ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 747 เอ่ยเตือน(2)
ตอนที่ 747 เอ่ยเตือน(2)
……….
ตอนที่ 747 เอ่ยเตือน(2)
เมื่อฉินมู่หลานกลับถึงบ้าน เธอก็เห็นว่ามีอาหารเตรียมไว้แล้ว ในขณะที่กำลังสงสัยว่าใครเป็นคนเตรียม ฉินเจี้ยนเซ่อก็ยกถ้วยซุปออกมา “มู่หลาน กลับมาแล้วเหรอ ลูกไปล้างมือแล้วมากินข้าวกันเถอะ”
“พ่อ วันนี้พ่อกลับเร็วจัง”
ฉินเจี้ยนเซ่อตอบด้วยรอยยิ้ม “ลูกมาถึงเซินเจิ้นทั้งที พ่อก็ต้องทำอาหารดี ๆ ให้ลูกกินสิ วันนี้พ่อเลยกลับเร็ว”
“ขอบคุณนะคะพ่อ”
ฉินมู่หลานเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้ม และเห็นว่ามีแต่อาหารที่เธอชอบกิน
“มาสิ มู่หลาน เราเริ่มกินกันเถอะ”
เมื่อได้ยินฉินเจี้ยนเซ่อพูด ฉินมู่หลานจึงอดถามไม่ได้ “ไม่รอคนอื่น ๆ ก่อนเหรอคะ?”
“ไม่เป็นไร วันนี้เหวินปิงยุ่ง คงไม่กลับมากินข้าว ส่วนเจ๋อเหว่ยปกติก็ไม่กลับมากินข้าวอยู่แล้ว วันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาหรือเปล่า เรากินกันก่อนเลยเถอะ”
“ค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉินมู่หลานจึงลงมือกินทันที
หลังกินข้าวเสร็จแล้ว เธอก็นั่งคุยกับฉินเจี้ยนเซ่อสักพัก แล้วก็บอกว่าจะกลับปักกิ่งเร็ว ๆ นี้
“กลับเร็วหน่อยก็ดีนะ เด็ก ๆ ยังรอลูกอยู่ที่บ้าน”
หลังจากพ่อลูกได้พูดคุยกันสักพัก ฉินมู่หลานก็กลับที่พัก
พอถึงวันรุ่งขึ้น หลี่หมิงฮุยก็ตรงไปที่ตลาดวัสดุก่อสร้างทันที จึงได้รู้ว่าวันนี้ฉินมู่หลานไม่อยู่ เขาจึงหันไปถามเซี่ยเจ๋อเหว่ยว่า “เพื่อนร่วมชั้นฉินไม่มาเหรอครับ ผมซื้อตั๋วเครื่องบินกลับปักกิ่งไว้แล้ว พรุ่งนี้เช้าก็เดินทางเลย”
“ตอนนี้มู่หลานตอนนี้อาศัยอยู่ที่พักข้างนอก ถ้าจะหาหล่อน ผมจะบอกที่อยู่ให้”
“ครับ งั้นผมรบกวนด้วยครับ”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยรีบเขียนที่อยู่ให้กับหลี่หมิงฮุยทันที ส่วนเจียงเพ่ยหลิงเห็นว่าหลี่หมิงฮุยกำลังจะไป หล่อนก็รีบยิ้มหน้าบานออกไปส่ง “เถ้าแก่หลี่ เชิญทางนี้ค่ะ”
พอทั้งคู่มาถึงหน้าประตู เจียงเพ่ยหลิงก็กระซิบบอกอะไรบางอย่างกับหลี่หมิงฮุย แล้วขยิบตาเล็ก ๆ
“เหอะ”…
เมื่อเห็นเจียงเพ่ยหลิงทำแบบนั้น หลี่หมิงฮุยก็อดหัวเราะไม่ได้ “ผมเจอผู้หญิงแบบนี้มาเยอะแล้ว ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ มันเคืองตา เห็นว่าคุณเป็นลูกน้องของฉินมู่หลานหรอกนะผมเลยเกรงใจไม่กล้าพูด แต่การกระทำของคุณวันนี้มันแย่มากจนผมต้องพูด”
“คุณ…”
ใบหน้าของเจียงเพ่ยหลิงซีดเผือด รู้สึกเหมือนตัวเองหน้าชา คนรวยมักจะไม่สนใจความรู้สึกคนอื่นหรืออย่างไร ถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจกันอย่างนี้
หลี่หมิงฮุยไม่ได้สนใจพนักงานหญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเลยสักนิด ว่าจบเขาก็หันหลังจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม
หลังเห็นหลี่หมิงฮุยขับรถออกไป เจียงเพ่ยหลิงก็สูดหายใจลึก สุดท้ายก็ฝืนยิ้มออกมาแล้วก็หันหลังกลับเข้าไปในร้าน
ส่วนหลี่หมิงฮุยมาถึงที่พักของฉินมู่หลานตามที่อยู่ และเห็นเธอพอดี “เพื่อนร่วมชั้นฉิน คุณจะออกไปข้างนอกเหรอครับ”
เมื่อเห็นหลี่หมิงฮุยมา ฉินมู่หลานก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ “คุณมาได้เหมาะเจาะจัง เข้าไปนั่งพักก่อนเถอะ”
“ครับ”
หลังจากที่ทั้งสองนั่งลงแล้ว หลี่หมิงฮุยก็หยิบตั๋วเครื่องบินออกมาและพูดว่า “เพื่อร่วมชั้นฉิน จองตั๋วเครื่องบินเรียบร้อยแล้วนะ เราจะออกเดินทางไปปักกิ่งพรุ่งนี้เช้าเลยครับ”
ฉินมู่หลานรับตั๋วเครื่องบินเอาไว้ก่อนจะพยักหน้าตอบว่า “ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
เนื่องจากหลี่หมิงฮุยกับฉินมู่หลานไม่ได้สนิทสนมกันมากนัก ทั้งคู่จึงพูดคุยกันอีกสองสามประโยค แล้วก็แยกย้าย
ทางด้านฉินมู่หลานที่กำหนดวันเดินทางได้แล้วก็เตรียมตัวจัดมื้อพิเศษไว้กินกับพ่อในตอนเย็น จึงจองโต๊ะอาหารมื้อค่ำสุดพิเศษเอาไว้ที่ร้านอาหารข้างนอก
ฉินเจี้ยนเซ่อ เซี่ยเหวินปิงและเซี่ยเจ๋อเหว่ยต่างก็รู้ดีว่าฉินมู่หลานกำลังจะเดินทางกลับ
“มู่หลาน พรุ่งนี้เดินทางกลับอย่างปลอดภัยนะ”
“ค่ะพ่อ”
พอถึงวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานก็พาเหวินเชี่ยนกับชุยเสี่ยวผิงขนของและเดินทางกลับบ้านที่ปักกิ่ง
เมื่อมาถึงปักกิ่งแล้ว ฉินมู่หลานก็หันไปถามหลี่หมิงฮุยว่า “มาถึงปักกิ่งแล้ว คุณพักที่ไหนคะ?”
“ไม่ต้องห่วง ผมจองโรงแรมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็จะไปลงชื่อเข้าแล้วครับ”
เมื่อเห็นว่าหลี่หมิงฮุยเตรียมการเอาไว้พร้อมแล้ว ฉินมู่หลานจึงไม่ได้ซักไซ้อะไรอีก
ขณะที่หลี่หมิงฮุยก็ได้นัดวันเจอกับฉินมู่หลานเอาไว้ว่า “เพื่อนร่วมชั้นฉิน ครั้งหน้าคุณช่วยแนะนำเพื่อน ๆ ให้ผมหน่อยนะครับ”
“ตกลงค่ะ งั้นอีกสองวันเราเจอกันนะคะ”
ทั้งสองนัดวันเจอกันในอีกสองวันข้างหน้า เพื่อจะไปกินข้าวด้วยกันที่ภัตตาคารปักกิ่ง
หลังกำหนดวันเวลาเรียบร้อยแล้ว ฉินมู่หลานกับหลี่หมิงฮุยก็แยกย้ายกันไป
เมื่อฉินมู่หลานกลับถึงบ้านก็พบว่าลูก ๆ กำลังเล่นกันอยู่ในสวน วันนี้ตรงกับวันเสาร์พอดี ชิงชิงและเฉินเฉินไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะพวกเขาไม่ได้พบกับแม่มานานแล้ว เมื่อจู่ ๆ เห็นแม่กลับมา พวกเขาก็ตั้งตัวไม่ทัน
เป็นชิงชิงที่ตอบสนองเร็วที่สุด หล่อนวิ่งเข้าหาฉินมู่หลานด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขพร้อมกับพูดว่า “แม่กลับมาแล้วเหรอคะ?”
ต่อมาเฉินเฉิน ถวนถวน หยวนหยวนก็วิ่งเข้ามา เด็ก ๆ กอดขาของฉินมู่หลานแน่นพร้อมกับพูดคุยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
เนื่องจากการกลับมาของฉินมู่หลาน ในตอนกลางคืนเหยาจิ้งจือ หลี่เสวี่ยเยี่ยนและเสี่ยวอวี่ จึงมาหาเธอเพื่อกินเลี้ยงกับฉินมู่หลาน
เมื่อฉินมู่หลานพบกับหลี่เสวี่ยเยี่ยน เธอก็สังเกตเห็นว่าใบหน้าของหล่อนมีแต่รอยยิ้มและความมั่นใจ
“พี่สะใภ้ มีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นเหรอคะ สีหน้ายิ้มแย้มเชียว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลี่เสวี่ยเยี่ยนก็เดินเข้ามาหาฉินมู่หลานพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “มู่หลาน เธอดูออกเหรอ ฉันเพิ่งจะได้งานทำที่ไห่เฉิงน่ะสิ ฉันเลยมีความสุขมาก”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นจึงกล่าวชื่นชมว่า “พี่สะใภ้เก่งมากเลยค่ะ”
“ฮ่าๆ ฉันต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ น่ะ”
หลี่เสวี่ยเยี่ยนชื่นชอบตัวเองในช่วงนี้มาก ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วชีวิตมีความหมายอย่างนี้เอง
“พี่สะใภ้ช่วงนี้ยุ่ง ๆ เหรอคะ?”
“ใช่ ช่วงนี้ฉันมีความคิดดีๆน่ะ นอกจากไห่เฉิงแล้ว ฉันคิดว่าจะไปหารือธุรกิจที่เมืองอื่นด้วย น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีเชียวล่ะ”
เห็นดวงตาหลี่เสวี่ยเยี่ยนเป็นประกาย ฉินมู่หลานก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ดีจังเลยนะคะ”
เมื่อเห็นว่าตอนนี้มีคนอยู่เยอะ ฉินมู่หลานจึงไม่ได้พูดอะไรมาก แต่หลังจากกินข้าวเสร็จ เธอก็หาโอกาสดึงหลี่เสวี่ยเยี่ยนออกไปแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ ฉันว่าพี่ต้องหาเวลาไปเยี่ยมพี่ใหญ่บ้างนะคะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่สะใภ้ใหญ่ลงลงไปดูงานก็ดีนะคะ ปีศาจจิ้งจอกจะได้ไม่มารังควานคนของตัวเอง
ไหหม่า(海馬)
……….