ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 22 ขอบคุณ
บทที่ 22 ขอบคุณ
ผูเว่ยชางรู้สึกสงสัยมากเกี่ยวกับเรื่องนี้…
อวิ๋นซิ่วซิงเป็นลูกสาวของครอบครัวที่ร่ำรวยในหมู่บ้านหม่านเหยียน แม้ว่านางจะเป็นสาวแก่ทึนทึก แต่นางก็อาศัยอยู่ในหมู่บ้านหม่านเหยียนมานานกว่ายี่สิบปี และไม่เคยออกจากหมู่บ้านเลย
อวิ๋นซิ่วซิงเคยเป็นคนที่เกียจคร้านและดูไม่สู้คน ทว่าตอนนี้กลับกำลังทำเรื่องแบบนี้
ผูเว่ยชางกำลังสงสัยว่ามีคนมาปลอมตัวเป็นอวิ๋นซิ่วซิงเพื่อเข้าหาเขาหรือไม่?
“ชูอี เจ้าตรวจสอบนางให้ละเอียด รวมไปถึงคนที่นางมีปฏิสัมพันธ์ด้วย”
แม้อวิ๋นซิ่วชิงจะช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ผูเว่ยชางก็ไม่สามารถเชื่อใจใครได้ หากนางมีพิรุธและมีเจตนาที่ไม่บริสุทธ์จริง ไม่ช้าก็เร็ว ความจริงจะต้องถูกเปิดเผยเช่นกัน
ชูอีรับคำสั่งก่อนจะหายเข้าไปในป่า ตรงจังหวะกับที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าอวิ๋นซิ่วชิงได้หายไปจากบริเวณที่นางนั่งอยู่เช่นกัน
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยว่ามีคนอื่นเห็นนาง
หลังจากที่อวิ๋นซิ่วชิงอิ่มท้องแล้ว นางก็เรอเล็กน้อยก่อนจะพิงต้นไม้และหรี่ตาลง “กินอิ่มแล้วสบายตัวดีจริง ๆ”
นางพักสักครู่ ก่อนที่จะเดินต่อไป ทันใดนั้นอยู่ ๆ นางก็ได้ยินเสียงในดงหญ้า
นั่นทำให้หญิงสาวต้องระวังตัว!
หญิงสาวหมอบลงอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเปิดหญ้าออกดูก็เห็นกระต่ายตัวสีเทาอยู่ไม่ไกลจากนาง
ดวงตาของอวิ๋นซิ่วชิงเป็นประกายขึ้นมาทันที และนางก็พยายามเข้าใกล้กระต่ายอย่างเงียบเชียบ
แต่แล้วนางก็ลื่นล้มลงคลุกฝุ่น ทำให้กระต่ายตกใจและวิ่งหนีไปทันที
อวิ๋นซิ่วชิงเงยหน้าอย่างโกรธจัด ก่อนจะคายหญ้าที่ตัวเองเผลอกินเข้าไป
นางเกือบจะได้กินกระต่ายอยู่แล้วเชียว!
และก่อนที่อวิ๋นซิ่วชิงจะลุกขึ้นยืน ทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากข้างหลังนาง
หญิงสาวขมวดคิ้วหันไปมอง ปรากฏว่าเป็นผูเว่ยชางที่กำลังถือคันธนูพร้อมลูกธนูอยู่ข้างหลัง
“ทำไมท่านเดินมาไม่ให้สุ้มเสียงบ้างเลย?” หญิงสาวลุกขึ้นยืนพลางตบดินบนร่างของนาง “ท่านไม่ได้ตามข้ามาใช่หรือไม่?”
ผูเว่ยชางหัวเราะออกมา “ข้าจะสะกดรอยตามเจ้าไปทำไม? และตัวข้ายังเป็นนักล่าอีกด้วย ขืนส่งเสียงเหยื่อก็หนีไปน่ะสิ”
อวิ๋นซิ่วชิงพ่นลมอย่างเย็นชาและมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า “แล้วท่านมาทำอะไรอยู่ในป่าแห่งนี้ ตอนเที่ยงพวกสัตว์มันไม่โผล่ออกมาหรอกนะ”
“ก็อยู่บ้านข้าก็ไม่มีอะไรทำนี่นา ข้าก็เลยขึ้นเขาเข้าป่าเพื่อเดินเล่น บางทีข้าอาจจะได้พบสัตว์ป่าให้ล่าก็ได้” อีกฝ่ายอธิบาย ก่อนจะมองมายังอวิ๋นซิ่วชิงที่กำลังดูอับอายอย่างเห็นได้ชัด “แล้วเจ้าล่ะมาทำอะไรที่นี่ เจ้าเป็นสตรีนะ แถมภูเขาและป่าก็ยังอันตรายมากด้วย”
“ตอนนี้สถานะการเงินในครอบครัวของข้าค่อนข้างแย่ พวกเราไม่ค่อยมีเงิน แม้แต่อาหารก็ไม่มี ดังนั้นข้าก็เลยออกมาหาอาหาร…อีกอย่างข้าตั้งใจจะเก็บสมุนไพรเพื่อนำไปขายในเมือง”
นางไม่จำเป็นต้องปิดบังชายหนุ่มตรงหน้า
ผูเว่ยชางมองนางด้วยความประหลาดใจ
เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับสตรีที่มีจิตใจที่รักอิสระเช่นนี้ สตรีโดยมากมักต้องอยู่ใต้ปีกของครอบครัวก่อนจึงแต่งงานออกเรือนไปอยู่ใต้ปีกของครอบครัวสามี แต่น้อยคนนักที่จะเป็นได้อย่างอวิ๋นซิ่วชิง!
ทว่าผู้หญิงที่รักอิสระเช่นนี้อาจถูกบังคับให้อยู่แต่ในมุมมืดเพราะบกพร่องต่อสิ่งที่สังคมกำหนด
ผูเว่ยชางมองหญิงสาวที่ถือตะกร้าอยู่ข้างหน้าตัวเอง และเอ่ยอย่างช้า ๆ ว่า “ข้ามาภูเขาลูกนี้บ่อย เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปก็แล้วกัน ข้าจะได้สามารถช่วยเหลือดูแลเจ้าได้เมื่อมีอันตราย”
อวิ๋นซิ่วชิงไม่ได้คาดหวังว่าผูเว่ยชางจะช่วยนาง พอได้ยินเช่นนี้ก็ทำให้อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกขอบคุณมาก “ผูเว่ยชาง ขอบคุณท่านมาก!”
ผูเว่ยชางหัวเราะเบา ๆ
”มีอะไรให้ต้องขอบคุณอีก เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้นะ เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึง”
อวิ๋นซิ่วซิงเดินตามผูเว่ยชางทีละก้าว นางรู้สึกว่าผูเว่ยชางเป็นคนดีมาก
ผูเว่ยชางรู้สึกสับสนตัวเองเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าอวิ๋นซิ่วชิงจะรู้สึกอย่างไรที่อยู่ข้างหลังเขา
ชายหนุ่มเข้าหาอวิ๋นซิ่วชิงไม่ใช่เพราะต้องการตอบแทนน้ำใจของนาง แต่เพราะเขาต้องการรู้เรื่องของนางมากกว่านี้…
………………………………………………………………………………………………………………………