ทะลุมิติไปเป็นแพทย์หญิงชาวสวนผู้มั่งคั่ง - บทที่ 100 หญิงชราไร้มารยาท!
บทที่ 100 หญิงชราไร้มารยาท!
อวิ๋นซิ่วชิงรู้สึกสบายกายและสบายใจจากการแช่น้ำพุแห่งจิตวิญญาณเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ ๆ อวิ๋นซิ่วชิงก็รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง นางรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างกำลังไหลออกมา
นางค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ความง่วงเหงาหาวนอนถูกขจัดออกจนสิ้น นางรีบผุดตัวขึ้นจากบ่อน้ำพุแห่งจิตวิญญาณ
หญิงสาวก้มศีรษะลงและมองไปที่มือของตัวเอง มืออวบอ้วนของนางกลายเป็นมือขนาดเรียวเล็กในพริบตา และนั่นทำให้นางถึงกับตกใจ
นางเห็นดังนั้นจึงรีบปีนออกจากบ่อน้ำพุแห่งจิตวิญญาณ และมองใบหน้าตัวเองผ่านเงาสะท้อนบนผิวน้ำ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของตัวเองยังคงอวบอ้วนอยู่ นางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
อวิ๋นซิ่วชิงสำรวจร่างกายตัวเองจนทั่ว ผิวของนางขาวผุดผ่อง และรูปร่างของนางก็ผอมบางลงมาก แต่ใบหน้าของนางยังคงดูกลมอยู่ดี
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ นางเพียงแค่แช่น้ำพุไปชั่วขณะเท่านั้น จากนั้นร่างกายก็ผอมลง หากนางแช่นานกว่านี้ นางคงกลายเป็นหญิงผอมเพรียวภายในพริบตาจนคนข้างนอกผิดสังเกตเป็นแน่!
อวิ๋นซิ่วชิงยกมือขึ้นและตบหน้าอันอวบอ้วนของนาง “โชคดีนะที่เจ้าไขมันตรงนี้ยังเกาะอยู่เป็นเพื่อนข้า ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าคงออกไปข้างนอกไม่ได้แน่”
แม้อวิ๋นซิ่วชิงจะไม่อยากใส่ใจอะไรมากนัก แต่นางก็ยิ่งต้องระวังตัวเองให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นผู้คนจะสงสัยเอาได้
หลังจากพักผ่อนอยู่ข้างน้ำพุจิตวิญญาณอยู่พักหนึ่ง อวิ๋นซิ่วชิงก็ออกจากมิติส่วนตัวและกลับมาหลับที่เตียงด้ายความสบายใจ
เช้าวันที่ถัดมา อวิ๋นซิ่วชิงถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยฝันร้าย นางฝันว่าใบหน้าอวบอ้วนของนางกลายเป็นใบหน้าเรียวรูปไข่ และชาวบ้านพากันบอกว่านางเป็นปีศาจ จากคนอ้วนอาจกลายเป็นคนผอมได้ในเวลากลางคืนและพวกเขาบอกว่าจะเผานาง
ทันใดนั้น นางก็ตื่นขึ้นมาท่ามกลางเหงื่อที่แตกพลั่ก!
อวิ๋นซิ่วชิงวิ่งลงมาชั้นล่างด้วยเท้าเปล่า พร้อมกับหยิบกระจกจากโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมา เมื่อเห็นว่าใบหน้าของนางยังคงอ้วนกลมอยู่ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อวิ๋นซิ่วชิงนั่งลงบนเตียงและวางกระจกไว้ข้าง ๆ หลังจากนั้นนางก็เริ่มสวมถุงเท้าผ้าและสวมเสื้อผ้าทับเข้าไปสองชั้น เพื่อให้ดูอ้วนเหมือนเดิม เพียงเท่านี้นางก็สามารถออกจากห้องได้แล้ว…
อวิ๋นซิ่วชิงไปที่บริเวณลานใกล้ห้องของผู้เป็นพ่อ นางชะเง้อมองที่หน้าต่างห้องและเห็นว่าพ่อของนางยังคงหลับอยู่
นางจึงไปที่ห้องครัวเพื่อเอารำข้าวไปโรยให้ไก่ในเล้าหลังบ้าน และทันทีที่เดินออกมาจากลานบ้าน นางก็เห็นฮูหยินอวิ๋นเดินออกจากบ้านพร้อมชามใบใหญ่หนึ่งใบ
อวิ๋นซิ่วชิงนึกดูถูกขึ้นมา นางไม่รู้ว่าใครคือผู้โชคร้ายที่ตกหลุมพรางนางเฒ่าอสรพิษคนนี้
เมื่อคืนที่ฮูหยินอวิ๋นไปที่บ้านของผูเว่ยชาง นางหยิบชามใบใหญ่ไปเป็นพิเศษ แท้จริงแล้วนางตั้งใจจะแบ่งไว้กินครึ่งหนึ่งในตอนกลางคืน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งไว้กินตอนเช้า แต่เพราะความหิวที่มากเกินไป นางจึงกินอาหารที่ชายหนุ่มให้มาจนหมดเกลี้ยงจนแทบจะเลียก้นชาม
เช้าวันนี้นางจึงตื่นขึ้นมามัดผมและล้างหน้าด้วยน้ำเย็น เมื่อเห็นว่าชามเก่ายังสกปรกอยู่ นางจึงหยิบชามใบใหม่และออกจากคฤหาสน์ไปยังบ้านของผูเว่ยชางอีกครั้ง
ทางด้านของผูเว่ยชาง วันนี้เขาก็ตื่นเช้าเหมือนเช่นทุกวัน และกำลังฝึกวรยุทธ์ตามกิจวัตรประจำวันของเขา
ทันใดนั้น ต้าเหนียนชุ่ยยี่ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็มารายงานว่า “นายท่าน ฮูหยินอวิ๋นมาที่นี่อีกแล้ว”
ผูเว่ยชางยังคงมีท่าทีนิ่งเฉย เขาเก็บกำปั้นของเขาที่กำลังฝึกวิชากังฟูอยู่ และค่อย ๆ สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ผนังของบ้านล้อมรอบด้วยรั้วเท่านั้น เมื่อฮูหยินอวิ๋นมองเห็นชายหนุ่มจากระยะไกล นางก็ตะโกนด้วยเสียงโหยหวนว่า “ข้าอยู่ที่นี่ผูเว่ยชาง เจ้าทำอาหารหรือยัง?!”
ผูเว่ยชางมองฮูหยินอวิ๋นเดินเข้ามาด้วยสายตาไร้อารมณ์ ชายหนุ่มนึกสงสัยว่าหญิงมากเล่ห์และหน้าหนาเช่นนี้เป็นแม่ของอวิ๋นซิ่วชิงได้อย่างไร?
”ผูเว่ยชาง ทำไมเจ้าไม่ตอบข้าล่ะ?! เจ้าทำอาหารหรือยัง?!!” ฮูหยินอวิ๋นเดินไปที่ประตูและด่าทอเขาเสียงดัง
”ข้าไม่มีอาหารเช้า…” ผูเว่ยชางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาชักจะเหลืออดกับหญิงชราผู้นี้เต็มที
ผูเว่ยชางเป็นถึงเทพแห่งสงครามกลางสนามรบ เคยเจอศัตรูที่น่ากลัวและร้ายกาจมามากนัก ใครต่อใครเพียงได้ยินและพบเห็นเขามีแต่จะต้องยอมศิโรราบด้วยความหวาดกลัว แต่เขาเพิ่งเคยเห็นคนที่หน้าหนากล้าที่จะมาขออาหารเหมือนบ้านเขาเป็นโรงทานเช่นนี้นี่แหละ!
“อะไรนะ?!!! หากเจ้าไม่กินอาหารเช้า เจ้าก็ไม่ได้ทำอาหารงั้นหรือ?!!! แล้วแบบนี้ข้าจะกินอะไรล่ะ?!!”
ฮูหยินอวิ๋นหิวโหยมาตลอดทาง และตอนนี้นางก็ยิ่งหิวมากกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มไม่มีอาหารเช้าให้ นางก็กลายเป็นหญิงชราขี้บ่นทันที!
ผูเว่ยชางขมวดคิ้วและพูดว่า “หากเจ้าหิว เจ้าก็ทำกินเองสิ”
“แล้วทำไมข้าต้องทำอาหารเองด้วย? ข้าขอบอกไว้เลยนะเจ้าหนุ่ม หากเจ้าไม่ยอมทำอาหารให้ข้า ข้าจะไม่ยอมให้ลูกสาวข้าแต่งงานกับเจ้า แล้วเจ้าก็จะต้องโสดและไร้คู่ไปตลอดชีวิต!”
ฮูหยินอวิ๋นขู่เขาด้วยท่าทีหยิ่งยโส นางถือโอกาสยกอวิ๋นซิ่วชิงนังลูกไม่รักดีมาข่มขู่ผูเว่ยชาง
หลังจากเหลือบมองฮูหยินอวิ๋นด้วยสีหน้าเย็นชา ผูเว่ยชางก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในห้อง
…
ข้อความจากผู้ดูแลนิยายเรื่องนี้ : แม่ของอวิ๋นซิ่วชิงนี่ ถ้าเทียบกับสมัยนี้จริง ๆ น่าจะเข้าข่าย ‘มนุษย์ป้า’ เลเวล 100 เลยค่ะ ใจกล้า หน้าด้าน และตรรกะความคิดวิบัติแท้ ๆ ดูสิ ถึงขนาดที่ผูเว่ยชางที่เคยเป็นสุดยอดแม่ทัพยังต้องตกตะลึง