ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 694 ไม่มีโอกาสพลิกกลับ
ตอนที่ 694 ไม่มีโอกาสพลิกกลับ
……….
ตอนที่ 694 ไม่มีโอกาสพลิกกลับ
เซี่ยหลานไปที่ห้องรับแขกก่อน และเริ่มต้นถามไถ่ผู้เฒ่าเซี่ยถึงเรื่องราวการสนทนาเมื่อคืนนี้กับลูกชาย
“วางใจเถอะ” ผู้เฒ่าเซี่ยกล่าว “หมอเย่เล่าเรื่องที่เสิ่นเถี่ยจวินติดคุกให้เขาฟัง ถึงอวี้หลงจะไม่เชื่อว่าเสิ่นเถี่ยจวินจะทำผิด แต่อารมณ์ของเขาก็ยังปกติดี น่าจะกำลังคิดล้างมลทินให้เสิ่นเถี่ยจวินอยู่”
“ที่จริงแล้วพวกเราไม่กล้าพูดเรื่องอื่นต่อ เดี๋ยวค่อยๆ พูดไปเรื่อยๆ ล่ะ”
หัวใจของเซี่ยหลานเริ่มสงบลง หล่อนกล่าวตอบ “ค่ะ คุณพ่อ ฉันเข้าใจแล้ว”
เย่ไป๋พาเซี่ยอวี่ไปที่ห้องของเสิ่นอวี้หลงแล้ว
เสิ่นอวี้หลงกำลังก้มหน้าเก็บหนังสือลงในกระเป๋า
“อวี้หลง กลับบ้านวันนี้เหรอ” เย่ไป๋ถามพร้อมรอยยิ้ม
เสิ่นอวี้หลงเงยหน้าขึ้น มองเห็นเย่ไป๋ที่เดินเข้ามา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า “ครับ หมอเย่บอกว่าให้กลับบ้านวันนี้ เพื่อให้ผมได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”
“ตอนนี้ดูดีขึ้นแล้ว อีกไม่นานก็คงจะแข็งแรงสมบูรณ์เหมือนเดิมแล้วล่ะนะ”
เสิ่นอวี้หลงวางหนังสือลง สีหน้าจริงจังมองไปที่เย่ไป๋ และกล่าวคำขอบคุณอย่างเป็นทางการ “ขอบคุณมากนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณและคุณปู่เย่ ผมคงไม่มีวันนี้”
การที่เขาฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้ เป็นผลจากหมอทั้งสองที่ได้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเป็นอย่างมาก
ตั้งแต่การกำหนดแผนการรักษาไปจนถึงการฟื้นฟูสภาพ มีพวกเขาทั้งสองคอยดูแลและให้คำแนะนำอยู่ตลอดเวลา
“เกรงใจไปทำไม? เราเป็นหมอนะ มันเป็นหน้าที่ของเรา”
เย่ไป๋เพิ่งพูดจบ ก็สังเกตเห็นว่าสายตาของเสิ่นอวี้หลงจ้องมองไปที่คนข้างกายเขา
เขาหัวเราะแล้วดึงเซี่ยอวี่เข้ามา “แนะนำให้รู้จักหน่อย นี่คือ…”
เย่ไป๋มองหล่อนแล้วยิ้มหวาน “แฟนสาวของฉัน”
เสิ่นอวี้หลงมองเซี่ยอวี่แทบจะตาถลน
เย่ไป๋มีงานยุ่งมาก เขาไปมีแฟนสาวที่สวยมีเสน่ห์ขนาดนี้ตอนไหนกัน?
แถมคุณผู้หญิงคนนี้ยังดูคุ้นหน้ามากด้วย
เหมือนนักแสดงที่อยู่ในนิตยสาร
เย่ไป๋มองสายตาสงสัยของเด็กหนุ่ม จึงพูดเฉลยตามตรง “นี่คือราชินีจอเงินเซี่ยอวี่ มองหล่อนแบบนี้แปลว่ารู้จักหล่อนสินะ”
ได้ยินคำพูดของเย่ไป๋ เสิ่นอวี้หลงก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“หา?”
นี่มันดาราดังจากนิตยสารที่เขาเคยเห็นจริงๆ งั้นหรือ
แล้วหล่อนก็เป็นแฟนสาวของเย่ไป๋งั้นเหรอ
เย่ไป๋ เก่งขนาดนี้เชียว?
เขามีแฟนเป็นดาราดังของฮ่องกงได้ไง?
เสิ่นอวี้หลงมองเย่ไป๋ด้วยสายตาที่เคารพยิ่งกว่าเดิม
“สวัสดีจ้ะอวี้หลง” เซี่ยอวี่วางผลไม้ในมือลงบนโต๊ะ แนะนำตัวเองอย่างยิ้มแย้ม “ฉันเซี่ยอวี่ ไม่ใช่แค่แฟนของเย่ไป๋นะ แต่ยังเป็นเพื่อนสนิทของคุณแม่เธอด้วย”
หล่อนเหลือบมองเซี่ยหลานที่เดินตามเข้ามา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มกับเสิ่นอวี้หลง “พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ยังวัยรุ่นเลยนะ”
เสิ่นอวี้หลงยิ่งฟังยิ่งตกตะลึง
“แม่ครับ คุณราชินีจอเงินเซี่ยอวี่เขาเป็นเพื่อนสนิทแม่จริงๆ เหรอครับ?” เขาหันไปมองเซี่ยหลานที่เดินตามเข้ามาเพื่อขอให้ยืนยัน
เซี่ยหลานพยักหน้า “ใช่ หล่อนเป็นเพื่อนสนิทแม่ตอนเด็กๆ”
เสิ่นอวี้หลงรู้สึกเหลือเชื่อสุดๆ
“แม่ ทำไมแม่ไม่เคยเล่าให้พวกเราฟังเลยล่ะครับ?”
เสิ่นอวี้หลงมองเซี่ยหลานด้วยความสงสัย
แม่ถ่อมตัวเกินไปแล้ว
เซี่ยหลานยิ้มขณะตอบว่า “ตอนนั้นเซี่ยอวี่อาศัยอยู่ที่ฮ่องกง พวกเราไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้ว แม่กลัวว่าถ้าบอกไปลูกก็คงจะไม่เชื่อ”
“อวี้หลง เธอเก่งมากเลยนะที่ฟื้นตัวได้เร็ซขนาดนี้ พวกเราดีใจกันมาก”
เซี่ยอวี่มองเขาพร้อมกับชูนิ้วโป้งให้
หล่อนพูดออกมาจากใจจริง “ช่วงนี้แม่เธอเหนื่อยมากนะ พอเธอหายดีแล้ว หล่อนก็เลยอยากจะแต่งตัวสวยๆ ดูหล่อนสิ ย้อมผมแล้วดูเด็กขึ้นเยอะเลย”
“ในสายตาผม ไม่ว่าแม่ผมจะหน้าตาแบบไหนก็สวยที่สุดแล้ว”
เสิ่นอวี้หลงพูดแบบนี้ก็จริง แต่เมื่อเห็นแม่ในวันนี้ที่ดูสดใส ผิวพรรณเปล่งปลั่ง เขาก็อดโล่งใจและความสุขไม่ได้
ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาแล้วได้เห็นแม่ที่ผมหงอกขาว ใบหน้าซูบโทรมอมทุกข์ เขาก็ถึงกับใจสลาย
ยิ่งรู้ว่าพ่อต้องโทษติดคุก ก็ยิ่งสงสารแม่
เซี่ยอวี่ได้ยินคำพูดของเสิ่นอวี้หลงก็ยิ้มหยอกเซี่ยหลาน “ดูสิ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอปากหวานซะขนาดนี้”
“รีบๆ เก็บของเถอะ เดี๋ยวให้เสี่ยวไป๋ไปส่ง”
เสิ่นอวี้หลงได้ยินเซี่ยอวี่เรียกเย่ไป๋ว่าเสี่ยวไป๋ก็อดกระตุกมุมปากไม่ได้
ฉายานี้ช่างไม่เหมาะกับบุคลิกคุณหมอเย่ไป๋เลย
เสิ่นอวี้หลงเหลือบมองเย่ไป๋แล้วเอ่ยล้อเลียน “คุณหมอเสี่ยวไป๋ ขอบคุณมากเลยครับ”
“เจ้าเด็กนี่ ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่”
หลังเย่ไป๋กับเซี่ยอวี่ออกไปแล้ว เซี่ยหลานก็บอกจะช่วยเสิ่นอวี้หลงเก็บของ
แต่พอประตูห้องปิด เสิ่นอวี้หลงก็หุบยิ้มลงทันทีที่เซี่ยหลานเดินมาหา จากนั้นก็โผเข้ามากอดหล่อนแล้วสะอื้นไห้
บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วฉับพลัน
ก่อนหน้านี้ที่มีคนอยู่ เซี่ยหลานเห็นว่าเสิ่นอวี้หลงมีสภาพจิตใจที่ดีมาก
ตอนนั้นเขาถึงกับหยอกล้อเย่ไป๋ได้ แต่ในตอนนี้ที่เขาโผเข้ากอดหล่อน เซี่ยหลานก็รู้สึกหัวใจวูบโหวง และตกอยู่ในภาวะสับสน
หล่อนรู้ดีว่าลูกชายจะมีสภาพจิตใจที่ดีได้อย่างไร?
มันเป็นเพียงการเสแสร้งต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น
“แม่ครับ ตาบอกผมว่าพ่อถูกจำคุก ทำไมครับ? ทำไมแม่ไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?” เสิ่นอวี้หลงถามเซี่ยหลานพลางร้องไห้
เซี่ยหลานรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจที่เห็นเสิ่นอวี้หลงร้องไห้ ทำให้หล่อนต้องร้องไห้ตาม “อวี้หลง แม่กลัวว่าถ้าลูกรู้แล้วจะเครียด สุขภาพของลูกในตอนนี้ไม่ควรได้รับเรื่องกระทบกระเทือนใดๆ อีกแล้ว แม่เลยต้องปิดบังลูก อย่าโทษแม่เลยนะ”
“แล้วแม่มีวิธีช่วยพ่อออกมาไหมครับ ผมไม่เชื่อว่าพ่อจะทำผิดกฏหมาย เขาบอกว่าพ่อผมยักยอกทรัพย์สินของทางการ มันเป็นไปได้ยังไง”
เสิ่นอวี้หลงรู้ดีว่ายักยอกทรัพย์สินของทางการถือเป็นความผิดร้ายแรงแค่ไหน นั่นอาจจะต้องรับโทษประหารชีวิตเลยก็ได้
ทำไมพ่อของเขาถึงได้หลงผิดจนกระทำเรื่องใหญ่โตขนาดนี้?
“อวี้หลง ถึงข่าวนี้จะโหดร้ายจนลูกยากจะยอมรับได้ แต่นี่เป็นความจริงแท้และยังมีหลักฐานยืนยันชัดเจน แม่ช่วยเขาออกมาไม่ได้หรอกลูก และแม่ก็ไม่มีกำลังพอทีจะทำอย่างนั้นด้วย”
ประโยคของเซี่ยหลาน ทำให้หัวใจของเสิ่นอวี้หลงจมดิ่งลงก้นเหวทันที
คนอื่นพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น เสิ่นอวี้หลงเลือกที่จะไม่เชื่อ
แต่เมื่อได้ยินแม่ตัวเองพูดตอกฝาโลงแบบนี้ มันก็คงไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว
เมื่อคืนที่ได้ยินข่าว เสิ่นอวี้หลงถึงกับมึนงง แต่ก็ยังมีความหวังเล็กๆ อยู่ว่าคงมีอะไรผิดพลาด คิดว่าเมื่อใดที่ร่างกายแข็งแรงดีแล้วได้กลับบ้าน คงจะพยายามหาทางช่วยพ่อได้
แต่พอนอนคิดทบทวนโดยละเอียดในตอนกลางคืน บวกกับคำพูดที่แม่เพิ่งพูดออกมาเมื่อกี้ อารมณ์ของเขาก็เกินจะรับไหวแล้ว
เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับไร้วิญญาณ ใบหน้าซีดเผือด
หากความจริงกระจ่างแล้ว คงไม่มีทางที่จะพลิกกลับมาได้
เซี่ยหลานพยายามปลอบโยนอย่างระมัดระวัง “อวี้หลง อย่าคิดมาก พอสุขภาพดีขึ้น ค่อยไปเยี่ยมพ่อที่คุกก็ได้”
“ครับ”
เสิ่นอวี้หลงเตรียมของเสร็จเกือบหมดแล้ว
รอให้หมอเย่ตรวจคนไข้คนอื่นเสร็จ คงต้องเข้าไปขอบคุณเขาสักหน่อย
ผู้เฒ่าเซี่ยเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้อง รอให้ลูกสาวและหลานชายออกมา
หมอเย่ตรวจรักษาคนไข้เสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่โถง จึงได้เห็นเซี่ยอวี่เดินเข้ามา สีหน้าที่เคร่งเครียดเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นใจดีดูเป็นมิตรในทันที
เขาพูดพร้อมรอยยิ้มใจดี “เซี่ยอวี่ มาแล้วเหรอ?”
“คุณปู่รอง สวัสดีค่ะ” เซี่ยอวี่ทักทายชายชราด้วยความสุภาพ
หมอเย่ถามไถ่ด้วยความห่วงใย “ปิดกล้องไปแล้วเหรอ ยังต้องไปถ่ายอีกไหม?”
เซี่ยอวี่ตอบกลับ “ตอนเปลี่ยนฉากต้องไปถ่ายอีกทีค่ะ”
“งั้นมานั่งลงนี่ก่อน เดี๋ยวฉันจับชีพจรให้ก่อน”
หมอเย่เดินมานั่งลง แล้วพูดกับเซี่ยอวี่อย่างเป็นมิตร
เมื่อได้ยินว่าหมอเย่จะมาจับชีพจรให้ เซี่ยอวี่ก็อดนึกถึงตอนที่แม่พาตนมาให้หมอเย่จับชีพจรไม่ได้ รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง
หล่อนปฏิเสธอย่างเก้อเขิน “ร่างกายฉันแข็งแรงดีค่ะ”
แต่หมอเย่กลับยืนยันอย่างเด็ดเดี่ยว ใบหน้าเคร่งขรึม “พวกหนุ่มสาวอย่ารอให้ร่างกายป่วยแล้วค่อยรักษาสิ ต้องหมั่นตรวจสอบสม่ำเสมอ”
“ปู่รองเป็นห่วงคุณขนาดนี้ ก็ให้ท่านตรวจชีพจรให้เถอะ ปกติแล้วคนทั่วไปจะไม่ได้รับเกียรติขนาดนี้หรอกนะ”
เมื่อเย่ไป๋พูดขึ้น เซี่ยอวี่ก็เกรงใจเกินกว่าจะปฏิเสธ หล่อนเลยนั่งลงแล้วยื่นมือออกไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำใจไว้นะอวี้หลง เรื่องบางเรื่องมันต้องยอมรับให้ได้และเดินหน้าต่อไป
เซี่ยอวี่มีแนวโน้มจะมีน้องยังน้า
ไหหม่า(海馬)