ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 710 เข้าสังเกตการณ์(1)
ตอนที่ 710 เข้าสังเกตการณ์(1)
……….
ตอนที่ 710 เข้าสังเกตการณ์(1)
เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา หยางอี๋ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่หันไปมองหยางเหวินแทน
หยางเหวินพยักหน้าทันทีแล้วพูดว่า “แน่นอนว่าฝีมือแพทย์ของหมอฉินยอดเยี่ยมมาก ก่อนหน้านี้การผ่าตัดที่หมอหลี่ทำไม่ได้ หล่อนก็เป็นคนทำแทน สามีของฉันก็ได้รับการผ่าตัดจากหมอฉินเช่นกัน” พูดจบหล่อนก็ไม่ต้องการพูดอะไรเพิ่มเติม เพราะพี่สาวของหล่อนต้องไปจัดการเรื่องการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยเร็ว
“พี่ เร็วเข้า รีบไปจัดการรักษาตัวในโรงพยาบาล”
“อื้อ ได้”
ในตอนนี้หยางอี๋รู้สึกกระวนกระวายและไม่มีอารมณ์จะพูดอะไรเพิ่มเติม จึงเดินตามหยางเหวินไปจัดการเรื่องเอกสาร
ชายชรามองดูพี่น้องทั้งสองเดินจากไปแล้วพูดกับลูกชายของตนว่า “ยังไงล่ะ หมอที่ฉันมาหาเป็นหมอที่เก่งมาก แกไปรอฉันตรงโน้นไป หรือไม่ก็ไปหาคนนั้นเองแล้วกัน”
พูดจบเขาก็เดินไปที่ห้องตรวจของฉินมู่หลานอีกครั้ง
หวงชิ่งหยวนมองดูบิดาของตนเดินกลับไป จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของผู้หญิงสองคนเมื่อกี้ ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะอย่างไรก็แค่ไปรับยา
หลังจากที่พ่อลูกกลับเข้ามาในห้องตรวจ ฉินมู่หลานก็มองไปที่ชายชราแล้วถามว่า “คุณตายังต้องการการตรวจต่อหรือเปล่าคะ?”
“ตรวจ แน่นอนสิว่าต้องตรวจ”
ผู้เฒ่าหวงยังจำได้ว่าเมื่อครู่นี้หมอหญิงคนนี้ได้ขอให้ตนตรวจชีพจร จึงรีบยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า “ผมบอกแล้วว่ามารับยาเฉย ๆ แต่ลูกชายของผมไปต่อแถวอยู่ข้าง ๆ เสียเวลามาก”
ฉินมู่หลานไม่ได้ตอบอะไร แต่ตรวจชีพจรให้ผู้เฒ่าหวงทันที
หวงชิ่งหยวนเห็นฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้บิดา ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้อีกครั้ง เขาจำได้ว่าที่นี่เป็นห้องตรวจโรคหัวใจ แต่พ่อกลับมาตรวจชีพจร จึงอดสงสัยในคำพูดของหญิงสาวทั้งสองเมื่อกี้ไม่ได้ หมอหญิงคนนี้ดูอายุน้อยมาก จะเก่งอย่างที่ว่ากันจริงเหรอ แล้วผู้หญิงสองคนนั้นไม่ใช่พวกหน้าม้าใช่ไหม
ทว่าผู้เฒ่าหวงไม่ได้คิดมาก เขาเห็นฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้ตนแล้วจึงถามว่า “หมอครับ ผมกินยาควบคุมอยู่ตลอด หมอว่าร่างกายผมตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินมู่หลานถอนมือกลับแล้วพูดว่า “คุณตาคุมได้ดีแล้วค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้เฒ่าหวงจึงรีบพูดทันทีว่า “ถ้าอย่างนั้นแล้ว คุณหมอจ่ายยาชุดเดิมให้ผมก็ได้ ยังไงวันนี้ผมก็ต้องการมาแค่รับยาอยู่แล้ว”
ยังไม่ทันที่ผู้เฒ่าหวงจะพูด หวงชิ่งหยวนก็ปฏิเสธเสียแล้วว่า
“ไม่ต้องหรอกครับ พ่อผมกินยาชุดเดิมก็ได้ครับ เมื่อควบคุมได้ดีอยู่แล้ว นั่นแปลว่ายาชุดเดิมมีผลดี”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ไม่แสดงความเห็น เมื่อคนไข้ร้องขอมาเช่นนี้ เธอก็เลยไม่พูดอะไรมาก ก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อจะสั่งยาชุดเดิมให้ผู้เฒ่าหวง
“เดี๋ยวก่อน…”
ผู้เฒ่าหวงจ้องเขม่นลูกชายของตนเอง แล้วหันมายิ้มทั้งหน้ากับฉินมู่หลานแล้วพูดว่า “คุณหมอครับ คุณหมอลองสั่งยาชุดใหม่ให้ผมก็ได้ คุณหมอบอกเองว่าได้ผลดีกว่า ผมก็อยากลองดู”
“พ่อ…”
หวงชิ่งหยวนไม่เห็นด้วยอย่างเห็นได้ชัด
แต่ผู้เฒ่าหวงกลับตัดสินใจแล้ว โดยให้ฉินมู่หลานสั่งยาใหม่ให้กับตนเอง
“คุณตาแน่ใจเหรอคะ?”
“แน่ใจ ผมเป็นคนมารักษา โรคนี้ผมก็ต้องเป็นคนตัดสินใจ” ชายชรามีท่าทางเด็ดเดี่ยวเพราะคุ้นเคยกับการตัดสินใจเรื่องของตนเอง
เมื่อหวงชิ่งหยวนเห็นว่าบิดาตั้งใจที่จะเปลี่ยนยาแล้ว ก็รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นที่สุด เขากำลังจะพูดกับฉินมู่หลานต่อ แต่ในจังหวะนั้นหมอหลี่ปิ่งฉวนก็เดินมาพอดี “คุณหมอฉิน คนไข้ของคุณคนนี้ใช่คนไข้ใหม่หรือเปล่า”
ฉินมู่หลานพยักหน้ารับทันทีแล้วว่า “ใช่ค่ะ เป็นผู้หญิงวัยกลางคนชื่อหยางอี๋ หล่อนต้องรีบเข้าผ่าตัดนะคะ ฉันทำเรื่องให้หล่อนเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว รอให้เข้าพักเรียบร้อยแล้ว จะให้แผนกผู้ป่วยในตรวจร่างกายหล่อนอีกที”
“ดีครับ ผมทราบแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คนไปแจ้งแผนกผู้ป่วยในครับ”
หลี่ปิ่งฉวน พูดจบกำลังจะเดินออกไปแต่ถูกหวงชิ่งหยวนรั้งไว้ “หมอหลี่ คุณมาได้ถูกจังหวะพอดีเลยครับ ปกติพ่อผมจะกินยาที่คุณหมอสั่ง แต่หมอฉินท่านนี้จะเปลี่ยนยาให้พ่อผม คุณหมอลองช่วยเกลี่ยกล่อมหน่อยได้ไหมครับ”
ทว่าเมื่อหลี่ปิ่งฉวนได้ยินเช่นนั้น ก็ได้มองตรงไปที่ผู้เฒ่าหวง เมื่อเขาจดจำคนไข้ตรงหน้าได้แล้วจากนั้นก็มองไปทางหวงชิ่งหยวน “ผมจำได้ว่าพ่อของคุณกินยาที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด แต่เมื่อหมอฉินพูดว่าจะเปลี่ยนยา ก็ให้เปลี่ยนยาเถอะครับ ยาที่หมอฉินสั่งน่าจะเหมาะกับพ่อของคุณมากกว่า”
“แต่…”
หวงชิ่งหยวนมองหลี่ปิ่งฉวนด้วยความไม่อยากเชื่อ จากนั้นก็หันไปมองฉินมู่หลาน แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ในขณะเดียวกันผู้เฒ่าหวงก็หัวเราะร่า “แม้แต่หมอหลี่ยังพูดเช่นนี้ แสดงว่าหมอท่านนี้เก่งจริง”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หลี่ปิ่งฉวนก็หัวเราะ “หมอฉินเก่งกว่าผมเยอะครับ เมื่อไหร่ที่หล่อนแนะนำแสดงว่าไม่มีปัญหา”
พูดจบก็พยักหน้าให้ฉินมู่หลาน ก่อนจะเดินไปทำงานต่อ
หลังจากหลี่ปิ่งฉวนจากไป ผู้เฒ่าหวงก็รีบหันไปทางฉินมู่หลาน “เชิญคุณหมอสั่งยาเถอะครับ”
ฉินมู่หลานก็ไม่รอช้า จรดปากกาเขียนใบสั่งยาส่งให้ผู้เฒ่าหวงแล้วกำชับว่า “ไปรับยาที่แผนกยาจีน เมื่อกินหมดแล้วค่อยมารับยาใหม่นะคะ”
ผู้เฒ่าหวงรีบถาม “หมอเข้าทุกวันหรือเปล่าครับ?”
“ฉันออกตรวจจันทร์-ศุกร์นะคะ คุณตามาได้เลยค่ะ”
ผู้เฒ่าหวงหัวเราะร่า “ดีมาก ยารักษาหมดเมื่อไหร่ ผมจะมารับยาใหม่”
หลังจากผู้เฒ่าหวงกับลูกชายจากไปแล้ว ฉินมู่หลานก็พอจะมีเวลาว่างเพราะไม่มีคนไข้มารักษาอีก จึงได้กลับไปที่ห้องทำงานเมื่อสิ้นสุดการตรวจคนไข้ตอนเช้า
“มู่หลาน ตรวจคนไข้เสร็จแล้วเหรอ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยมาตามฉินมู่หลานพอดี พอเจอหน้าก็รีบวิ่งเข้ามาถามอย่างยิ้มแย้ม
“ปิงหรุ่ย เธอมาตามฉันไปกินข้าวเหรอ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยรีบพยักหน้าตอบ “ใช่ ฉันจะชวนเธอไปที่โรงอาหารพร้อมกัน”
“ได้ ฉันเอาของไปเก็บก่อน แล้วไปโรงอาหารด้วยกัน”
หลังจากทั้งคู่ไปถึงโรงอาหาร ตักอาหารเสร็จแล้ว ก็หาที่นั่ง
“มู่หลาน วันนี้เธอยุ่งมากไหม?”
ฉินมู่หลานส่ายหัวตอบทันทีว่า “ไม่เลย มีคนไข้แค่สองคน”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “นั่นเป็นเพราะผู้คนยังไม่รู้จักความเก่งของเธอไง เลยยังไม่มาให้เธอตรวจรักษา พอรู้จักแล้ว คนไข้ก็คงจะมาหาเธอเยอะขึ้นเอง”
ทว่าฉินมู่หลานไม่สนใจเรื่องนี้
“จะเยอะจะน้อยก็ไม่เป็นไร เราแค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าตาม “ใช่ เราก็แค่ทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ”
ในตอนท้าย หล่อนพูดถึงเรื่องยาแผนโบราณที่เพิ่งเข้าคลัง “หมอเหลียงนั่นดูไม่ค่อยชอบฉัน ถึงได้ให้ฉันซึ่งเป็นแค่แพทย์ฝึกหัดทำเรื่องพวกนี้ ดีนะที่หมอเผยไปด้วย ไม่งั้นการเข้าคลังยาครั้งนี้คงวุ่นวายน่าดู”
เพราะว่าครั้งนี้มียาหลายชนิดและจำนวนมาก คนที่ขนส่งยาต้องการให้ส่งมอบให้เสร็จไว ๆ ซึ่งเร็วมากจนเซี่ยปิงหรุ่ยแทบรับมือไม่ไหว โชคดีที่มีเผยเฟิ่งซูอยู่ด้วย แต่ก็ยังวุ่นวายแทบแย่
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ปิงหรุ่ย ครั้งหน้าเธอต้องระวังให้มากขึ้นนะ”
“วางใจเถอะ ฉันเข้าใจแล้วครั้งหน้ามีอะไรฉันจะเรียกเผยเฟิ่งซูมาช่วย เธอคนนั้นรับผิดชอบงานดี ถือว่าพอจะทำงานด้วยกันได้”
ฉินมู่หลานเห็นแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ว่าช่วงเที่ยงเธอก็ไม่มีเวลาพัก เลยให้เซี่ยปิงหรุ่ยไปพักที่ห้องทำงานของเธอ “ปิงหรุ่ย ฉันต้องไปที่แผนกผู้ป่วยในช่วงบ่าย เธอไปพักที่ห้องฉันได้เลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าฉินมู่หลานไม่ได้กลับไปที่ห้องทำงานแล้ว หล่อนก็เลยไม่คิดจะไปเหมือนกัน
“มู่หลาน งั้นฉันกลับห้องทำงานของตัวเองก่อนก็แล้วกัน เพราะยังไงก็ต้องมาฝึกงานที่นี่ตั้งครึ่งปี ฉันก็ต้องทำความคุ้นเคยกับที่นี่สักหน่อย”
ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ก็ดี เธอก็ทำความคุ้นเคยแผนกแพทย์แผนจีนให้มาก ๆ นะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หวังว่าคงไม่เกิดอะไรผิดพลาดขึ้นนะ ถึงเก่งแล้วก็ต้องจ่ายยาด้วยความระมัดระวังนะ
ไหหม่า(海馬)
……….