ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 707 ความสงสัย(2)
ตอนที่ 707 ความสงสัย(2)
……….
ตอนที่ 707 ความสงสัย(2)
เผยเฟิ่งซูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็พยักหน้าอย่างแปลกใจเช่นกัน “ใช่แล้ว ก็อย่างที่พูดกันอยู่นั่นแหละ คุณหมอฉินน่าจะมาที่แผนกแพทย์แผนจีนของเรานะ ทำไมถึงไปแผนกศัลยกรรมทรวงอกล่ะ”
ทั้งสองคนกำลังคุยกันเรื่องนี้ แผนกอื่น ๆ ในโรงพยาบาลก็กำลังพูดคุยกันเรื่องนี้เช่นกัน ฉินมู่หลานมีชื่อเสียงในโรงพยาบาลปักกิ่ง หมอหลายคนเคยได้ยินชื่อของคุณหมอฉิน และพวกเขาก็เพิ่งจะรู้วันนี้ว่าฉินมู่หลานเรียนแพทย์แผนจีน
“ก็อย่างที่ว่า หมอฉินไม่เพียงแต่เก่งในด้านการแพทย์แผนตะวันตกเท่านั้น แต่ยังเก่งในด้านการแพทย์แผนจีนด้วย”
“ใช่แล้ว บางทีหล่อนอาจจะเก่งในด้านการแพทย์แผนจีนมากกว่าก็ได้ ฮ่าๆๆๆ…”
“มีแค่ฉันคนเดียวหรือเปล่าที่รู้สึกแปลกใจ คุณหมอฉินเรียนแพทย์แผนจีนแล้วกล้าผ่าตัดให้คนไข้ได้ยังไง หล่อนไม่กลัวมีอะไรผิดพลาดเหรอ?”
การถกเถียงเป็นไปอย่างอื้ออึง แต่ฉินมู่หลานก็ยังไม่รู้เลยว่าทุกคนอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเธอขนาดไหน ขณะนี้เธอกำลังนั่งพูดคุยและดูเอกสารอยู่กับเซี่ยปิงหรุ่ยในห้องทำงาน โดยเธอมุ่งมั่นจะทำความคุ้นเคยกับทุกสิ่งในแผนกศัลยกรรมทรวงอกโดยเร็วที่สุด
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลานตั้งใจมาก จึงพูดแค่สองสามประโยคแล้วก็จากไป
“มู่หลาน ฉันกลับแผนกก่อนนะ เดี๋ยวว่าง ๆ จะแวะมาหาใหม่”
“ได้”
ฉินมู่หลานโบกมือให้เซี่ยปิงหรุ่ยด้วยรอยยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายจากไปแล้วเธอก็ตั้งใจอ่านเอกสารต่อ
ส่วนเซี่ยปิงหรุ่ยหลังจากกลับไปที่แผนกแพทย์แผนจีน หล่อนก็กลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แต่พอเห็นงานที่วางระเกะระกะอยู่ตรงหน้าก็รู้สึกปวดตา จึงรีบหยิบของทั้งหมดออกไป แล้วหยิบหนังสือที่ตัวเองนำมาขึ้นมาอ่าน
“โธ่…บางคนอย่าคิดว่าตัวเองมีเส้นสายแล้วจะทำอะไรก็ได้ ระวังจะไม่ได้ดีนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็เงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบว่าเป็นเหลียงเจินชิงอีกแล้ว “หมอเหลียง คุณว่างนักเหรอคะถึงมีเวลามานั่งจับผิดฉัน ถ้าคุณว่างขนาดนั้น ก็ช่วยดูประวัติคนไข้ให้เยอะ ๆ แล้วก็ศึกษาหาทางรักษาให้คนไข้ด้วยค่ะ”
“ฮึ…ฉันศึกษาอยู่แล้ว แต่ว่าบางคนไม่ยอมทำงานตัวเอง แล้วก็มาคอยจับผิดคนอื่นตลอด แย่จริง ๆ”
เซี่ยปิงหรุ่ยคิดว่าเหลียงเจินชิงอาจจะถึงวัยหมดประจำเดือนแล้วถึงได้เป็นแบบนี้ หล่อนก็ไม่อยากคุยกับคนแบบนี้มากนักจึงไม่ได้พูดอะไรอีก แค่หันกลับไปตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ
“เห้อ…เด็กสมัยนี้มันเหลือเกินจริง ๆ ไม่มีความเคารพครูบาอาจารย์เลย”
แต่ยิ่งเซี่ยปิงหรุ่ยไม่สนใจ เหลียงเจินชิงก็ยิ่งรู้สึกเหมือนกำลังพูดกับอากาศ หล่อนไม่อยากยอมแพ้และเตรียมจะพูดต่อ แต่ก็มีคนมาตามตัวเสียก่อน
เมื่อเหลียงเจินชิงออกไปแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกโล่งใจสักที
ส่วนฉินมู่หลานยังนั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงาน จนกระทั่งอ่านจบแล้ว เธอก็ไปเอาเอกสารชุดใหม่จากหลี่ปิ่งฉวนมาอ่านต่อ จนกระทั่งเสียงออดเลิกงานดังขึ้น เธอจึงลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน
“มู่หลาน เลิกงานแล้ว”
เซี่ยปิงหรุ่ยยิ้มร่าอยู่ที่หน้าประตูห้องของฉินมู่หลานพร้อมโบกมือ
ฉินมู่หลานยกยิ้มก่อนจะลุกขึ้น “ไปกันเถอะ” พอเธอเก็บของเสร็จ ก็เดินออกมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับเซี่ยปิงหรุ่ย
ซูหว่านอี๋เห็นลูกสาวกลับมาก็รีบเข้าไปถาม “มู่หลาน ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลปักกิ่งวันแรกเป็นยังไงบ้าง?”
พอได้ยินแบบนั้น ฉินมู่หลานก็อดหัวเราะไม่ได้ “แม่คะ หนูเคยไปทำงานที่โรงพยาบาลปักกิ่งมาแล้วไงคะ ก็เลยเฉย ๆ”
“อ๋อ ใช่ ๆ แม่ลืมเรื่องนี้ไปเลย”
ซูหว่านอี๋ตีหัวตัวเองพร้อมกับหัวเราะ จากนั้นก็รีบให้เธอไปหาเด็ก ๆ ที่สวนหลังบ้าน “อาหารเย็นยังไม่เสร็จ ไปเล่นกับเด็ก ๆ ก่อน พอเสร็จแล้วเดี๋ยวแม่เรียก”
“ได้ค่ะ”
พอฉินมู่หลานไปถึงสวนหลังบ้าน ก็เห็นชิงชิงและเฉินเฉินกำลังเล่นกับคุณย่าฉิน เมื่อเด็ก ๆ ทั้งสองเห็นเธอ ก็รีบวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับส่งเสียงเรียก “แม่กลับมาแล้ว”
“ใช่จ้ะ แม่เลิกงานก็รีบกลับบ้านเลย”
ฉินมู่หลานยิ้มให้เด็กสองคน ก่อนจะอุ้มขึ้นมาแล้วถามว่า “วันนี้คุณย่าทวดไปรับถวนถวนกับหยวนหยวนที่โรงเรียนเหรอ?”
“ใช่ คุณย่าทวดมารับพวกเรา”
เด็กทั้ง 2 พูดชัดถ้อยชัดคำ และสื่อสารความคิดของตนเองได้เป็นอย่างดี
ส่วนคุณย่าฉินเห็นหลานทั้ง 2 อย่างสนุกสนาน จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ถวนถวนกับหยวนหยวนจะกลับมาเมื่อไหร่จ๊ะ”
เมื่อเอ่ยถึงลูกชายคนที่ 3 และ 4 ฉินมู่หลานก็ส่ายหัวทันที “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ หากพวกเขาอยากอยู่ ก็ให้พวกเขาอยู่ไปนาน ๆ”
“เห้อ…ย่าเองก็แก่แล้ว ถ้าชิงชิงกับเฉินเฉินไปโรงเรียน แล้วถวนถวนกับหยวนหยวนอยู่บ้านคงไม่เป็นไร ย่าเลี้ยงพวกเขาคนเดียวได้”
หลังจากที่ฉินมู่หลาน ฟังแล้วรีบพูดทันที “ย่าคะ จะให้ย่าเลี้ยงเด็ก ๆ ตั้งหลายคนได้ยังไง หนักเกินไปแล้วล่ะ ให้พวกเขาอยู่ที่บ้านตระกูลเหยาไปก่อนก็ได้”
คุณย่าฉินรู้ตัวเองดีจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ ก็ในเมื่อตัวเองทำไม่ได้ ก็ไม่ควรแย้ง
จนกระทั่งฉินเคอวั่งกลับมา ก็ใกล้ได้เวลากินข้าวเย็นแล้ว หลังจากฉินมู่หลานกินข้าวเย็นเสร็จ ก็พาชิงชิงกับเฉินเฉินเข้าห้องนอน และหลังจากตื่นนอนตอนเช้า เธอก็พาชิงชิงกับเฉินเฉินไปส่งที่โรงเรียน แล้วค่อยไปที่โรงพยาบาลปักกิ่ง
“มู่หลาน ทางนี้ ทางนี้”
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นฉินมู่หลานแล้วก็รีบโบกมือให้เธอ
“ปิงหรุ่ย เธอมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันก็เพิ่งมาเมื่อกี้เอง เข้าไปด้วยกันเถอะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้า “ได้ ไปสิ”
ทว่าเมื่อเข้ามาในโรงพยาบาลแล้ว ฉินมู่หลานก็ตรงไปยังคลินิกโรคทรวงอก ส่วนเซี่ยปิงหรุ่ยก็ตรงไปที่ห้องทำงานของตน
“หมอฉิน ห้องตรวจของคุณอยู่ทางนี้”
วันนี้หลี่ปิ่งฉวนมีตรวจคนไข้ เมื่อเห็นฉินมู่หลานเดินเข้ามา จึงพาเธอไปที่ห้องตรวจของเธอเป็นอันดับแรก
ฉินมู่หลานเห็นดังนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ “หมอหลี่ เมื่อวานคุณได้บอกทางให้ฉันแล้ว ฉันจำได้ค่ะ”
“ผมกลัวว่าคุณจะลืม ถ้าอย่างนั้นเชิญครับ ผมก็จะไปตรวจคนไข้ที่ห้องของตัวเองเหมือนกัน”
เมื่อหลี่ปิ่งฉวนจากไป ฉินมู่หลานก็สวมเสื้อกาวน์รอตรวจคนไข้
เสียงกริ่งสัญญาณเข้าทำงานดังขึ้น ผู้ป่วยที่ลงทะเบียนแล้วก็ถือบัตรคิวมาหาหมอ เดิมทีฉินมู่หลานคิดว่าวันนี้คงไม่มีคนไข้เท่าใด เพราะว่าเธอไม่ได้เข้าตรวจนานแล้ว แต่ว่าไม่คาดคิดเลยว่าจะมีคนไข้เข้ามามากมายขนาดนี้
“สวัสดีคุณหมอฉิน คุณจำฉันได้ไหม?”
ทันทีที่พูดจบ หญิงวัยกลางคนสองคนก็เดินเข้ามา และหนึ่งในนั้นก็มีใบหน้าดูคุ้นเคย
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำงานไปป้า อย่ามามัวแต่จับผิดเด็ก เดี๋ยวได้โดนเด็กถอนหงอกหรอก
ใครมาผ่าตัดกับมู่หลานกันนะ
ไหหม่า(海馬)
……….