ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 708 ข่มขวัญ
ตอนที่ 708 ข่มขวัญ
…………….
ตอนที่ 708 ข่มขวัญ
เมื่อกลับถึงบ้าน หลินเซี่ยก็รู้สึกว่าอากาศสดชื่น รู้สึกผ่อนคลายสบายใจไปทั้งตัว พอเห็นม่านกันยุงสีชมพูที่แม่แขวนไว้ให้ เธอก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้นไปอีก
“แม่ ยังคิดว่าฉันเป็นเด็กผู้หญิงอยู่อีกเหรอคะ”
หลิวกุ้ยอิงหัวเราะพลางพูดว่า “ลูกก็เป็นเด็กผู้หญิงอยู่แล้วไง”
ผู้หญิงคนไหนจะไม่ชอบสีชมพูกันล่ะ?
ในห้องนอนยังมีเปลเด็กหรูหราตั้งอยู่ มีมุ้งคลุมและยังใช้เป็นเปลโยกได้ด้วย
เพียงแค่มองก็รู้ว่าคุณภาพและรูปแบบการทำงานไม่ธรรมดา
ในยุคนี้ถือว่าเป็นเปลเด็กที่สวยงามมากทีเดียว
หลินเซี่ยถามด้วยความสงสัยว่า “แม่ ใครซื้อมาเหรอคะ”
“พ่อกับอารองไปซื้อมาจากห้าง ข้างนอกยังมีอีก ปู่ทวดของเด็กเอามาให้”
หลิวกุ้ยอิงกลัวว่าหลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอจะเข้าใจผิด จึงอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ปู่ของลูกบอกว่าที่พ่อซื้อมาดูสวยกว่า ให้ใช้เปลนี้ ส่วนที่ปู่ขนมาให้เก็บไว้ข้างนอกก่อน”
เปลที่ผู้เฒ่าเฉินนำมาให้เป็นเปลธรรมดามีราวกั้นข้าง แต่ไม่หรูหราเท่าเปลนี้ และยังมีรูปแบบเรียบง่ายกว่า
ผู้เฒ่าเฉินเป็นอดีตสหายปฏิวัติ ใช้ชีวิตอย่างประหยัดและเรียบง่าย ไม่สนใจเรื่องหน้าตา
ไม่เหมือนเซี่ยไห่ที่เป็นเจ้าของกิจการ มีเงินใช้ตามใจ โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว เขาจะซื้อให้อย่างใจถึง
อะไรแพงก็ซื้ออันนั้น
“ขอบคุณค่ะ ฉันกับลูกรู้สึกมีความสุขมากจริง ๆ ที่มีครอบครัวรักและเอาใจใส่พวกเราขนาดนี้”
หลินเซี่ยรู้สึกซาบซึ้งและมีความสุขล้นเหลือ
การได้รับความรักจากครอบครัวมากมายขนาดนี้นับเป็นประสบการณ์ที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนในชาติที่แล้ว
“ลูกจ๋า หนูดูเปลที่ตารองซื้อมาให้สิ สวยจังเลยนะ หนูไปนอนข้างในนั้นดีไหม”
โจวลี่หรงวางเด็กลงไปในเปล ดูเหมือนเจ้าตัวน้อยจะชอบมาก ไม่ร้องไม่งอแง ดวงตามองไปที่เพดานราวกับกำลังสงสัยใคร่รู้กับสภาพแวดล้อมใหม่นี้
หลินเซี่ยเล่นกับลูกน้อย คุยกับเขา “นี่คือบ้านของหนูนะ ต่อไปหนูจะได้ใช้ชีวิตที่นี่แล้ว”
“ดูตาเล็ก ๆ ของลูกสิ เป็นประกายแวววาวเชียว มองไปทั่วเลย”
เด็กทารกผู้บริสุทธิ์น่ารักเป็นสิ่งที่ช่วยเยียวยาจิตใจคนได้ดีที่สุด หลิวกุ้ยอิงและคนอื่น ๆ ยืนล้อมรอบตัวเด็ก สายตาอ่อนโยน ไม่อยากห่างจากเขาแม้แต่ชั่วขณะ
เฉินเจียวั่งลังเลอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนสักพัก ก่อนจะเดินเข้ามา
เขาอยากเห็นหน้าหลานชายคนโตบ้าง
หลินเซี่ยบอกให้เขาอุ้มเด็กดู เขายื่นมือออกมาอย่างอยากอุ้มแต่ก็ชักมือกลับไปในที่สุด
“ผมแค่มองก็พอแล้ว”
เด็กตัวเล็กจิ๋วดูนุ่มนิ่มบอบบางขนาดนั้นทำให้เขาไม่ค่อยกล้าอุ้มเท่าใด
โจวลี่หรงวางเด็กลง จัดระเบียบข้าวของที่นำมาจากโรงพยาบาล แล้วก็เดินไปที่ครัว
หล่อนตั้งใจจะทำอาหารให้หลินเซี่ย
เนื่องจากทุกคนยังไม่ได้กินอะไรเลย
เมื่อเข้าไปในครัว หล่อนก็เห็นว่าหลิวกุ้ยอิงต้มน้ำซุปไก่ไว้แล้ว บนเขียงก็มีอาหารหลายอย่างวางอยู่ และในหม้อหุงข้าวก็มีข้าวสวยหุงพร้อมรับประทาน
ดูเหมือนว่าอาหารของทุกคนจะถูกเตรียมเสร็จหมดแล้ว
โจวลี่หรงมองภาพตรงหน้าด้วยคิ้วที่คลายลง หล่อนตักซุปใส่ชามแล้วยกออกไป
“เอาล่ะ ทุกคนมานั่งกินข้าวกันก่อนเถอะ” หลิวกุ้ยอิงและชุนฟางต่างยุ่งอยู่กับการจัดอาหารลงจาน
หลิวกุ้ยอิงบอกว่าหล่อนเหลือเนื้อไก่ไว้ในหม้อให้เฉินเจียเหอกับพวกเขากิน
เฉินเจียเหอเห็นอาหารมากมายที่หลิวกุ้ยอิงจัดวางไว้บนโต๊ะ ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “แม่ครับ ตราบใดที่มีแม่อยู่ พวกเราไม่มีทางอดอยากแน่นอน”
“แน่นอน พวกฉันทำงานที่บ้านทั้งเช้า จะปล่อยให้พวกเธอหิวได้ยังไงกัน ฉันเห็นเธอเจริญอาหารดีมากตอนอยู่โรงพยาบาลแถมตัวผอมลงไปเป็นกอง เธอต้องกินให้มากขึ้นนะ เดี๋ยวต้องกลับไปทำงานอีก”
หลิวกุ้ยอิงสงสารลูกเขย จึงคีบน่องไก่ชิ้นใหญ่ที่สุดให้เฉินเจียเหอ
เซี่ยไห่รู้สึกไม่พอใจทันที “พี่สะใภ้ คุณลำเอียงเกินไปแล้ว เอาของอร่อย ๆ ให้ลูกเขยหมด ผมก็ยังเป็นน้องเขยคุณนะ ทำไมผมไม่มีน่องไก่บ้างล่ะ”
หลิวกุ้ยอิงหัวเราะ “นายจะไปแย่งกับเด็ก ๆ ทำไมกัน”
เซี่ยไห่วางตะเกียบ แกล้งทำเป็นโกรธ “ผมจะแย่ง”
หลิวกุ้ยอิงไม่สนใจเขา เพราะขาไก่อีกข้างได้ให้หู่จือไปแล้ว
เฉินเจียเหอจึงตักขาไก่ในชามของตัวเองให้เขา “งั้นกินไหม?”
“กินสิ”
เซี่ยไห่รับมาอย่างไม่เกรงใจ แล้วกัดคำใหญ่
เฉินเจียเหอเป็นคนรุ่นหลานแล้วไง
คนรุ่นหลานยังเป็นพ่อคนแล้วนะ
ผู้เฒ่าเฉินพวกเขามองการกระทำของเซี่ยไห่ด้วยใบหน้ากระตุก
คุณแม่เซี่ยโกรธจนถลึงตามองลูกชายตัวแสบของตน
ไม่มีมารยาทเลยสักนิด
เซี่ยไห่กินน่องไก่ไปด้วย ทำหน้าจริงจังตักเตือนเฉินเจียเหอไปด้วย
“ฉันขอบอกนายนะ ต่อไปนายต้องทำดีกับหลินเซี่ยเป็นพิเศษ นายดูสิว่าหล่อนต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหนเพื่อให้กำเนิดลูก หล่อนเพิ่งแค่ยี่สิบสองเอง ถ้าไม่แต่งงาน ตอนนี้ก็คงกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่”
เฉินเจียวั่งเปรยขึ้นมาข้าง ๆ อย่างเย็นชา “เรียนมหาวิทยาลัยก็ต้องสอบเข้าให้ได้ก่อนนะ”
เซี่ยไห่ “!!!”
ก็จริง หลานสาวของเขาเรียนไม่เก่ง นี่เป็นจุดอ่อนที่แก้ไม่ได้
แต่เซี่ยไห่ไม่มีทางยอมแพ้ในเรื่องการโต้วาทีหรอก
“แม้จะเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้ แต่อาหญิงของหล่อนเป็นดาราดังเชียวนะ ด้วยรูปร่างหน้าตาของเซี่ยเซี่ยแล้ว ถ้าพาหล่อนไปแสดงละครก็คงไม่มีปัญหาแน่นอน แถมหล่อนยังมีฝีมือขนาดนี้ ถ้าแสดงละครไม่ได้ก็ไปเป็นช่างแต่งหน้าในกองถ่ายได้ ไม่สิ ถ้าไม่ใช่เพราะแต่งงานมีลูก ตอนนี้หล่อนก็คงอยู่ในกองถ่ายแล้ว ที่หล่อนปฏิเสธโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปก็เพราะตั้งครรภ์
ถ้าผมรู้จักหล่อนตอนที่หล่อนยังไม่แต่งงาน ผมคงพาหล่อนไปพัฒนาตัวเองที่เซินเจิ้นตั้งนานแล้ว”
เซี่ยไห่พูดเรื่องพวกนี้ก็เพื่อจะให้ครอบครัวเฉินรู้ว่าต่อให้พวกเขาจะเป็นตระกูลใหญ่ แต่ลูกหลานของตระกูลเซี่ยก็ไม่ได้ด้อยกว่า
ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังครอบครัวหรือความสามารถของตัวเอง เธอก็เป็นหนึ่งในผู้นำ
ไม่ได้แต่งงานกับเฉินเจียเหอเพื่อเลื่อนฐานะแต่อย่างใด
แน่นอนว่าถ้ามีแค่เฉินเจียเหอคนเดียว เขาคงไม่ต้องมาพูดจาเชิงเหน็บแนมแบบนี้ให้เสียเวลา สาเหตุหลักที่เขาพูดจาน่ารังเกียจและกวนประสาทขนาดนี้ก็เพื่อให้โจวลี่หรงได้ยิน
โจวลี่หรงผู้เป็นแม่ของเฉินเจียเหอช่างน่ากลัวมาก
เขาเคยเห็นวิธีการของสตรีที่เรียกว่าเป็นสมาชิกพรรคคนนี้มาหลายปีแล้ว
นั่นไม่ใช่แค่นิสัยเย็นชาธรรมดา ๆ แน่นอน
พูดง่าย ๆ คือหล่อนมีความรู้สึกว่าตนเหนือกว่าคนอื่นแบบประหลาด ๆ ของสมาชิกพรรคเวลาอยู่ต่อหน้าพวกเขา
เขารู้สึกงุนงงมาก พี่ชายของเขาเองก็เคยผ่านสมรภูมิรบมาแล้ว เป็นวีรบุรุษเหมือนกัน
ใครด้อยกว่าใครกัน?
ถ้าเขาไม่ข่มขวัญเอาไว้เสียหน่อย กลัวว่าต่อไปหลานสาวของเขาจะต้องทนรับกับความหงุดหงิดใจแน่ ๆ
คุณย่าเฉินยิ้มและเอ่ยขึ้นลดความตึงเครียดว่า “เสี่ยวเซี่ย เรื่องนี้เธอสบายใจได้ เจียเหอรักเซี่ยเซี่ยมาก พวกเราทุกคนในบ้านก็ชอบหล่อนมาก จะเป็นไปได้ยังไงที่จะทำไม่ดีกับหล่อน หล่อนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเฉินแล้ว”
เซี่ยไห่ยกนิ้วโป้งให้คุณย่าเฉินทันทีและเอ่ยชมเชย “ต้องบอกว่าสมาชิกพรรคอาวุโสคนนี้มีจิตสำนึกที่ไม่ธรรมดา ใจดี เปิดกว้าง พูดจาน่าฟังจนเราชื่นชอบหมด”
เซี่ยไห่พูดเอาใจเก่งมาก สามารถหลอกให้คนอื่นหลงเชื่อได้ง่าย ๆ
เมื่อเขาเอ่ยชมขึ้นมา ผู้เฒ่าเฉินและคุณย่าเฉินต่างก็ยิ้มแย้มด้วยสีหน้าสดใส
บรรยากาศก็สนุกสนานขึ้นมากทีเดียว
ผู้เฒ่าเฉินยิ้มและพูดคุยเล่นกับเซี่ยไห่ “ฉันได้ยินมาว่าเธอกับลูกสะใภ้รองของฉันร่วมมือกันเปิดร้านคาราโอเกะอะไรสักอย่าง เปิดกันเป็นยังไงบ้างแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รู้สึกกังวลแทนเซี่ยเซี่ยเลยค่ะ แม่สามีไม่น่าเข้าใกล้สุด ใครอยู่ด้วยก็เกร็งกิเดสกันหมด
ไหหม่า(海馬)
…………….