ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 485+486 เสียงร้องขอความช่วยเหลือ / ช่วยชีวิตหญิงสำออย
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง
- บทที่ 485+486 เสียงร้องขอความช่วยเหลือ / ช่วยชีวิตหญิงสำออย
บทที่ 485 เสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“แม่นางอวิ๋น คุณชายผู พวกเรามาถึงแล้ว!” อู๋เสี่ยวร้องบอกทันทีที่รถม้าหยุดลง
อวิ๋นซิ่วชิงขานรับและลงจากรถม้าพร้อมกับผูเว่ยชาง
ทันทีที่หญิงสาวลงจากรถม้า นางก็ได้กลิ่นหอมของกำยาน จากนั้นนางก็เห็นควันปกคลุมพระวิหาร มันดูสง่างามมาก แต่บันไดขึ้นสู่วิหารนั้นสูงเกินไป
เมื่อเห็นบันไดมากมาย อวิ๋นซิ่วชิงก็นึกเสียใจและไม่อยากปีนขึ้นไปอีก
“ไปกันเถอะ” ผูเว่ยชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าสงสัยว่าทำไมขั้นบันไดของวัดนี้ถึงสูงจัง ครั้งก่อนก็เหมือนกัน” อวิ๋นซิ่วชิงถอนหายใจและปีนขึ้นไปต่อ
“อย่ากลัวไปเลย ข้าจะพาเจ้าขึ้นไปเอง” ขณะที่ผูเว่ยชางพูด เขาก็จับแขนของอวิ๋นซิ่วชิงไว้
หญิงสาวถอนหายใจ โชคดีที่มีเขาอยู่เคียงข้างนางเช่นนี้
หลังจากปีนขึ้นไปที่วัด อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกเหนื่อยมากจนแทบหายใจไม่ทัน ถ้าไม่ใช่เพราะผูเว่ยชางช่วยพาขึ้นมา นางคงจะตายระหว่างทางเป็นแน่
หลังจากพักอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นซิ่วชิงและผูเว่ยชางก็เดินชมสิ่งต่าง ๆ ในวัด
วัดนี้นอกจากจะงดงามแล้ว ยังมีการปลูกดอกบ๊วยจำนวนมาก และดอกบ๊วยเหล่านั้นก็บานสะพรั่งในฤดูกาลนี้
“เราควรไปสวดมนต์ที่วัดไม่ใช่หรือ?” เมื่อมองดูธูปในมือของผู้คนรอบข้าง อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกว่านางควรจะขอพรบางอย่าง
“ถ้าเจ้าไม่เลื่อมใสก็ไม่ต้องหรอก” ผูเว่ยชางยังจำได้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงหลับไปตอนที่นางฟังบทสวดที่วัดจิงเหอ…
หญิงสาวลูบจมูกด้วยความลำบากใจ นางมาวัดเพื่อความสนุกเหมือนไปเที่ยว และตัวนางก็ไม่ใช่คนเคร่งศาสนาด้วย
แต่นางก็ยังคงไม่ยอมรับมัน “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่เลื่อมใส?!”
ผูเว่ยชางเขย่าของบนหลังของเขา และมีเสียงการกระทบกันภายในนั้นอย่างชัดเจน เขาพูดติดตลกว่า “ช่างใจบุญจริง ๆ เจ้าให้เงินมากมายขนาดนี้แก่วัดได้อย่างไร?”
อวิ๋นซิ่วชิงหน้าแดงด้วยความอาย นางยกเท้าขึ้นแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าเจ้าคงกำลังคันมาก เจ้าต้องการคนมาข่วนเจ้าสินะ!”
ทั้งสองวิ่งไล่ตามกัน ทันใดนั้นพวกเขาก็มาถึงสวนหลังวัดซึ่งมีป่าไผ่และหน้าผาสูง
อวิ๋นซิ่วชิงมองลงมาจากขอบหน้าผาและตัวสั่นด้วยความกลัว ถ้าไม่ใช่เพราะผูเว่ยชาง นางอาจตกลงไปแล้ว
“มันอันตราย อย่าไปที่หน้าผา” ผูเว่ยชางพูดในขณะที่เขาแตะปลายจมูกของนาง
อวิ๋นซิ่วชิงตบหน้าอกของนางด้วยความกลัวที่ยังคงอยู่ “ข้ากลัวแทบตาย มันสูงมาก”
ทันใดนั้น อวิ๋นซิ่วชิงก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ “เจ้าได้ยินเสียงหรือเปล่าผูเว่ยชาง?!”
ผูเว่ยชางขมวดคิ้วและหันไปมองที่กอไผ่…
อวิ๋นซิ่วชิงได้ยินแต่เสียง นางคิดว่าเสียงนั้นมาจากเชิงเขา ดังนั้นนางจึงมองไปที่หน้าผาด้วยความสับสน
ทันทีที่ผูเว่ยชางหันกลับมา เขาก็เห็นการกระทำที่เป็นอันตรายของอวิ๋นซิ่วชิง ซึ่งมันทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น
“ชิงเหนียง ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าไปที่ริมผา!!”
“ก็ข้าคิดว่าเสียงมาจากด้านล่างของหน้าผา ข้าเลยลองมองดู อย่างไรเสียข้าก็ปลอดภัยแน่เพราะมีเจ้าอยู่”
“อย่าคิดว่าข้าจะให้อภัยเจ้าเพียงเพราะเจ้าพูดอะไรดี ๆ นะ” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผูเว่ยชางก็กลั้นหัวเราะไว้
อวิ๋นซิ่วชิงหัวเราะเบา ๆ และทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ “ผูเว่ยชาง มีคนเรียกให้ช่วย เราไปดูที่นั่นกันไหม?!”
“เสียงมาจากป่าไผ่ ข้าจะไปดู รอข้าที่หน้าวัดก่อน!”
ผูเว่ยชางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบุคคลที่ขอความช่วยเหลือ แต่เขาไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะทำอย่างไรถ้ามันเป็นสิ่งที่อันตราย หรือดันไปรู้เห็นในสิ่งที่ไม่สมควร
“ข้าจะไปกับเจ้า ข้าไม่อยากอยู่คนเดียว” อวิ๋นซิ่วชิงอยากรู้อยากเห็นและไม่นึกกลัวอะไร นี่เป็นฉากในละครโทรทัศน์สมัยใหม่ นางแค่ต้องการเห็นมัน
เมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจของผูเว่ยชางก็อ่อนลง “ก็ได้ แต่เจ้าต้องฟังข้าและทำตามข้าตลอดเวลา”
“ตกลง ข้าสัญญา”
…
บทที่ 486 ช่วยชีวิตหญิงสำออย
ผูเว่ยชางโอบเอวของอวิ๋นซิ่วชิง จากนั้นเขาก็เขย่งเท้าแล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะเข้าไปในป่าไผ่
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในกอไผ่ เสียงร้องขอความช่วยเหลือก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งสองคนไปตามเสียงและเห็นชายสองคนและหญิงหนึ่งคน คนหนึ่งกำลังกดผู้หญิงที่กำลังกรีดร้อง และอีกคนกำลังฉีกเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้น
“ชิงเหนียง อยู่ที่นี่ ข้าจะไปช่วยนางเอง!” หลังจากวางร่างของอวิ๋นซิ่วชิงลงแล้ว ผูเว่ยชางก็หันกลับมาและเหาะไปข้างหลัง ก่อนจะจัดการชายทั้งสองที่กำลังเตรียมขืนใจผู้หญิงที่นอนอยู่
เมื่อมู่เชียนเชียนกำลังจะหมดสติไป นางก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาของผูเว่ยชาง
ผูเว่ยชางจัดการชายเหล่านั้นภายในไม่กี่กระบวนท่า
อวิ๋นซิ่วชิงซึ่งซ่อนตัวอยู่ในระยะไกลก็พุ่งตัวออกไปทันทีที่ผูเว่ยชางจัดการชายสองคนเสร็จเรียบร้อย
ผูเว่ยชางไม่ได้โจมตีผู้ร้ายทั้งสองมากนัก เขาไม่ต้องการให้อวิ๋นซิ่วชิงเห็นฉากนองเลือดและโหดร้ายของเขา
ชายหนุ่มวางแผนที่จะส่งคนของตัวเองกลับไป ‘ชำระล้าง’ ในภายหลัง
อวิ๋นซิ่วชิงรีบไปดูมู่เชียนเชียนอย่างรวดเร็ว นางตรวจดูเปลือกตาของมู่เชียนเชียนจากนั้นก็ฟังจังหวะการเต้นของหัวใจ
เมื่อเห็นว่าหัวใจของนางยังเต้นดี นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ผู้หญิงคนนี้แค่เป็นลมเพราะตกใจกลัว นางไม่เป็นอะไร…”
ผูเว่ยชางพยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึก “เจ้าปลุกผู้หญิงคนนี้ให้ตื่นได้ไหม?”
อวิ๋นซิ่วชิงพยายามจะหยิกหญิงสาวคนนั้น แต่ก็ต้องประหลาดใจเพราะหญิงคนนั้นตื่นขึ้นมาจริง ๆ
ทันทีที่มู่เชียนเชียนลืมตาขึ้น นางก็เห็นชายรูปงามยืนอยู่ตรงหน้านาง ทันใดนั้นหัวใจของนางก็พลันเต้นแรง
นางตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น
อวิ๋นซิ่วชิงไม่พอใจที่เห็นหญิงสาวจ้องมองเขาทันทีที่ลืมตา “ในเมื่อเจ้าตื่นแล้ว เราไปกันเถอะ”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นางไม่พอใจมากและปล่อยมือผู้หญิงคนนั้นทันที
มู่เชียนเชียนไม่สนใจอวิ๋นซิ่วชิง นางมองไม่เห็นใครอื่นนอกจากชายหนุ่มตรงหน้า
“ขอบคุณที่ช่วยข้า ข้าชื่อมู่เชียนเชียน ขอทราบชื่อของเจ้าได้ไหม?” มู่เชียนเชียนถามชายคนนั้นด้วยรอยยิ้มซีดเซียว
อวิ๋นซิ่วชิงตะคอกในใจด้วยความเหยียดหยาม ในสายตาของนาง มู่เชียนเชียนกำลังสำออย
ยิ่งมองแล้วอวิ๋นซิ่วชิงก็ยิ่งเกลียด
ผูเว่ยชางไม่ได้สังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติระหว่างมู่เชียนเชียนและอวิ๋นซิ่วชิง เขาแค่พูดชื่อของเขาอย่างเฉยเมยว่า “ผูเว่ยชาง”
“ผูเว่ยชาง? ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะนัก! เหมาะกับเจ้ามาก!” มู่เชียนเชียนยิ้มอย่างอ่อนโยน
หัวใจของอวิ๋นซิ่วชิงเต็มไปด้วยความหึงหวง มู่เชียนเชียนไม่เคยเห็นผู้ชายมาก่อนหรือไง?
“จะคุยที่นี่หรือ?” ทันทีที่นางพูดจบ นางก็หันหลังกลับและจากไป นางกลัวว่าถ้านางอยู่ต่อไป นางจะควักดวงตาของมู่เชียนเชียนออกมาแล้ว
จนกระทั่งตอนนั้น ผูเว่ยชางก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับอวิ๋นซิ่วชิง
เมื่อเขากำลังจะไล่ตามนาง เขาก็ถูกหยุดด้วยเสียงของมู่เชียนเชียน “ท่านผู เจ้าช่วยพยุงข้าหน่อยได้ไหม ขาข้าอ่อนแรงจนยืนไม่ขึ้น”
ผูเว่ยชางช่วยพยุงนางลุกขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ “พอหรือยัง?”
“ข้าขอโทษ” มู่เชียนเชียนตอบด้วยสีหน้าเขินอาย
ผูเว่ยชางนึกไม่พอใจเด็กสาวที่อ่อนแอเช่นนี้ “เท่านี้ เจ้าก็เดินไปเองได้”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ปล่อยมู่เชียนเชียน และเร่งเดินตามอวิ๋นซิ่วชิงไปในทันที
เมื่อเห็นว่าผูเว่ยชางจากไปแล้ว มู่เชียนเชียนก็กระวนกระวายและรีบไล่ตามเขา แต่ขาของนางอ่อนแรงจนนางล้มลงกับพื้นทันทีที่ก้าวออกไป
“คุณชายผู ช่วยด้วย! ขาข้าอ่อนแรงจนก้าวแทบไม่ได้” มู่เชียนเชียนกล่าวอย่างเสียใจ
ผูเว่ยชางหยุดและหันมามองมู่เชียนเชียน เขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับหญฺงคนนี้ แต่ถ้าเขาไม่ช่วยผู้หญิงคนนี้ ย่อมหมายความว่าก่อนหน้านี้เขาช่วยนางโดยเปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือ?
ในที่สุดผูเว่ยชางก็ต้องยอมช่วยพยุงมู่เชียนเชียนกลับไปที่วิหาร
หลังจากที่ผูเว่ยชางจากไป ชายสองคนที่สลบไปก็ตื่นขึ้น
พวกเขาหยิบพลุสัญญาณออกมาจากย่าม