ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 724 ไม่เหมาะสม(1)
ตอนที่ 724 ไม่เหมาะสม(1)
……….
ตอนที่ 724 ไม่เหมาะสม(1)
เมื่อเห็นว่าเซี่ยปิงชิงไม่รู้จักแม่ของเสี่ยวฮวา อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เจอเสี่ยวฮวา ฉินมู่หลานก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก “มีคนที่หน้าตาเหมือนกันเยอะแยะ อาจเป็นไปได้ที่แม่เสี่ยวฮวาหน้าคล้ายกับคนที่เคยเจอมา”
เซี่ยปิงชิงได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าพลางพูด “เป็นไปได้”
ทั้งคู่จบเรื่องนี้ไปแล้วโดยไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับพูดถึงเรื่องของเซี่ยปิงหรุ่ยแทน
“ปิงหรุ่ยและฟู่โฮ่วหลิ่นน่าจะไปถึงซีอานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่บ้านหรือเปล่า” เซี่ยปิงชิงนึกได้ว่าตัวเองไม่ได้กลับไปนานแล้วจึงอดคิดไม่ได้ “รอเวลาที่เหมาะ ๆ เราจะพาลูก ๆ กลับไปด้วยกันนะ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ยิ้มพลางพูด “ได้สิ ถึงเวลานั้นพ่อแม่ของเธอต้องดีใจมากแน่ ๆ “
ขณะที่ทั้งคู่กำลังพูดคุยถึงเซี่ยปิงหรุ่ยและฟู่โฮ่วหลิ่น ทางด้านของเซี่ยปิงหรุ่ยและฟู่โฮ่วหลิ่นก็มาถึงบ้านตระกูลเซี่ยที่ซีอานแล้ว
เซี่ยฉางเจี๋ยและเชิ่งลี่เจอฟู่โฮ่วหลิ่นแล้วก็ต้องตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยความไม่อยากเชื่อ “นี่… นี่คือแฟนลูกเหรอ?”
พวกเขารู้สึกดีใจมากที่ลูกสาวคนโตกลับมาเยี่ยม แต่ไม่คิดว่าลูกสาวคนโตจะแอบพาแฟนกลับมาด้วย โดยที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีข่าวคราวให้ได้ยินเลย
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าพลางยิ้ม “ใช่ค่ะ เรากำลังคบหากัน เขาชื่อฟู่โฮ่วหลิ่น”
ฟู่โฮ่วหลิ่นเห็นดังนั้นก็รีบก้าวเข้ามาทักทาย “สวัสดีครับ ผมคือแฟนของปิงหรุ่ย เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก รบกวนด้วยนะครับ”
พูดจบก็รีบวางของขวัญที่นำมาฝากลง
หลังจากเซี่ยฉางเจี๋ยและเชิ่งลี่ค่อย ๆ ตั้งสติได้ ก็หันมายิ้มให้ฟู่โฮ่วหลิ่น “สวัสดี ๆ”
เนื่องจากเป็นแฟนของเซี่ยปิงหรุ่ย เซี่ยฉางเจี๋ยและเชิ่งลี่จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ และได้บอกกล่าวไปยังญาติอีกหลายคนเพื่อเตรียมจัดงานเลี้ยงรับรองกันอย่างคึกคักในช่วงเย็น
“เสี่ยวฟู่ใช่ไหม ฟังจากสำเนียงแล้วน่าจะมาจากปักกิ่ง”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยฉางเจี๋ยถามคำถาม ฟู่โฮ่วหลิ่นก็รีบพยักหน้าตอบทันที “ใช่ครับ ผมเป็นคนปักกิ่ง”
“แล้วที่บ้านทำอาชีพอะไร และตัวเธอทำงานอะไรล่ะ?”
เซี่ยฉางเจี๋ยไม่คิดว่าลูกสาวทั้งสองจะเหมือนกันขนาดนี้ตรงที่พาแฟนหนุ่มมาให้ตกใจกันโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ลูกสาวคนเล็กเป็นฝั่งเป็นฝาไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รังเกียจฟู่โฮ่วหลิ่นมากนัก เพียงแค่อยากซักถามข้อมูลให้ละเอียดเท่านั้น
ทางเซี่ยฉางเจี๋ยกำลังซักถามฟู่โฮ่วหลิ่น ขณะที่เชิ่งลี่จูงมือเซี่ยปิงหรุ่ยไปที่ห้องครัว
“ปิงหรุ่ย เล่าให้แม่ฟังตามจริงนะ เรื่องราวระหว่างลูกกับแฟนลูกเป็นยังไง รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้ปิดบังอะไรกับแม่ของตัวเอง และเล่าเรื่องราวระหว่างหล่อนกับฟู่โฮ่วหลิ่นให้ฟังจนหมดสิ้น ก่อนพูดปิดท้ายว่า “ตอนนี้โฮ่วหลิ่นกับเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่ในกองทัพเดียวกัน ส่วนหนูก็ทำงานที่เดียวกับมู่หลาน เป็นโชคชะตานำพาให้มาเจอกันน่ะค่ะ”
พอได้ยินคำนี้ เชิ่งลี่ก็พึงพอใจฟู่โฮ่วหลิ่นมากขึ้น แต่เพราะยังไม่ค่อยรู้จักครอบครัวของฟู่โฮ่วหลิ่นนัก จึงอยากจะซักถามลูกสาวคนโตอีกหลายเรื่อง
ตอนแรกเชิ่งลี่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอเห็นว่าลูกสาวคนโตพูดจาอึกอักมากขึ้น บางเรื่องก็ตอบแบบคลุมเครือ จู่ ๆ หัวใจก็หวั่น ๆ รู้สึกในใจว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล สีหน้าจึงเคร่งขรึมขึ้นและบอกกับลูกสาวว่า “ปิงหรุ่ย การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นะ หรือว่าลูกไม่ได้สืบประวัติครอบครัวของฟู่โฮ่วหลิ่นก่อนจะคบหากับเขาเลย?”
“แม่คะ หนูสืบมาแล้วค่ะ”
อย่างไรก็ตาม เชิ่งลี่กลับไม่เชื่อ “ถ้าสืบมาแล้ว ทำไมแม่ถามเธอไปตั้งเยอะลูกถึงตอบไม่ได้ล่ะ?”
“แม่ หนูรู้จริงๆ”
“ถ้ารู้ก็เล่าให้แม่ฟังซะดี ๆ “
เซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกว่าเรื่องของครอบครัวฟู่โฮ่วหลิ่นไม่ค่อยจะดีนักที่จะพูดออกไป แต่พ่อกับแม่ก็ควรจะรู้เรื่องเอาไว้ จึงเล่าให้แม่ฟังทุกอย่าง
“อะไรนะ…”
เชิ่งลี่ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของฟู่โฮ่วหลิ่นด้วยสีหน้าไม่สู้ดี หันไปมองลูกสาวคนโตด้วยสายตาผิดหวัง “เซี่ยปิงหรุ่ย ฟังจากเรื่องครอบครัวของเขาแล้ว ฟู่โฮ่วหลิ่นไม่เหมาะจะเป็นคู่ครองของลูกเลย ลูกไปคบกับเขาได้ยังไง ผู้ชายดี ๆ ยังมีอีกมากมาย ลูกหาคนที่ดีกว่านี้ได้”
พอคิดว่าลูกสาวจะต้องแต่งงานเข้าไปอยู่ในครอบครัวของฟู่โฮ่วหลิ่นที่มีแต่เรื่องยุ่งเหยิง เชิ่งลี่ก็ไม่พอใจอย่างถึงที่สุด
“แม่ ฟู่โฮ่วหลิ่นไม่ได้ผิดอะไร ผิดที่พ่อกับแม่เลี้ยงของเขาต่างหาก”
เห็นลูกสาวเทใจไปทางฟู่โฮ่วหลิ่นหมดแล้ว เชิ่งลี่จึงพูดด้วยความไม่พอใจ “ถึงมันจะไม่ใช่ความผิดของฟู่โฮ่วหลิ่น แต่ถ้าลูกคบกับเขา ลูกก็ต้องแต่งเข้าตระกูลฟู่แน่ ๆ และหลังจากนั้นลูกก็ต้องเผชิญเรื่องยุ่งเหยิงมากมาย”
“แม่ หนูไม่กลัว จะมีใครกล้ารังแกหนูเหรอ แล้วปู่ของฟู่โฮ่วหลิ่นก็ชอบหนูมากด้วย ซ้ำยังคอยสนับสนุนพวกเราทุกอย่าง”
เห็นสีหน้าแม่ยังคงไม่ดีขึ้น เซี่ยปิงหรุ่ยจึงรีบพูดต่อ “แม่ ฟู่โฮ่วหลิ่นเขาดูแลหนูดีมาก แล้วเรื่องของตระกูลฟู่เขาก็จัดการเองได้ เขาไม่เคยเอาเรื่องนี้มาให้หนูหนักใจเลย ดังนั้นถึงแม้หนูจะแต่งงานเข้าตระกูลฟู่ หนูก็แค่รักษาความสัมพันธ์แบบผิวเผินก็พอ ส่วนเรื่องยุ่งเหยิงนั่นให้ฟู่โฮ่วหลิ่นจัดการเองได้”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้”
จากพฤติกรรมของคน ๆ หนึ่งก็พอจะเดาหลาย ๆ อย่างได้ พ่อของฟู่โฮ่วหลิ่นเป็นคนแบบนั้น ทำให้เชิ่งลี่ไม่วางใจฟู่โฮ่วหลิ่นสักเท่าไหร่ “เดี๋ยวแม่จะไปคุยกับพ่อ เที่ยงนี้เราไม่เลี้ยงคนอื่นแล้ว กินกันเองในครอบครัวก็พอ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็รู้ทันทีว่าการที่แม่ไม่อยากให้คนอื่นรู้เรื่องที่ตัวเองมีคนรักแล้ว นั่นก็เป็นการแสดงว่าแม่ไม่พอใจฟู่โฮ่วหลิ่นและไม่ยินยอมให้คบกับฟู่โฮ่วหลิ่น
“แม่ แม่ไม่เชื่อใจหนูเหรอคะ ถึงฟู่โฮ่วหลิ่นจะจัดการเรื่องของตระกูลฟู่เองได้ แต่ถ้าเขาทำไม่ได้ หนูก็จัดการเองได้”
เมื่อเห็นแววตาแน่วแน่ของลูกสาวคนโต เชิ่งลี่ก็รู้สึกปวดหัว ในที่สุดก็ฝืนยิ้มแล้วพูดว่า “ไปที่ห้องรับแขกกันก่อนเถอะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรต่อ
เมื่อทั้งสองมาถึงห้องรับแขกก็พบว่าเซี่ยฉางเจี๋ยกับฟู่โฮ่วหลิ่นคุยกันอย่างออกรส ขณะที่คนอื่น ๆ ในตระกูลก็มาพร้อมกันแล้ว ทุกคนนั่งพูดคุยกันอย่างครึกครื้น
เชิ่งลี่เห็นว่ามีคนมาเยอะขนาดนี้แล้ว จึงรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคุยกับสามี จึงทำได้เพียงร้อนใจอยู่ในใจ
เซี่ยฉางเจี๋ยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของภรรยาเลย ยังคงพูดคุยหัวเราะกับฟู่โฮ่วหลิ่นต่อ และสุดท้ายทุกคนก็มุ่งหน้าไปที่ห้องรับประทานอาหาร
ฟู่โฮ่วหลิ่นถูกจัดให้นั่งข้างเซี่ยฉางเจี๋ย โดยผู้ที่ดื่มเหล้าได้ต่างก็มีแก้วอยู่ตรงหน้า และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานตลอดมื้อ
เมื่อเห็นว่าเวลาผ่านไปพอสมควร ทุกคนจึงค่อย ๆ แยกย้าย ฟู่โฮ่วหลิ่นจึงถูกพาไปที่เรือนรับรอง
เชิ่งลี่พยายามหาโอกาสพูดกับสามีอยู่ตลอด จนกระทั่งเซี่ยฉางเจี๋ยกลับเข้าห้อง หล่อนจึงมีโอกาสได้พูดเรื่องฟู่โฮ่วหลิ่นในที่สุด
“คุณคะ ฟู่โฮ่วหลิ่นน่ะไม่เหมาะสมกับลูกเราเลย”
เซี่ยฉางเจี๋ยขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา “คุณพูดอะไรแบบนั้น วันนี้ผมคุยกับเสี่ยวฟู่มากมาย ก็เห็นว่าเขาเป็นคนดีมากนะ รูปร่างหน้าตาก็ดีมีอนาคตไกล เป็นคนดีทีเดียว”
“ตัวฟู่โฮ่วหลิ่นน่ะก็ดี แต่ครอบครัวของเขาวุ่นวายมาก”
เชิ่งลี่จึงรีบเล่าเรื่องราวของครอบครัวฟู่ให้ฟัง จากนั้นก็พูดว่า “คุณดูสิ พ่อของฟู่โฮ่วหลิ่นน่ะ หลังจากที่ลูกชายคนโตเสียชีวิตแล้ว เขาก็ไปแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของลูกชายของเขาเอง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเหรอ ถ้าครอบครัวเป็นแบบนี้ ต่อให้ฟู่โฮ่วหลิ่นจะดีแค่ไหน ปิงหรุ่ยก็ไม่ควรจะแต่งงานกับเขา”
เซี่ยฉางเจี๋ยไม่คิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน จนรู้สึกตกตะลึงไป
“นี่มัน…ทำไมครอบครัวฟู่ถึงเป็นแบบนี้ได้”
“ใครจะไปรู้ล่ะ เพราะฉะนั้นครั้งนี้เราต้องห้ามปิงหรุ่ยให้ได้ เราต้องทำให้แน่ใจว่าหล่อนจะไม่คบกับฟู่โฮ่วหลิ่นต่อไป”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจอด่านหินพ่อแม่ไม่ปลื้มครอบครัวแฟนแล้วสิ ปิงหรุ่ยจะแห้วไหมเนี่ย
ไหหม่า(海馬)
……….