ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 12 บทที่ 360 ท่านราชบัณฑิตน้อยที่ผมร่วงจนหมดศีรษะ
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 12 บทที่ 360 ท่านราชบัณฑิตน้อยที่ผมร่วงจนหมดศีรษะ
เซียวหยวนนอนอยู่บนเสื่อฟางในศาลบรรพชน นอนหลับไปหนึ่งตื่น เมื่อตื่นขึ้นมา ท้องฟ้าภายนอกก็มืดแล้ว ส่วนเซียวหมิงจูก็ยังมีท่าทางราวกับคนตาย ขดตัวอยู่บนพื้น หากไม่ใช่เพราะดวงตาคู่นั้นยังเคลื่อนไหว เซียวหยวนคงคิดว่านางตายไปแล้วจริงๆ
เขาเสียเงินและความพยายามไปมากมายถึงเพียงนั้น ถึงสร้างโอกาสดีเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างยากลำบาก เซียวหยวนคิดจะรีบคว้าโอกาสนี้ไว้
“หมิงจู…” เซียวหยวนเดินขึ้นหน้า จับมือเซียวหมิงจู กล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความรักลึกซึ้ง “ทำไมเจ้าถึงไม่พักผ่อนครู่หนึ่ง เมื่อครู่… ข้าเหนื่อยเกินไป ไม่ทันระวังจึงนอนหลับไป”
เซียวหมิงจูไม่กล่าวอะไร สายตามองไปตรงหน้าด้วยอาการเหม่อลอย ดวงตาทั้งคู่ไม่มีชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่าในนั้นก็ไม่มีภาพสะท้อนของเซียวหยวนเช่นกัน
เซียวหยวนแสดงสีหน้าเจ็บปวดใจ เดินขึ้นหน้าไปลูบใบหน้าของเซียวหมิงจู กล่าวด้วยท่าทางสงสาร “เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้ เจ้าเป็นเช่นนี้ ภายในใจข้ารู้สึกไม่ดี”
เซียวหมิงจูยังคงไม่กล่าวอะไรแม้แต่ประโยคเดียว
เซียวหยวนปลอบโยนอีกหลายประโยค นางยังคงไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าตัวเองกล่าวตั้งมากมาย เสียแรงทำสีหน้าท่าทางและน้ำลายไปมากถึงเพียงนี้ เซียวหยวนลอบถ่มน้ำลายทีหนึ่ง แววตาฉายประกายรังเกียจ แต่ยามเขาเผชิญหน้ากับเซียวหมิงจู ก็เก็บซ่อนความรู้สึกรังเกียจอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนนั่งห่อเหี่ยวอยู่อย่างนี้จวบจนฟ้ามืด
ไฟตะเกียงในศาลบรรพชนถูกจุดสว่าง แสงสลัวสั่นไหวเป็นครั้งคราว ไม่เห็นใบหน้าของเซียวหมิงจูอย่างชัดเจน กลับเห็นอย่างชัดเจนว่ายามเซียวหยวนมองเซียวหมิงจู แววตาบ่งบอกว่ากำลังวางแผนบางอย่างอยู่
หลังอาหารเย็น หลัวไห่ฮวายังคงทำเหมือนเคย ค้ำยันไม้เท้าเดินขากะเผลกไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน
ยามนี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านมีชาวบ้านรายล้อมอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่ากำลังพูดคุยเรื่องอะไร คนทั้งกลุ่มพากันหัวเราะเสียงดัง
หลัวไห่ฮวาเดินไปหา ยิ้มพร้อมกล่าว “พวกเจ้ากำลังคุยอะไรกันอยู่? มีความสุขถึงเพียงนี้”
“ไม่ได้คุยอะไร แค่กำลังคุยกันว่าผลเก็บเกี่ยวปีนี้ดี เซียวยวี่ช่วยพวกเราคิดวิธีหาเงินโดยการขายถั่วฝักสด ถึงแม้จะขายได้แค่บ้านละสิบกว่าจิน แต่ได้เงินกันทุกคน ทั้งยังได้เงินมากกว่าขายถั่วเหลืองเสียอีก! ”
หลัวไห่ฮวาได้ฟังว่าเป็นเรื่องบ้านเซี่ยยวี่หลัวอีกแล้ว สีหน้าจึงดูไม่ค่อยดีนัก
พอนั่งลง ก็มีคนเห็นใบหน้าของหลัวไห่ฮวา ทั้งขาวทั้งเนียน เต็มไปด้วยสีแดงเลือดฝาด จึงยิ้มพลางกล่าวเป็นเชิงหยอกเย้า “แม่ต้าจ้วง วันนี้สีหน้าเจ้าช่างดูดีนัก ทาเครื่องประทินโฉมเช่นนั้นหรือ? ”
หลัวไห่ฮวาตำหนินาง “ทาบ้าอะไร อายุมากถึงเพียงนี้แล้ว ยังจะทาไปทำไมอีก! ”
“ไม่ได้ทาอะไรเลยเช่นนั้นหรือ ไม่เหมือนเลยนี่นา! แม่ต้าจ้วง เจ้าสีหน้าดีเสียจริง นึกว่าเจ้าถูกขังอยู่ในศาลบรรพชน จนย้อนกลับไปเป็นสาวอีกครั้งเสียอีก! ” หยวนซื่อกล่าวเป็นเชิงหยอกล้อ คนที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่รู้สึกขำขันจนหัวเราะกันครืนใหญ่
อะไรคือย้อนกลับไปเป็นสาวอีกครั้ง?
หลัวไห่ฮวาและเซียวหยวนถูกขังอยู่ในศาลบรรพชน ขังไว้นานหลายวัน จะไม่ให้คนคิดกันไปไกลได้อย่างไร
“พูดจาเหลวไหลอะไรกัน! เซียวหยวนเป็นบุรุษที่ดี อย่าได้พูดจาเหลวไหลเชียว”
ปากกล่าวเช่นนี้ แต่ภายในใจกลับรู้สึกดีเสียยิ่งกว่าอะไร แทบอยากให้เวลาผ่านไปเร็วอีกหน่อย ตัวเองจะได้แต่งตัวให้งามไปที่บ้านเซียวหยวน
พอได้ยินชื่อเซียวหยวน ก็มีคนทอดถอนใจพลางกล่าว “ช่างน่าเสียดายนัก! ”
เมื่อเห็นทุกคนแสดงสีหน้าราวกับมีเรื่องราวใหญ่โต หลัวไห่ฮวาจึงร้อนใจ “เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้นกับเซียวหยวนใช่หรือไม่? ”
ไม่มีใครกล่าวอะไร ทยอยกันเก็บเก้าอี้เล็กกำลังจะกลับบ้าน ต่างก็ปิดปากเงียบไม่กล่าวถึงเรื่องนี้
หลัวไห่ฮวารู้สึกร้อนใจยิ่งขึ้น แต่จะตามไปถามก็ไม่ดี ได้แต่ร้อนใจอยู่อย่างนั้น
หยวนซื่อลุกไปเป็นคนสุดท้าย เมื่อเห็นท่าทางของหลัวไห่ฮวาที่ร้อนใจประหนึ่งถูกไฟแผดเผา ก็ถอนหายใจทีหนึ่ง “แม่ต้าจ้วง เจ้าอย่าถามเลย ไม่มีใครบอกเจ้าหรอก! ”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ” หลัวไห่ฮวาไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเซียวยวี่ จึงเอ่ยถามด้วยความวิตก “ทำไมทุกคนถึงไม่กล้าพูด”
“หัวหน้าหมู่บ้านออกคำสั่งเด็ดขาดแล้ว ใครก็ห้ามพูดจาเหลวไหล หากพูดออกไป หัวหน้าหมู่บ้านก็จะไล่คนนั้นออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว!”
หลัวไห่ฮวาได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง “หนักหนาถึงเพียงนี้เชียว? ทว่า เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเซียวหยวนด้วย? เซียวหยวนทำอะไรผิดเช่นนั้นหรือ?”
หยวนซื่อส่ายหน้า “จะมีเรื่องอะไรได้ ก็เรื่องที่เชิญซินแสสวี่มาจับปีศาจครั้งก่อนอย่างไรเล่า!”
“แต่ครั้งก่อนหัวหน้าหมู่บ้านเคยลงโทษเขาแล้ว ข้าเองก็โดนลงโทษพร้อมกันนี่นา!”
“วันนี้เซียวหมิงจูยอมรับด้วยตัวเองว่านางเป็นคนยุยงให้เซียวหยวนไปเชิญซินแสสวี่! หัวหน้าหมู่บ้านโมโหเดือดดาล ขังเซียวหมิงจูไว้ในศาลบรรพชน จะขังนางสิบสองวัน!”
“เช่นนั้นเซียวหยวนเล่า?”
เมื่อเห็นว่าหลัวไห่ฮวากล่าวสี่ประโยค เกี่ยวข้องกับเซียวหยวนถึงสามประโยค ล้วนแต่กำลังไต่ถามเรื่องราวของเซียวหยวน จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ “นี่แม่ต้าจ้วง ทำไมเจ้าถึงใส่ใจเรื่องของเซียวหยวนนัก? หรือว่าระหว่างเจ้ากับเขา…”
หยวนซื่อยิ้มอย่างมีเลศนัย ไม่ได้กล่าวให้จบประโยค แต่ผู้ที่มีไหวพริบได้ฟังก็เข้าใจทันทีว่าจะสื่อถึงอะไร
หลัวไห่ฮวาร้อนใจ จึงพูดโพล่งออกมา “พูดจาเหลวไหลอะไรกัน ข้าเพียงแค่เห็นว่าเขาไม่มีบิดามารดา ข้างกายไม่มีคนดูแล ข้าจึงเอาใจใส่เขาบ้าง อย่างไรเสียพวกเราก็ถูกขังรวมกันในศาลบรรพชนมานานขนาดนั้น เขาเองก็ถือว่าดูแลข้าดี”
หยวนซื่อขานตอบทีหนึ่ง ภายในใจกลับไม่เชื่อ
“เจ้ารีบบอกข้ามา เซียวหยวนเป็นอะไรไป?”
“เซียวหยวนบอกว่าเรื่องนี้เขาเป็นคนทำ จึงขอไปรับโทษที่ศาลบรรพชนด้วย เซียวหมิงจูถูกขังนานแค่ไหน เขาก็จะโดนขังนานเท่านั้น! ”
หลัวไห่ฮวาได้ฟังดังนั้นก็ผงะไป เขาไม่อยู่ที่บ้าน? เช่นนั้นเรื่องที่ตอนกลางคืนนางจะไปหาเขาจะทำเช่นไร?
“แม่ต้าจ้วง แม่ต้าจ้วง…” หยวนซื่อเอ่ยเรียกอยู่หลายครั้ง จึงเรียกสติหลัวไห่ฮวาคืนกลับมาได้
“นี่เจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมทำท่าทางราวกับเห็นภูตผีอย่างไรอย่างนั้น! ” หยวนซื่อบ่นพึมพำ
หลัวไห่ฮวาไม่ได้กล่าวอะไร ในห้วงภวังค์มีเพียงความคิดเดียว
เพื่อเรื่องของเซียวหมิงจู เซียวหยวนยินยอมถูกขังในศาลบรรพชน เพื่อเซียวหมิงจูแล้ว เขายอมทำทุกอย่างจริงๆ ทั้งที่นางนัดหมายกับเขาไว้แล้ว ว่าจะพบกันตอนกลางคืน แต่ขอเพียงมีเซียวหมิงจูอยู่ เขาก็ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
หยวนซื่อยืนอยู่ข้างๆ หลัวไห่ฮวา เห็นว่าสีหน้าของหลัวไห่ฮวาแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีดครู่หนึ่ง ก่อนทำสีหน้าถมึงทึง ภายในใจก็พอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้
ตอนเย็นคุยกันแล้วว่าจะกินของอร่อย เซี่ยยวี่หลัวลุกขึ้นแล้วจึงไปห้องครัวเริ่มตระเตรียมอาหารมื้อเย็น
นางเพิ่งเข้าห้องครัว เซียวยวี่ก็ตามเข้าห้องครัวทันที
“ตอนเย็นคิดจะกินอะไร?” เซียวยวี่ถกแขนเสื้อขึ้น เหมือนคิดจะลงมือทำเอง
เซี่ยยวี่หลัว “ไก่ตุ๋นน้ำแดง ยังมีหมูตุ๋น และเครื่องในไก่ผัดพริก”
เซียวยวี่ได้ฟังดังนั้นก็พยักหน้า “อาหารสองอย่างแรกข้าทำเอง เครื่องในไก่ผัดพริกให้เจ้าทำ”
เขาชอบกินอาหารที่นางทำ
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบว่าได้ ก่อนไปด้านหลังเตาไฟเพื่อจุดฟืน
ฝีมือการทำอาหารของเซียวยวี่ถือว่าไม่เลว ผ่านไปเพียงครู่เดียว ไก่ตุ๋นน้ำแดงก็ส่งกลิ่นหอมออกมาเป็นระลอก
ไก่ตุ๋นน้ำแดงต้องตุ๋นต่ออีกครู่ใหญ่ เซียวยวี่ถือโอกาสนั่งลงด้านหลังเตาไฟ ดึงมือเซี่ยยวี่หลัวมา นิ้วทั้งสิบของทั้งคู่เกี่ยวประสานกัน
เซี่ยยวี่หลัวสูดลมหายใจเข้าลึก เหมือนมีเรื่องให้ครุ่นคิดไม่น้อย