ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 700 รับปาก(1)
ตอนที่ 700 รับปาก(1)
……….
ตอนที่ 700 รับปาก(1)
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็คิ้วขมวดและมองไปที่เขาก่อนจะเอ่ยว่า “หลี่หมิงฮุย ปิงหรุ่ยรักกันดีกับแฟนของหล่อน คุณล้มเลิกความคิดเถอะ”
หลี่หมิงฮุยได้ฟังเช่นนั้นก็เงียบไป อดรู้สึกเสียดายไม่ได้ ตอนเข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนของมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่ง เขาก็รู้สึกว่าเซี่ยปิงหรุ่ยมีเสน่ห์ แต่คราวนี้ได้ยินมาว่าฉินมู่หลานจะมาที่เซินเจิ้น เขาจึงตั้งใจมาเพื่อจะซักถามเรื่องราวของเซี่ยปิงหรุ่ยให้ชัดเจน ไม่คาดคิดว่าเซี่ยปิงหรุ่ยจะมีแฟนแล้ว
เยว่จงจีเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี จึงรีบเดินเข้าไป “พวกคุณคุยอะไรกันอยู่ เรากำลังจะไปกินข้าวแล้ว รีบตามมาเถอะ”
ฉินมู่หลานได้พูดในสิ่งที่ควรพูดไปหมดแล้ว จึงพยักหน้าให้กับหลี่หมิงฮุยแล้วเดินไปหาเด็ก ๆ ทั้งสอง
ส่วนเยว่จงจีก็หันไปมองหลี่หมิงฮุยแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น นายเถียงอะไรกับมู่หลาน?”
“เราไม่ได้เถียงกัน ฉันแค่ตกใจกับข่าวบางอย่างและพูดเสียงดังไปหน่อย” หลี่หมิงฮุยเล่าสถานการณ์โดยย่อ แล้วในที่สุดก็พูดว่า “แล้วเซี่ยปิงหรุ่ยไปมีแฟนได้ยังไงกัน?”
เยว่จงจีเหลือบมองหลี่หมิงฮุยแล้วพูดว่า “ทำไมหล่อนจะหาแฟนไม่ได้ หล่อนเป็นสาวโสด หาแฟนได้ไม่ใช่เรื่องปกติหรือไง” จริง ๆ แล้วเขาก็รู้ความคิดของเพื่อนอยู่บ้าง จึงพูดตรง ๆ ว่า “ที่นี่ไม่ใช่ฮ่องกง ทุกคนมีความคิดค่อนข้างหัวโบราณ ไม่เหมือนนายที่เล่นสนุกคบหาผู้หญิงไปทั่ว ดังนั้นนายอย่าไปคิดอะไรเลย”
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่จริงจัง”
หลี่หมิงฮุยไม่พอใจที่เยว่จงจีพูดแบบนี้ จึงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคือง
คราวนี้เยว่จงจีตกใจอย่างแท้จริง “หรือว่านายคิดจริงจังขึ้นมา?”
จริง ๆ แล้ว หลี่หมิงฮุยไม่ได้จริงจังมากนัก แต่เขารู้ว่าเซี่ยปิงหรุ่ยไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น เพราะเมื่ออยู่กับผู้หญิงคนอื่น เขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจมากนัก
เมื่อเห็นหลี่หมิงฮุยไม่ตอบอะไร เยว่จงจีก็รู้ว่าแม้เขาจะจริงจัง แต่ก็ยังจริงจังไม่สุด
“เอาล่ะ ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ อย่าคิดมาก” เขาเองก็เคยเห็นเซี่ยปิงหรุ่ย แม้หล่อนจะไม่มีแฟน เขาก็ไม่คิดว่าหลี่หมิงฮุยจะสมหวัง เพราะดูแล้วหล่อนเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง อีกทั้งบุคลิกท่าทางก็สง่างาม คงจะมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ไม่ใช่คนที่หลี่หมิงฮุยจะเข้าหาได้ง่าย ๆ
หลี่หมิงฮุยก็รู้ว่าตอนนี้ไม่เหมาะที่จะพูดอะไรมาก จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “อืม ไปเถอะ”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยจัดโต๊ะอาหารไว้อย่างดีมาก ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว แม่เฒ่าถังจึงหาโอกาสให้ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้ “หมอฉิน ช่วยตรวจชีพจรให้ฉันอีกสักครั้งได้ไหม ฉันรู้สึกว่าฝีมือของคุณยอดเยี่ยมที่สุด”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ได้สิคะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานตกลงแล้ว แม่เฒ่าถังก็รีบยื่นมือออกไป
ฉินมู่หลานตรวจชีพจรอย่างละเอียด จากนั้นก็หันไปยิ้มให้แม่เฒ่าถังและกล่าวว่า “คุณยายคะ ตอนนี้ร่างกายของคุณไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ แค่บำรุงร่างกายให้ดีก็พอ”
แม่เฒ่าถังได้ยินดังนั้นก็โล่งใจ แต่เมื่อพูดถึงการบำรุงร่างกาย นางก็รีบถามขึ้นมาอีกว่า “คุณหมอฉิน ฉันควรดูแลตัวเองยังไงบ้าง”
ฉินมู่หลานหยิบยาบำรุงร่างกายออกมาให้ทันที พร้อมกับกล่าวว่า “รับประทานยาบำรุงร่างกายตรงเวลาทุกวัน ร่างกายของคุณยายก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นค่ะ”
แม่เฒ่าถังรับยาบำรุงร่างกายมา “ฉันมียาบำรุงร่างกายตัวนี้ เป็นยาจากร้านซิ่งหลินที่ปักกิ่ง มันเป็นที่พูดถึงกันมาก่อนหน้านี้ว่าดีมาก แต่ฉันไม่เคยลองสักทีจึงยังไม่มั่นใจ ในเมื่อคุณหมอฉินแนะนำ แสดงว่าต้องดีจริงๆ แล้ว”
ซูหว่านอี๋เดินเข้ามาพอดี เมื่อได้ยินคำพูดของแม่เฒ่าถังก็กล่าวพร้อมกับหัวเราะ “ยาบำรุงร่างกายตัวนี้เป็นของร้านมู่หลานเองค่ะ ร้านซิ่งหลินก็เป็นร้านที่เราเปิดร่วมกัน เป็นร้านที่รวมยาสรรพคุณดีทุกขนาน”
เมื่อพูดถึงลูกสาว ซูหว่านอี๋ก็อดที่จะชมไม่ได้
แม่เฒ่าถังกล่าวด้วยความเสียดาย “ถ้าฉันรู้ตั้งแต่แรกว่าร้านซิ่งหลินเป็นของคุณหมอฉิน ฉันคงซื้อไปนานแล้ว ถ้าฉันกลับปักกิ่งเมื่อไหร่ ฉันจะไปอุดหนุนร้านซิ่งหลินแน่นอน”
ฉินมู่หลานกล่าวว่า “คุณยายคะ ตอนนี้คุณยายแค่รับประทานยาบำรุงร่างกายก็พอ ส่วนยารักษาอื่น ๆ งดก่อนนะคะ ตอนนี้ฉันพกมาแค่สี่ห้าขวด ฉันจะยกให้ทั้งหมดเลย”
“ได้ ๆ ขอบคุณคุณหมอฉินมากนะ”
แม่เฒ่าถังกล่าวด้วยความขอบคุณ
ถังซวี่ไป๋ที่อยู่ด้านข้างกล่าวขอบคุณฉินมู่หลาน “ขอบคุณคุณหมอฉินนะครับ”
ฉินมู่หลานรีบโบกมือและกล่าวว่า “คุณยายถังกับคุณถังไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ”
พอเห็นว่าฉินมู่หลานพูดอย่างนั้น แม่เฒ่าถังและถังซวี่ไป๋จึงไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากรับยาบำรุงร่างกายแล้วก็จากไป
ระหว่างทางกลับ แม่เฒ่าถังยังพูดอย่างซาบซึ้งใจกับถังซวี่ไป๋ว่า “คุณหมอฉินเก่งมากจริง ๆ เสียดายที่แต่งงานมีลูกไปซะแล้ว ไม่งั้นจะได้แนะนำให้เสี่ยวฮ่าว”
เมื่อพูดถึงลูกชายของตนเอง ถังซวี่ไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถึงคุณหมอฉินจะไม่แต่งงานมีลูก หล่อนก็คงไม่สนใจเสี่ยวฮ่าวหรอก”
“เฮ้อ…แต่หลานชายคนนี้ก็ไม่เอาไหน ไม่คู่ควรกับคุณหมอฉินเอาซะเลย” พูดไปพูดมาก็ไม่อยากพูดถึงหลานตนเอง จึงพูดถึงฉินมู่หลานต่อ “แม่ไม่นึกเลยว่าร้านซิ่งหลินจะเป็นของหมอฉิน ลูกไม่ได้กลับปักกิ่งนานแล้ว คงไม่รู้ว่าร้านซิ่งหลินเป็นที่นิยมขนาดไหน ถ้าถามไถ่ดูก็จะรู้ได้เอง”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ถังซวี่ไป๋ก็พยายามจดจำเอาไว้
“ได้ ว่าง ๆ ผมจะถามไถ่ดู”
อีกด้านหนึ่ง เมื่อแม่เฒ่าถังและถังซวี่ไป๋จากไปแล้ว ฉินเจี้ยนเซ่อก็อดพูดไม่ได้ “เห็นไหม ทำดีได้ดี มู่หลานช่วยแม่เฒ่าถังเอาไว้บนรถไฟ ลูกชายของหล่อนถึงได้ตอบแทนบุญคุณมู่หลานด้วยการช่วยเรา แถมยังมาเป็นลูกค้ารายแรกของตลาดวัสดุก่อสร้างอีก”
เซี่ยเหวินปิงก็พูดว่า “จริง คุณถังนี่นิสัยดีจริงๆ”
เถียนอวี้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยิ้มมุมปาก เขามีโอกาสได้ติดต่อกับถังซวี่ไป๋ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนง่าย ๆ เลย ไม่อย่างนั้นถังซวี่ไป๋คงไม่ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งแบบนี้ แต่สถานการณ์นี้ต่างออกไป ฉินมู่หลานช่วยชีวิตแม่เฒ่าถังเอาไว้ คนตรงหน้าคนนี้ถือว่าเป็นคนสำคัญสำหรับถังซวี่ไป๋ ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร
พอเห็นว่าพิธีเปิดจบลงแล้ว เถียนอวี้ก็เตรียมตัวจะจากไปเช่นกัน
“เหลียงถง งั้นฉันกลับก่อนนะ”
แม้ว่าห้างวัสดุก่อสร้างของลูกศิษย์เพื่อนจะดี แต่บริษัทของเขามีบริษัทวัสดุที่ร่วมมือกันเป็นประจำอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้คิดว่าดีแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
“ได้”
เหลียงถงก็ส่งเถียนอวี้อย่างยิ้มแย้ม
หลังจากนั้น คนอื่นๆ ก็ทยอยกันกลับ
เยว่จงจีและหลี่หมิงฮุยกลับออกไปเป็นคนสุดท้าย “มู่หลาน ถ้าหลังจากนี้จะซื้อวัสดุก่อสร้างพวกเราจะมาอุดหนุนที่นี่แน่นอน”
ได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ขอบคุณทั้งสองมากนะ”
หลังจากที่ทุกคนจากไปหมด ฉินเจี้ยนเซ่อจึงหันไปบอกกับทุกคนว่า “วันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็รีบเสริม “ใช่ ๆ ผมกับเคอวั่งจะดูแลที่นี่เอง กลับไปพักผ่อนกันเถอะ”
ชิงชิงและเฉินเฉินต่างก็ขยี้ตาด้วยความง่วง ฉินมู่หลานจึงพยักหน้าตอบตกลง “ได้ งั้นพวกเราขอตัวกลับก่อน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้ลูกค้าแบบช่วยเหลือเกื้อกูลกันนี่ถือว่าโชคดีนะ
ไหหม่า(海馬)