม่นมถึงกับขมวดคิ้ว หลี่ฟู่หลานดื้อด้านจนทำให้ตระกูลมู่ต้องอับอายขายหน้าอีกครั้ง “แม่นางอวิ๋น ข้าต้องขอโทษจริง ๆ ข้าไม่ได้คิดมาก่อน ได้โปรดอย่าถือสาพวกเราเลย!”
อวิ๋นซิ่วชิงมองหลี่ฟู่หลานอย่างประชดประชัน เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลี่ฟู่หลานเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินและสีม่วง นางก็รู้สึกมีความสุขมาก “แน่นอน ข้าจะไม่ถือสาหรือโต้เถียงกับผู้หญิงไร้สมองเช่นนาง”
“เจ้า…!!” หลี่ฟู่หลานกัดฟันและจ้องมองอวิ๋นซิ่วชิงอย่างกินเลือดกินเนื้อ
แม่นมดึงหลี่ฟู่หลานออกไปพลางจ้องไปที่หลี่ฟู่หลาน ก่อนจะหันกลับมาและยิ้ม “แม่นางอวิ๋น เจ้าช่วยรับของขวัญเหล่านี้แทนได้ไหม?”
“ข้าขอโทษด้วย ข้าทำไม่ได้ ข้ารู้ว่าผูเว่ยชางเป็นคนแบบไหน เขาเกลียดการให้คนอื่นมาตัดสินใจแทนเขามากที่สุด แค่รอให้เขากลับมาแล้วรับมันกลับไปเถิด”
จากนั้นอวิ๋นซิ่วชิงก็หันหลังกลับและพาพ่อของนางกลับขึ้นไปที่ห้องของเขา
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงและพ่อเฒ่าอวิ๋นจากไป แม่นมก็หันกลับมาและจ้องไปที่หลี่ฟู่หลาน
“หลี่ฟู่หลาน เจ้าลืมกฎของตระกูลมู่แล้วหรือ?! เจ้าทำให้ตระกูลมู่เสียเกียรติ!!”
“แม่นมหวัง ข้าขอโทษ แต่เห็นได้ชัดว่าคุณหนูมู่กำลังถูกกลั่นแกล้ง ข้ารู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงเป็นคนแบบไหน นางเป็นคนเลว!”
หลี่ฟู่หลานโกรธอวิ๋นซิ่วชิงยิ่งนัก ดังนั้นนางย่อมไม่พูดอะไร ๆ กับอีกฝ่าย
แม่นมหวังไม่รู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงเป็นคนอย่างไรและยังฟังความข้างเดียว ดังนั้นนางจึงเชื่อสิ่งที่หลี่ฟู่หลานพูดเป็นส่วนใหญ่ “ในกรณีนี้ เจ้าไม่ต้องรอให้คุณชายผูกลับมา เราไปกันเถอะ!”
หลี่ฟู่หลานตกลงทันทีและกลับไปพร้อมกับแม่นมหวัง
“อวิ๋นซิ่วชิง เมื่อครู่เจ้าใจร้ายนัก” พ่อเฒ่าอวิ๋นกลับไปที่ห้องของเขาและขมวดคิ้ว
“ท่านพ่อ เมื่อเทียบกับน้ำเสียงของข้า สิ่งที่ตระกูลมู่ทำนั้นไม่เหมาะสมยิ่งกว่า” อวิ๋นซิ่วชิงเย้ยหยันอย่างเหยียดหยาม
“พวกเขาทำอะไร พวกเขากลั่นแกล้งเจ้าหรือ?” พ่อของนางต้องการบอกนางว่านางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่เมื่อดูจากน้ำเสียงของนางแล้ว เขารู้ว่าต้องมีบางอย่างที่ตัวเองยังไม่รู้เป็นแน่
“ตระกูลมู่ดูถูกคนอื่นมากเกินไป ข้ากับผูเว่ยชางไปช่วยมู่เชียนเชียนด้วยกัน แต่ตระกูลมู่กลับให้ของขวัญกับเขาเท่านั้น ฮึ่ม! คนแบบนี้ไม่ควรใจดีด้วย”
บัดนี้อวิ๋นซิ่วชิงมีความประทับใจที่ไม่ดีต่อตระกูลมู่และยังมีความรู้สึกรังเกียจ
“เข้าใจแล้ว คราวหน้าเราอยู่ให้ห่างจากพวกเขากันเถอะ” เมื่อพ่อเฒ่าอวิ๋นได้ยินว่าลูกสาวของเขาถูกดูถูก เขาจึงเข้าข้างลูกสาวทันที
“ท่านพ่อ อย่าโกรธเลย ข้าแค่อยากให้ท่านอยู่ห่างจากตระกูลนั้น”
อวิ๋นซิ่วชิงเสียใจกับสิ่งที่นางพูด นางกลัวว่าพ่อของนางจะเป็นห่วง
“รู้แล้ว ไปเถอะ ข้าจะทำอาหารให้เจ้ากิน” ชายชราโกรธมาก แต่เพื่อไม่ให้อวิ๋นซิ่วชิงกังวล เขาจึงทำเป็นใจเย็น
เมื่อผูเว่ยชางกลับมา พ่อเฒ่าอวิ๋นและอวิ๋นซิ่วชิงได้เตรียมสำรับอาหารแล้ว
“ผูเว่ยชาง เจ้าไปไหนมา?” หลังจากวางจานลงบนโต๊ะ อวิ๋นซิ่วชิงก็มองผูเว่ยชางด้วยความสับสน
“เมื่อครู่นี้ข้าเห็นหลี่ฟู่หลาน ข้าเลยต้องหลบนาง”
ผูเว่ยชางพูดความจริง ครั้งแรกที่เขาเห็นหลี่ฟู่หลาน เขาก็จากไปอย่างเงียบ ๆ ผู้หญิงคนนั้นรับมือได้ลำบากเกินไป เขาไม่อยากสร้างปัญหา
“ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าจะกลัว แต่คุณหนูมู่ได้ให้ของขวัญแก่เจ้ามากมายเชียวนะ” อวิ๋นซิ่วชิงมองเขาอย่างหยอกล้อ
“ข้าไม่สน” เมื่อนึกถึงมู่เชียนเชียน ผูเว่ยชางก็ขมวดคิ้วด้วยความขยะแขยง ผู้หญิงคนนี้รับมือลำบากกว่าหลี่ฟู่หลานมาก
เมื่อมองดูสีหน้าที่เผยความรังเกียจของเขา อวิ๋นซิ่วชิงก็ป้องปากและหัวเราะออกมา
…
บทที่ 496 ใส่สีตีไข่เกินจริง
เวลานี้มู่เชียนเชียนกำลังเพ้อฝันว่านางกับผูเว่ยชางจะเป็นอย่างไรบ้างในอนาคต
ทันใดนั้น นางก็เห็นแม่นมหวังและหลี่ฟู่หลานกลับมาพร้อมกับของขวัญที่นางเลือกมาอย่างดี
“แม่นมหวัง เกิดอะไรขึ้น? ข้าขอให้เจ้าส่งของขวัญเหล่านี้กับคุณชายผูไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้าถึงเอามันกลับมาล่ะ?” มู่เชียนเชียนถามอย่างจริงจัง
“คุณหนู คุณชายผูไม่อยู่เจ้าค่ะ” แม่นมหวังรับใช้ตระกูลมู่มาหลายปี ดังนั้นนางจึงรู้ว่าคำตอบของนางจะทำให้คุณหนูมีความสุขหรือทำให้คุณหนูทุกข์
“ไม่อยู่? แล้วเจ้าก็ปล่อยไปทั้งอย่างนั้นน่ะหรือ?” มู่เชียนเชียนขมวดคิ้ว
“คุณหนู แม่นางอวิ๋นที่อยู่เคียงข้างคุณชายผูไม่อนุญาตให้เราฝากของขวัญไว้เจ้าค่ะ นางบอกว่าคุณชายผูเป็นคนเข้ากับคนยากและไม่ชอบของขวัญเหล่านี้”
ด้วยคำพูดของหลี่ฟู่หลานก่อนหน้านี้ ทำให้แม่นมหวังมีความประทับใจที่ไม่ดีต่ออวิ๋นซิ่วชิง ดังนั้นนางจึงจงใจพูดใส่สีตีไข่เกินจริงเมื่อตอบมู่เชียนเชียน
“แม่นางอวิ๋น? นางทำอะไร? ข้าจะไปพบนางในวันพรุ่งนี้!” มู่เชียนเชียนจำไม่ได้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงเป็นใครและหน้าตาเป็นอย่างไร ตอนนี้นางกำลังคิดถึงผูเว่ยชางแม้แต่ในความฝันของนาง
“ไม่เหมาะสมเจ้าค่ะคุณหนู ท่านยังไม่หายจากพิษไข้ ท่านออกไปไหนไม่ได้ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะไปพบเขาใหม่ ตกลงไหมเจ้าคะ?”
แม่นมหวังเป็นแม่นมของมู่เชียนเชียน แม้ว่านางจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของมู่เชียนเชียน แต่นางก็รักอีกฝ่ายเหมือนบุตรสาวแท้ ๆ
“ไม่ได้ ข้าต้องไปเอง” มู่เชียนเชียนรู้สึกว่าสิ่งที่นางทนอยู่นั้นไม่ใช่ความหนาวเย็น แต่เป็นอาการไข้รัก ซึ่งทำให้นางเสียใจตราบเท่าที่นางไม่ได้พบเขา
ไม่ว่าแม่นมจะพยายามเกลี้ยกล่อมมู่เชียนเชียนมากแค่ไหน นางก็ต้องประนีประนอมภายใต้การโจมตีจากน้ำตาของมู่เชียนเชียน
วันที่สอง หลังจากตื่นนอน อวิ๋นซิ่วชิงก็ล้างตัวครู่หนึ่งแล้วเดินออกจากห้องไป
ทันทีที่นางเดินไปที่บันได นางก็ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนและละเอียดอ่อน
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่เมื่อนางได้ยินเสียงแปลก ๆ นั้นอีกครั้ง นางก็ถึงกับสั่นสะท้าน
มู่เชียนเชียนตื่นเต้นมากที่จะได้พบเขาจนนอนไม่หลับ และวันนี้นางยังมาที่ร้านอวิ๋นผูเพื่อพบเขาแต่เช้า
อวิ๋นซิ่วชิงยืนอยู่ที่เชิงบันได นางมองออกไปและเห็นว่ามู่เชียนเชียนกับหลี่ฟู่หลานอยู่ในร้าน
“คุณชายผู ท่านยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม ข้าเอาซาลาเปาที่ครัวข้าทำมาให้ อร่อยมาก ท่านต้องการกินหรือไม่?!” เสียงของมู่เชียนเชียนอ่อนโยนมาก และสายตาของนางก็มีเพียงผูเว่ยชาง
“ออกไปจากที่นี่เสีย” ผูเว่ยชางไล่พลางมองมู่เชียนเชียนอย่างเย็นชา
คำพูดของผูเว่ยชางทำให้หัวใจของมู่เชียนเชียนพังทลาย น้ำตาของนางเอ่อล้น
อย่างไรก็ตาม หลี่ฟู่หลานซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ มู่เชียนเชียนนั้นมีความสุขมาก แต่นางไม่กล้าหัวเราะออกมาดัง ๆ อวิ๋นซิ่วชิงซึ่งยืนอยู่ที่บันไดจึงหัวเราะออกมาอย่างหยาบคาย
มู่เชียนเชียนหันหน้ามามองด้วยความโกรธ นางเห็นหญิงสะสาวสวยคนหนึ่งเดินลงมาชั้นล่าง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางสังเกตเห็นอวิ๋นซิ่วชิงจริง ๆ นางไม่คิดว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะเป็นหญิงที่งดงามขนาดนี้!
“ผูเว่ยชาง เจ้าทำให้นางผิดหวังได้อย่างไร” อวิ๋นซิ่วชิงลงมาชั้นล่างด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าไปหาคนเหล่านั้น
“คิดว่าข้าควรรับหรือ?” ผูเว่ยชางถามพลางเลิกคิ้ว
อวิ๋นซิ่วชิงพูดยิ้ม ๆ ทว่าไร้ความรู้สึกว่า “แน่นอน เจ้ารับได้”
มุมปากของผูเว่ยชางยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขาค่อนข้างมั่นใจว่าอวิ๋นซิ่วชิงมีความรู้สึกต่อเขาอยู่บ้าง
มู่เชียนเชียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองไปที่อวิ๋นซิ่วชิงด้วยความโกรธ นางมาที่นี่แต่เช้าตรู่ และไม่ว่านางจะทำอะไรมากแค่ไหน นางก็ไม่สามารถทำให้ผูเว่ยชางมองมาได้เลย นับประสาอะไรกับรอยยิ้มที่อีกฝ่ายมอบให้เพียงอวิ๋นซิ่วชิง
ทันทีที่ผู้หญิงคนนี้มาถึง เขาก็ยิ้มให้โดยไม่สนใจนางเลย!
“คุณหนูมู่ ถ้าเจ้าไม่ซื้อผักของข้าก็ออกไปเถอะ อย่าทำให้งานของเราล่าช้า” อวิ๋นซิ่วชิงไม่ชอบมู่เชียนเชียน ดังนั้นนางจะไม่ยิ้มให้กับคนที่นางไม่ชอบ
“วันนี้ข้าสั่งผักทั้งหมดของที่ร้านนี้แล้ว” ขณะที่มู่เชียนเชียนพูด นางก็วางเงินหนึ่งร้อยตำลึงไว้บนโต๊ะต่อหน้าอีกฝ่าย
อวิ๋นซิ่วชิงชำเลืองมองมันอย่างเฉยเมย และพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ตกลง แต่วันนี้กะหล่ำปลีในบ้านของข้าขายหนึ่งร้อยตำลึง ถ้าคุณหนูมู่ต้องการซื้อผักทั้งหมดในบ้านของข้า ท่านควรจะพกถุงใส่เงินดีกว่านะ”