ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1555 คาดเดา
บทที่ 1555 คาดเดา
…………….
บทที่ 1555 คาดเดา
เกิดความโกลาหลในบ้านตระกูลซู
“ท่านแม่ ดูท่านพี่สิ ดูท่านพี่สิ” ซูเฉี่ยนเยว่เดินไปมาในห้องโถงอย่างกระวนกระวาย สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“ท่านแม่ ท่านพี่อ้อนวอนสาวชาวบ้านคนนั้นต่อหน้าจวิ้นจู่ แล้วแบบนี้ท่านพี่หมิ่นจะคิดอย่างไร นางจะรู้สึกอย่างไร” ซูเฉี่ยนเยว่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
สาวรับใช้และคนรับใช้ของบ้านตระกูลซูทุกคนคุกเข่าลงบนพื้น หวาดกลัวจนร่างกายสั่นเทา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคุณหนูรองที่ปกติจะอ่อนโยนราวกับสายน้ำ แต่ตอนนี้ดูเหมือนกับกำลังจะเสียสติ
“เฉี่ยนเยว่!” ฮูหยินซูตะโกนอย่างหมดหนทาง “เจ้ารอพี่ของเจ้ากลับมาแล้วฟังคำอธิบายของเขาก่อนดีหรือไม่”
ฮูหยินซูมองไปที่ซูเฉี่ยนเยว่ซึ่งกำลังพยายามหาคำอธิบายให้ซูหมิ่นอย่างจนปัญญา สำหรับซูหมิ่นแล้ว เฉี่ยนเยว่คนนี้ แม้แต่พี่ชายของนาง นางก็สามารถโทษเขาได้ทุกอย่าง
“ท่านแม่ ยังมีอะไรต้องอธิบายอีกหรือเจ้าคะ ท่านพี่หมิ่นเห็นหมดแล้ว สิ่งที่ท่านแม่เห็นด้วยตาจะไม่น่าเชื่อถือกว่าที่ท่านพี่อธิบายหรอกหรือ”
ซูเฉี่ยนเยว่พูดด้วยความโกรธ ความไม่พอใจฉายชัดในแววตา
“ฮูหยิน นายน้อยมาแล้วเจ้าค่ะ” หน่วนชิวหยุดยืนที่บริเวณประตู และแจ้งเข้าไปด้านใน
ทันทีที่ซูจือเยว่เดินเข้ามาก็เห็นซูเฉี่ยนเยว่วิ่งเข้ามาหาเขา ก่อนเงยหน้าขึ้นสูงเพื่อสบตาของซูจือเยว่ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยคำถามและคำตำหนิอย่างไม่พอใจ “ท่านพี่ ทำไมท่านถึงต้องการอ้อนวอนกู้เสี่ยวหวานผู้หญิงแพศยาคนนั้น?”
“เฉี่ยนเยว่” เมื่อซูจือเยว่เห็นว่าซูเฉี่ยนเยว่ถามอย่างไม่รีรอ และยังใส่ร้ายเสี้ยนจู่อันผิงจึงอดไม่ได้ที่จะโกรธเคือง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมและมองนางอย่างเย็นชา
“ซูจือเยว่ ข้าถามท่านอยู่นะ ทำไมท่านถึงต้องอ้อนวอนกู้เสี่ยวหวานผู้หญิงแพศยาคนนั้นด้วย ท่านก็รู้ว่าท่านพี่หมิ่นเกลียดผู้หญิงแพศยาคนนั้นมากแค่ไหน” เมื่อเห็นว่าซูจือเยว่ไม่ตอบ ซูเฉี่ยนเยว่ก็กระชากมือเขาและตะโกนด้วยความโกรธ แม้แต่ฮูหยินซูก็ยังประหลาดใจ
“เฉี่ยนเยว่ เจ้าเป็นอะไรไป? หมิงตูจวิ้นจู่เป็นคนนอก และคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือพี่ชายของเจ้า เจ้าตำหนิเขาเช่นนี้ได้อย่างไร” ฮูหยินซูมองซูเฉี่ยนเยว่ที่กำลังตีโพยตีพายก็รู้สึกโกรธเล็กน้อยและตะโกนขึ้น
เมื่อซูเฉี่ยนเยว่ได้ยินมารดาบอกว่าตนเองตีโพยตีพายเกินเหตุ ทั่วทั้งร่างก็สั่นสะท้านด้วยความโกรธ ก่อนจะหันไปมองฮูหยินซู จากนั้นกัดฟันกรอดและพูดกับซูจือเยว่ว่า
“ท่านพี่ลืมไปแล้วหรือ? หมิงตูจวิ้นจู่ชอบท่านมาก แต่ท่านกลับไปชอบนังแพศยานั่น ท่านพี่ไม่กลัวหรือว่ากู้เสี่ยวหวานคนนั้นจะตายอย่างน่าอนาถ จุดจบของตระกูลเราจะต้องไม่มีดีอย่างแน่นอน ท่านพี่จะมองดูตระกูลซูของเราที่มีอายุนับร้อยปีถูกทำลายได้หรือ”
ซูเฉี่ยนเยว่เป็นคนที่สง่างามและใจกว้าง แต่ท่าทีตีโพยตีพายทำให้ซูจือเยว่ไม่คุ้นเคย แต่ไม่ว่าอย่างไร ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก็มีสายเลือดเดียวกับตัวเอง
ซูจือเยว่พยายามระงับอารมณ์และพูดว่า “นางเป็นเสี้ยนจู่อันผิงที่ฮ่องเต้แต่งตั้ง นางมาจากชนบท และนี่เป็นครั้งแรกที่นางเข้าร่วมในงานเลี้ยง สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นความผิดของตระกูลซูของเรา สาวรับใช้ยังยอมรับด้วยว่ามีคนติดสินบนนางเพื่อทำเช่นนี้ ต่อหน้าแขกของตระกูลซู เราควรแสวงหาความยุติธรรมให้เสี่ยวหวานไม่ใช่หรือ”
“เสี่ยวหวานหรือ” ซูเฉี่ยนเยว่จ้องมองซูจือเยว่ด้วยดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อและรีบขัดจังหวะ จากนั้นก็กวาดสายตามองปราดขึ้นลงและกรีดร้องด้วยความโกรธ
“ท่านพี่ ท่านเสียสติไปแล้วหรือเปล่า? หมิงตูจวิ้นจู่ถือว่านางเป็นหนามยอกอก นางเป็นศัตรูของท่านพี่หมิ่น นางทำให้ตระกูลซูของเราเสียหน้าท่ามกลางผู้คนจากตระกูลขุนนางมากมาย และนางก็เป็นศัตรูของเรา ท่านกล้าดีอย่างไรมาเรียกด้วยชื่อของนาง ไม่ต้องพูดถึงสถานะปัจจุบันของนาง นางเป็นแค่เสี้ยนจู่อันผิงระดับห้า การที่นางได้รับเชิญมาเข้าร่วมงานเลี้ยงตระกูลซูได้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่านับถือแล้ว นางมีชาติกำเนิดและฐานะอันต่ำต้อย นางเป็นเพียงสาวจากชนบท นางต่ำต้อยถึงเพียงนี้ ทำไมท่านพี่ถึง…”
ซูเฉี่ยนเยว่ที่มักจะอ่อนโยนและใจดีเสมอ ทำไมวันนี้ความคิดของนางถึง…
ในขณะนี้ซูจือเยว่เกิดความรู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับท่าทีตีโพยตีพายของน้องสาว แต่เมื่อคิดว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคือน้องสาวของตนเอง หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เขาก็กำหมัดแน่นและพยายามอดทน
“เฉี่ยนเยว่ พี่เข้าใจความหึงหวงของผู้หญิงเป็นอย่างดี เสี้ยนจู่อันผิงเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในเมืองหลวง วันนี้ข้าออกหน้าแทนนาง แต่ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร สำหรับเรื่องนี้มันเป็นความผิดของตระกูลซู ตระกูลซูควรหาตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง และให้ความยุติธรรมกับเสี้ยนจู่อันผิง”
ซูจือเยว่เหล่ตามองใบหน้าที่หวาดระแวงของซูเฉี่ยนเยว่และพูดอย่างเย็นชา ในดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นเต็มไปด้วยความดื้อรั้นที่ซูจือเยว่คุ้นเคย
นั่นคือนิสัยของนางที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก
หลังจากระบุตัวบุคคลหรือบางสิ่งได้ แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอุปสรรคร้ายแรง เขาจะไม่ยอมแพ้และไล่ตามต่อไป
ทันใดนั้น ซูเฉี่ยนเยว่ก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าท่านพี่ยังดื้อรั้นที่จะไล่ตามอีกฝ่ายแบบนี้ และรู้ความจริงว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องคือนาง นางควรทำอย่างไร?
ซูเฉี่ยนเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ใบหน้าของนางซีดเผือดจนไร้สีเลือด
“ท่านพี่ ท่านอยากตามหาตัวคนร้ายจริงหรือ” ซูเฉี่ยนเยว่ถามอย่างเย็นชา
“ใช่” ซูจือเยว่ตอบอย่างหนักแน่น
“ทำไม?” ซูเฉี่ยนเยว่ยังคงไม่ยอมแพ้ “แม้ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของตระกูลซูงั้นหรือ? กู้เสี่ยวหวานก็พูดไปแล้วว่านางไม่สนใจเรื่องนี้ ทำไมท่านถึงยังไม่ยอมแพ้อีก”
ดวงตาของซูเฉี่ยนเยว่จ้องเขม็งไปที่ซูจือเยว่
ซูจือเยว่มองไปที่ซูเฉี่ยนเยว่ เขาไม่รู้ว่าตนควรจะตอบอย่างไรดี ต้องบอกซูเฉี่ยนเยว่ว่าตัวเองรักกู้เสี่ยวหวานหรือ? หรือบอกซูเฉี่ยนเยว่ว่าตัวเองตกหลุมรักกู้เสี่ยวหวานตั้งแต่แรกเห็นและคิดไปจนถึงเรื่องแต่งงาน?
ซูจือเยว่ไม่กล้าตอบคำถามคนตรงหน้า ความเงียบงันในช่วงนี้ทำให้ซูเฉี่ยนเยว่จับผิดอะไรบางอย่างได้ ในขณะนี้เองที่ความคิดลอยเข้ามาในหัวใจของนาง ซึ่งทำให้ซูเฉี่ยนเยว่ตกตะลึง
“ท่านพี่ นางเป็นหญิงสาวจากชนบท แต่ท่านเป็นถึงลูกชายของขุนนางระดับสอง ท่านเป็นผู้สูงศักดิ์และไม่มีใครเทียบได้ ท่านจะทำแบบนั้นได้อย่างไร” ซูเฉี่ยนเยว่กำหมัดแน่นและกรีดร้องด้วยความโกรธ
…………….