ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย - บทที่ 1550 ทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลตอบแทน
บทที่ 1550 ทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลตอบแทน
…………….
บทที่ 1550 ทำอะไรไว้ย่อมได้รับผลตอบแทน
ไม่มีใครรู้วิธีแก้ไขเรื่องราวระหว่างจวิ้นจู่ทั้งสอง และไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือเข้าไปยุ่ง
“ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน องครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้ถูกส่งมาโดยเสด็จพี่ฮ่องเต้ของข้า ข้าสามารถพาพวกเขาไปด้วยทุกที่ที่ข้าไป ไม่เกี่ยวว่าจะอยู่ในตระกูลซูหรือไม่” ซูหมิ่นแสยะยิ้ม
“ถ้าข้าจำไม่ผิด เสด็จพี่ฮ่องเต้ส่งองครักษ์ส่วนตัวมาเพื่อปกป้องความปลอดภัยของเจ้า ไม่ใช่เพื่อให้เจ้านำไปข่มขู่คุณหนูคนอื่นตามใจชอบ องครักษ์ส่วนตัวเหล่านี้กำลังชี้ดาบมาใส่ข้า เจ้ากำลังพยายามปลิดชีวิตพวกเราหรือเปล่า” ถานอวี้ซูถามกลับอย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อเห็นเจตนาฆ่าฉายผ่านใบหน้าของซูหมิ่น และนางก็แอบคิดในใจว่าอยากจะหั่นซูหมิ่นเป็นชิ้น ๆ เสียตอนนี้ แต่ก็ปรับสีหน้าเป็นเรียบนิ่งได้อย่างรวดเร็ว และกล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร? ข้าแค่คิดถึงคำพูดของอวี้ซูเมื่อครู่ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของไทเฮา ไทเฮาจะเชื่อเจ้าหรือข้า”
ซูหมิ่นไม่ได้ตกใจกับคำพูดของถานอวี้ซู แต่นางต้องการเข้าไปในวังด้วย
“โอ้ มาดูกันว่าไทเฮาจะเชื่อในตัวเจ้าหรือข้ามากกว่ากัน” ถานอวี้ซูพูดอย่างไร้กังวล ความเฉยเมยที่แสดงออกมาทำให้ซูหมิ่นกัดฟันกรอด
ดูเหมือนว่าคนในตระกูลซูจะถูกลืมเพราะการต่อสู้อย่างเปิดเผยระหว่างจวิ้นจู่ทั้งสอง แต่กู้เสี่ยวหวานที่ยืนอยู่ข้างถานอวี้ซู ดวงตาของนางหลุบเล็กน้อยมองไปที่พื้นข้างหน้านาง โดยไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
และซูเฉี่ยนเยว่มองดูสถานการณ์ตึงเครียดของจวิ้นจู่ทั้งสอง เขากำผ้าเช็ดหน้าอย่างกระวนกระวาย ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฮูหยินซูและไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า
“จริงหรือ” ซูหมิ่นมองถานอวี้ซูที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เพราะรู้ว่าคนคนนี้คงจะสู้กับนางจนตาย “อวี้ซู อย่าลืมว่าไทเฮาคือท่านป้าของข้า”
ถานอวี้ซูพยักหน้า “ข้าไม่ลืม แต่ข้าเชื่อว่าไทเฮามีจิตใจเมตตาและยุติธรรม ท่านจะช่วยจัดการโดยไม่สนใจว่าคนผู้นั้นเป็นญาติของนางหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะไปเข้าเฝ้าไทเฮาและให้ไทเฮาคืนความยุติธรรมแก่เสี้ยนจู่อันผิง”
“เจ้า…” ซูหมิ่นเห็นว่าถานอวี้ซูไม่ยอมแพ้และเขากำลังต่อสู้ด้วยเหตุผลเช่นนั้น นางก็ต้องการจะฉีกร่างจวิ้นจู่คนนี้ออกเป็นชิ้น ๆ จวิ้นจู่คนนี้มีอำนาจเช่นเดียวกับนาง แต่เป็นที่โปรดปรานของไทเฮา
ถานอวี้ซูเป็นเพียงหลานสาวของผู้ชายบ้าบิ่น แต่นางยังสามารถได้รับการขนานนามว่าเป็นจวิ้นจู่และสถานะเท่าเทียมกับตนเองที่เป็นหมิงตูจวิ้นจู่ เมื่อนางคิดเช่นนี้ นางแทบรอไม่ไหวที่จะฉีกถานอวี้ซูออกเป็นชิ้น ๆ
นอกจากนี้ กู้เสี่ยวหวานผู้นี้กล้าล่อลวงท่านพี่จือเยว่ต่อหน้านาง
ดวงตาของซูหมิ่นกวาดมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซู และในที่สุดนางก็หัวเราะเบา ๆ “อวี้ซู ไม่ต้องกังวล ฮูหยินซูจะให้คำอธิบายกับท่านเสี้ยนจู่อันผิงแน่นอน เพียงแต่เราจะไม่สามารถรู้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทำไมเราไม่รอฮูหยินซูรู้ตัวคนร้ายตัวจริงก่อนล่ะ เมื่อนั้นข้าจะคืนความยุติธรรมให้ท่านเสี้ยนจู่ ตกลงไหม”
ซูหมิ่นไม่ได้หารือเรื่องนี้กับคนอื่น แต่กลับเอ่ยขึ้นกับกู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูโดยตรง คนรอบด้านไม่มีใครรู้ความหมายของการการหัวเราะของนาง แต่กู้เสี่ยวหวานต้องการออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
เมืองหลวงเป็นสถานที่แห่งความชั่วร้าย นางเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยากเป็นเจ้าของที่ดิน นางไม่ต้องการอยู่ในสถานที่เช่นนั้น
“ท่านจวิ้นจู่พูดจาน่าขันนัก ถ้าเป็นความผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าคงเลิกติดตามเรื่องนี้ไปแล้ว ถ้ามีใครรังแกข้าจริง ๆ ข้าไม่ปล่อยไว้แน่ แม้ว่าเสี่ยวหวานจะเป็นเพียงสาวบ้านนอก อย่างไรก็ตาม ข้ายังไม่ได้รับความยุติธรรมใด ๆ ข้าเชื่อว่าคนเราทำอะไร สวรรค์ย่อมเห็นอย่างชัดเจน ทำอะไรไว้ต้องได้รับสิ่งตอบแทน มาคอยดูกันเถอะ”
หลังจากพูดจบ นางก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง และทิ้งคำพูดที่ทำให้ผู้คนในบ้านตระกูลซูตกใจ
ซูจือเยว่ขมวดคิ้วพลางมองแผ่นหลังที่จากไปของกู้เสี่ยวหวาน นางสวมชุดสีขาวที่ถูกปักด้วยลวดลายดอกไห่ถังสีแดงสดราวกับนางเซียนที่ลงมาจากท้องฟ้า นางมาพร้อมกับดอกไม้และจากไปพร้อมกับดอกไม้ ทันใดนั้น ซูจือเยว่ก็วิ่งไปในทิศทางที่กู้เสี่ยวหวานออกไปทันที
นิสัยเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ท่านแม่ ดูท่านพี่สิเจ้าคะ” ซูเฉี่ยนเยว่เบิกตากว้างมองไปที่ซูจือเยว่ที่สูญเสียความสงบ และชี้ไปที่แผ่นหลังของเขาที่กำลังวิ่งออกไป ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
ก่อนที่นางจะพูดจบ นางรีบมองไปยังทิศทางของซูหมิ่น และเห็นว่าซูหมิ่นหันมาหาตัวเอง ก่อนจะมองไปยังทิศทางของซูจือเยว่ด้วยความงุนงง
เขาวิ่งไปหาสาวบ้านนอกคนนั้น
มือของซูหมิ่นกำแน่นภายใต้แขนเสื้อกว้างและเล็บที่ถูกทาด้วยสีแดงเลือดนกจิกลงไปบนเนื้ออย่างต้องการระงับอารมณ์
ซูจือเยว่ ช่างดีเสียจริง
ข้ารักเจ้ามาก คิดถึงเจ้าทุกวัน ไม่อยากให้ผู้หญิงหน้าไหนมากวนใจ แต่เจ้ากลับวิ่งไปหาผู้หญิงที่เพิ่งได้เจอแค่ไม่กี่ครั้ง
ช่างดีเสียจริง ช่างดีเสียจริง!
ทันใดนั้น ซูหมิ่นก็คลี่ยิ้มออกมา นางหันกลับมาและเห็นฮูหยินซูกับซูเฉี่ยนเยว่มองนางด้วยความน่ากลัวโดยไม่พูดอะไรเลย นางแค่เหลือบมองคนสองคนที่กำลังตกตะลึง จากนั้นสะบัดเสื้อคลุมและเดินจากไปเช่นกัน
กู้เสี่ยวหวานและถานอวี้ซูออกจากลานอย่างรวดเร็ว และพบอาจั่วกับโค่วตันอยู่ข้างนอกซึ่งพร้อมที่จะพุ่งเข้ามาได้ทุกเมื่อ บริเวณประตูของบ้านตระกูลซูมีคนรับใช้หลายคนเฝ้าอยู่ และทันทีที่พวกนางก้าวออกจากลานบ้านตระกูลซูก็ได้ยินเสียงตะโกนอย่างรีบเร่งมาจากด้านหลัง “เสี้ยนจู่อันผิง โปรดหยุดก่อน”
กู้เสี่ยวหวานหันกลับไปก็เห็นซูจือเยว่วิ่งหน้าตั้งออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยการตำหนิตัวเอง
“เสี้ยนจู่อันผิง ข้าขอโทษสำหรับเหตุการณ์เมื่อครู่ เป็นเพราะข้าดูแลคนของเราได้ไม่ดีพอจึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มันคงทำให้ท่านตกใจมากแล้ว” ซูจือเยว่โค้งคำนับอย่างจริงจังและกล่าวโทษตัวเอง
กู้เสี่ยวหวานจะทนคำขอโทษนี้ได้อย่างไร นางรีบถอยหลังออกห่างจากซูจือเยว่ แล้วพูดอย่างเย็นชา “นายน้อยซู ท่านสุภาพเกินไปแล้ว”
ความห่างเหินของกู้เสี่ยวหวานทำให้ซูจือเยว่รู้สึกเศร้าใจ และคาดเดาได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเมื่อครู่จะต้องทำให้นางโกรธมากแน่
เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นกู้เสี่ยวหวานยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดงในชุดสีขาวนวล
…………….