ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 13 บทที่ 387 เหตุใดนางถึงไม่รู้ว่าเซียวยวี่เป็นคนบ้าตัณหา
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 13 บทที่ 387 เหตุใดนางถึงไม่รู้ว่าเซียวยวี่เป็นคนบ้าตัณหา
เซี่ยยวี่หลัวเบ้ปากทีหนึ่ง ไม่อยากรบกวนเซียวยวี่ อยากขยับก็ไม่กล้าขยับ ได้แต่นอนอยู่บนเตียงด้วยอาการตัวแข็งเกร็ง ปล่อยให้เซียวยวี่วางมือซ้ายไว้หลังคอนาง และวางมือขวาไว้บนตัวนาง
ประหนึ่งเป็นห่วงรัดนางไว้ ขอเพียงเซี่ยยวี่หลัวเคลื่อนไหว ก็จะทำให้คนข้างๆ ตื่น
เซี่ยยวี่หลัวไม่อยากทำให้เขาตื่น ได้แต่นอนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ร่างกายแข็งเกร็งเป็นอย่างมาก ทั้งยังรู้สึกเหมือนกลิ้งผ่านเปลวไฟ ทั้งแข็งเกร็งทั้งร้อน
รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก
เซียวยวี่ที่อยู่ข้างๆ ยังไม่หลับ เขาแสร้งทำเป็นนอนหลับ
สวรรค์ทรงโปรด ภรรยาผู้เลอโฉมอยู่ในอ้อมอก เขาจะนอนหลับได้อย่างไร
เพียงแต่เห็นเซี่ยยวี่หลัวทั้งกังวลทั้งกลัว เขาจึงไม่กล้าล่วงเกินนางเท่านั้น
นอกจากนั้น หากเขาตื่น มีความเป็นไปได้สูงที่นางจะหาข้ออ้างหนีไป มิสู้นอนหลับ นางเห็นอกเห็นใจเขาถึงเพียงนั้น จะตัดใจกวนเขาให้ตื่นได้อย่างไร
แผนการนี้ของเซียวยวี่ถือว่าใช้ได้ดีทีเดียว เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าทำให้เขาตื่น!
ทั้งสองคน ต่างก็แสร้งทำเป็นหลับเช่นนี้เอง
ทั้งสองคนที่เดิมทีหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อาจเพราะง่วงแล้วจริงๆ หลังจากทำใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็นอนหลับอย่างแท้จริง
นอนหลับอย่างเงียบสงบ
ค่ำคืนเงียบสงัด
เซียวจื่อเซวียนตื่นก่อน มองดูท้องฟ้าภายนอก ลุกขึ้นมา สวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ มายังหน้าห้องเซี่ยยวี่หลัว
ประตูห้องแง้มไว้ เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าเวลานี้เซียวจื่อเมิ่งยังนอนอยู่ จึงไปปลุกนางให้ตื่น
พี่สะใภ้ใหญ่ไม่อยู่ น่าจะลุกแล้ว เวลานี้น่าจะกำลังทำอาหารเช้าอยู่ในห้องครัว
เซียวจื่อเมิ่งขยี้ตาด้วยอาการงัวเงียขณะลุกขึ้น “พี่รอง…”
“ตื่นได้แล้ว” เซียวจื่อเซวียนหยิบเสื้อของเซียวจื่อเมิ่งมา หลังจากเซียวจื่อเมิ่งสวมเสร็จ ทั้งสองคนจึงไปห้องครัว
ภายในห้องครัวเย็นเยียบ ไม่มีไออุ่นแม้แต่น้อย
ทั้งสองคนจึงออกมา เสื้อผ้าที่ใช้แล้วยังวางอยู่ใต้ชายคา พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ไปซักผ้า พอไปดูที่สวนหลังบ้าน ก็ไม่อยู่นี่นา!
หาทั้งภายในและภายนอกบ้านแล้ว ก็ยังไม่พบตัว เด็กสองคนตกใจแทบตาย รีบพุ่งพรวดไปทางห้องของพี่ใหญ่
เพิ่งไปถึงหน้าประตู เซียวจื่อเมิ่งจะพุ่งพรวดเข้าไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังก่อน เซียวจื่อเซวียนตาดี ประตูที่แง้มไว้ เหมือนจะเห็นรองเท้าของพี่สะใภ้ใหญ่…
เขาดึงเซียวจื่อเมิ่งที่จะพุ่งพรวดเข้าไปทันที “เจ้าช้าหน่อย! “
“พี่รอง พี่สะใภ้ใหญ่หายไปแล้วเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งกลัวจนแทบจะร้องไห้
หากพี่สะใภ้ใหญ่ตื่นแล้ว สิ่งแรกที่จะทำคือเตรียมอาหารเช้า ทุกวันตอนเช้าพวกเขาไปที่ห้องครัว ภายในห้องครัวจะมีไอน้ำร้อนและกลิ่นหอมลอยตลบอบอวล เหตุใดวันนี้ถึงไม่มีเล่า!
ทั้งยังไม่พบตัวพี่สะใภ้ใหญ่ในสถานที่อื่นๆ ด้วย พี่สะใภ้ใหญ่ไปที่ไหนกัน?
“ชู่ว์ ไม่ได้ไป ไม่ได้ไป เจ้าดูสิ! ” เซียวจื่อเซวียนปิดปากเซียวจื่อเมิ่งที่กำลังจะส่งเสียงร้องไห้โฮ เปิดประตูออกเล็กน้อย ชี้ไปยังคนที่อยู่บนเตียงพร้อมกล่าวกับนาง “เจ้าดูสิ คนที่อยู่บนเตียงคือใคร…”
ถึงแม้เส้นผมสีดำขลับจะบดบังจนเห็นไม่ชัดเจนนัก ทว่า หากนั่นไม่ใช่พี่สะใภ้ใหญ่ยังจะเป็นใครอีก!
“พี่สะใภ้ใหญ่…” เซียวจื่อเมิ่งอ้าปากกำลังจะตะโกนเรียก เซียวจื่อเซวียนโมโหจนรีบปิดปากนางไว้ “เด็กโง่ อย่าเรียก พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ตื่นเลย! “
ด้วยเกรงว่าเซียวจื่อเมิ่งจะตะโกนเรียกอีก เซียวจื่อเซวียนจึงลากนางกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ปล่อยให้ทั้งสองคนที่กำลังหลับสบาย ได้หลับสนิทต่อ
เซี่ยยวี่หลัวหลับลึกมาก ในความฝัน นางเห็นท่านราชบัณฑิตน้อยมองนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เบื้องลึกแววตาเต็มไปด้วยความรักลึกซึ้ง โอบกอดนางด้วยความอ่อนโยนดุจสายน้ำ
แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียว ท่านราชบัณฑิตน้อยก็มองนางด้วยความโหดเหี้ยม เบื้องลึกแววตาราวกับมีใบมีดอันแหลมคม ราวกับจะเชือดเฉือนนางให้สิ้นชีพในเสี้ยววินาทีถัดไป
นางยังได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนอันน่าเวทนาของตัวเอง เสียงร้องนั่น เสมือนเป็นมีดอันแหลมคมที่ปักเข้ากลางใจนาง ผ่านไปเพียงครู่เดียว โลกทั้งใบก็เต็มไปด้วยสีแดงโลหิต มีโลหิตสีแดงสดไหลอยู่ทั่วทุกแห่งหน
รวมทั้งเสียงร้องขอความช่วยเหลือของตัวเองที่แผ่วเบาลงเรื่อยๆ
แม้แต่นางในความฝัน ก็ยังน่าเวทนาถึงเพียงนั้น!
เซี่ยยวี่หลัวสะดุ้งตื่นอย่างฉับพลัน ดวงตาเบิกกว้าง สบประสานกับดวงตาคู่หนึ่งที่อ่อนโยนดุจสายน้ำเข้าพอดี
ริมฝีปากบางเปิดออกเล็กน้อย อ่อนโยนดุจสายน้ำ ความรักลึกซึ้งที่ฉายชัดในเบื้องลึกแววตา ช่วยปลอบโยนเซี่ยยวี่หลัวที่เมื่อครู่นี้ฝันร้ายจนรู้สึกเย็นวาบ
“ตื่นแล้วหรือ? “
เซี่ยยวี่หลัวพยักหน้าเบาๆ พร้อมขานตอบทีหนึ่ง กำลังจะลุกขึ้น กลับพบว่าตัวเองยังโอบกอดเอวคอดแข็งแรงของเซียวยวี่ไว้ นอนอยู่บนแขนท่านราชบัณฑิตน้อย และมือข้างหนึ่งของท่านราชบัณฑิตน้อย ก็วางไว้บนเอวนาง โอบกอดนางให้อยู่ในพื้นที่เล็กๆ ที่มีกลิ่นอายเข้มข้นของเขาห้อมล้อมอยู่
เซียวยวี่เองก็เพิ่งตื่น เขาเป็นคนคิดมาก ทุกครั้งอ่านตำราจนดึกดื่น ต่อให้นอนอยู่บนเตียง ก็ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ถึงจะนอนหลับ พอถึงเช้าวันต่อมา ไม่ว่าคืนก่อนได้นอนกี่ชั่วยาม เขาก็จะตื่นตรงเวลาเสมอ
บางครั้งดีหน่อย จะตื่นตามเวลาที่กำหนด
แต่ในบางครั้ง ท้องฟ้ายังมืดอยู่ เขาก็จะตื่นขึ้นมา มองดูท้องฟ้าที่ยังไม่สว่างด้วยอาการเหม่อลอย
จากนั้นจึงลืมตามองดูเวลาค่อยๆ เคลื่อนผ่านถึงเวลาที่เขาตื่นในยามปกติ แล้วจึงลุกขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก ล้างหน้าบ้วนปาก อ่านตำรา เป็นเช่นนี้ทุกวัน เขานึกว่าจะเป็นเช่นนี้ไปชั่วชีวิตเสียแล้ว
ที่ไหนได้ สวรรค์เมตตาเขา!
“อาหลัว…” เสียงของเซียวยวี่ฟังดูแหบพร่า มุดศีรษะตรงซอกคอเซี่ยยวี่หลัว น้ำเสียงสั่นเครือ
“หืม? “
“เจ้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่สวรรค์ประทานให้ข้าจริงๆ”
เซียวยวี่มุดศีรษะตรงซอกคอเซี่ยยวี่หลัว ลมหายใจของเขาร้อนผ่าว ลอยวนเวียนอยู่ในซอกคอเซี่ยยวี่หลัว กระจายไปทั่วตัวนาง ร้อนรุ่มราวกับหัวใจจะมอดไหม้อย่างไรอย่างนั้น
เซียวยวี่ไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงกอดเซี่ยยวี่หลัวไว้
เซี่ยยวี่หลัวได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นแรงประหนึ่งรัวกลอง เสียงหัวใจเต้นของนางก็เช่นเดียวกัน หากเซียวยวี่ได้ยิน ก็ต้องได้ยินเสียงเหมือนกวางตัวน้อยที่วิ่งชนไปทั่วแน่นอน
เซียวยวี่ไม่กล้าเคลื่อนไหว รู้ว่าหากตัวเองขยับเขยื้อน ไม่แน่ว่าอาจทำอะไรก็เป็นได้ เขาเพียงกอดเซี่ยยวี่หลัวอย่างเงียบสงบ มือขวาคอยลูบหลังนางครั้งแล้วครั้งเล่า
หัวใจ ค่อยๆ สงบลง
“หิวหรือยัง? ” เสียงน่าหลงใหลของเซียวยวี่ดังขึ้นอีกครั้ง เซี่ยยวี่หลัวกำลังคิดจะกล่าวอะไร ท้องกลับส่งเสียง “โครก…” เสียก่อน
“ฮะ…” เซียวยวี่หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
เซี่ยยวี่หลัว “…”
น่าขายหน้าเสียจริง แทบอยากหารูบนพื้นมุดหนีไป
เซี่ยยวี่หลัวหน้าแดงเสียยิ่งกว่าอะไร มุดศีรษะในอ้อมอกเซียวยวี่พร้อมถูไปมา เซียวยวี่จับนางไว้ทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อย่าขยับ”
เซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่หญิงสาวที่ไร้เดียงสาไม่รู้ความ ฟังออกทันทีว่าน้ำเสียงที่เคร่งขรึมของเซียวยวี่แฝงเร้นด้วยความสั่นไหวที่ถูกสะกดไว้
ชายหนุ่มหญิงสาวอยู่ในห้องเดียวกันตามลำพัง ช่างอันตรายเสียจริง!
นางไม่กล้าเคลื่อนไหว เชื่อฟังว่าง่าย มุดอยู่ในอ้อมอกเซียวยวี่โดยไม่ขยับเขยื้อน สามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของเซียวยวี่ค่อยๆ สงบลง นางรู้ว่าเคลื่อนไหวได้แล้ว
“ลุกได้แล้ว! ” เซียวยวี่พยุงตัวลุกขึ้น เมื่อคืนเขาไม่ได้ถอดเสื้อด้วยซ้ำ มีเพียงรอยยับเล็กน้อยเท่านั้น
หันกลับไปมองเซี่ยยวี่หลัว กลับไม่ได้ดีถึงเพียงนั้น
เมื่อคืนตอนนางนอนเดิมทีก็สวมเสื้อสั้นตัวบาง ในภายหลังจะไปหาเซียวยวี่จึงนำเสื้อมาคลุมหนึ่งตัว ตอนนอนไม่รู้ว่าทิ้งไปตรงไหนแล้ว เพิ่งลุกขึ้น เซียวยวี่ปรายตามอง เซี่ยยวี่หลัวก้มหน้า ใบหน้าพลันขึ้นสีแดงทันที
เสื้อของนางบางเกินไป กลางคืนยังพอไหว พอเป็นตอนกลางวันที่เห็นชัด ก็โปร่งบางจนมองแวบเดียวก็เห็นเรือนร่างภายใน
เสื้อนอกของนางหายไปแล้ว จะให้ลุกอย่างไร!
เซี่ยยวี่หลัวไม่กล้าเคลื่อนไหว เขยิบบั้นท้ายก่อนเอนตัวลงไปอีกครั้ง ใช้ผ้านวมปกปิดเรือนร่างที่เสื้อไม่สามารถปิดไว้ได้
เซียวยวี่เห็นเข้า จึงยิ้มพร้อมกล่าวเป็นเชิงเย้าหยอก “ทำไม ไม่อยากลุก? เช่นนั้น พวกเราก็…” เขาเลิกคิ้วขึ้น ทำท่าทางราวกับเป็นคนบ้าตัณหาที่กำลังแทะโลมสตรีตัวน้อย “…นอนต่อ? ”
เซี่ยยวี่หลัว “…”
เหตุใดนางอ่านนิยายแล้วถึงไม่รู้ว่าเซียวยวี่เป็นคนบ้าตัณหา!