ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 742 พวกแปลกแยก
ตอนที่ 742 พวกแปลกแยก
ลู่เจียวเห็นเขาสุดท้ายตกในสภาพน่าอนาถใจเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกยากทนรับไหว
นางหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ในยุคสมัยนี้ เป็นคนกตัญญูทรงคุณธรรมถึงกับยากเพียงนี้ หากในยุคสมัยข้า ฆ่าคนตายชดใช้ด้วยชีวิตเป็นเรื่องที่ยุติธรรมอย่างมาก”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปโอบกอดนาง “เอาละ แต่ละคนล้วนมีชะตาวาสนาตนเอง แม้ว่าสูญเสียทั้งหมดไป แต่เขาได้ปล่อยวางจิตมารในใจลงได้ บางทีวันหน้าเขาอาจจะเดินไปบนเส้นทางอีกสายหนึ่ง”
ลู่เจียวไม่ตอบ
เพราะคดีนี้ทำให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นดำรงตำแหน่งจิงจ้าวฝูอิ่นได้อย่างมั่นคง ทุกคนในศาลจิงจ้าวต่างไม่กล้าหาเรื่องจิงจ้าวฝูอิ่นคนใหม่ท่านนี้ แต่ละคนทำตามคำสั่งนอบน้อมยิ่งกว่าคนก่อน ไม่ลืมว่าคนเขากล้าลากโส่วฝู่ลงจากตำแหน่ง
ชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเองก็ระวังตัวกับเขามาก ทุกคนรู้ว่าที่เขากล้าทำเช่นนี้ก็เพราะเบื้องหลังมีรัชทายาทหนุนหลัง ดังนั้นจึงไม่ผู้ใดกล้าหาเรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวกับพวกเนี่ยอวี้เหยาร่วมกันเปิดร้านเสริมความงาม ในที่สุดก็หาที่ตั้งได้ การตกแต่งในร้านก็เริ่มดำเนินการ เริ่มกำหนดรายการเสริมความงามแต่ละอย่าง
มีรายการไม่น้อย อาทิ ลดความอ้วน ผิวขาวใส เสริมอวบอิ่ม ตาสองชั้น จมูกโด่ง เป็นต้น
ลู่เจียวรับหน้าที่จัดรายการเสริมความงาม เนี่ยอวี้เหยาตกแต่งร้าน เถียนฮวนนอกจากยุ่งกับโรงปลูกผักแล้วก็รับหน้าที่อบรมคนงานบริการหญิง จู้เป่าจูรับหน้าที่ทำบัญชี ลู่เจียวรับหน้าที่ผลิตผลิตภัณฑ์เสริมความงาม
ทุกคนล้วนทำงานกันง่วน แฝดชายหญิงถูกลู่เจียวส่งไปเรียนหนังสือที่สำนักศึกษาจวนอู่กั๋วกง สองหนูน้อยกับเด็กๆ ตระกูลอู่เล่นกันสนุกสนานมาก เพราะพวกเขาเข้ากับหลานๆ สายหลักในจวนอู่กั๋วกงได้ดี หลานๆ สายรองอื่นๆ จึงไม่กล้ามาหาเรื่องพวกเขา เด็กๆ เรียนหนังสือที่จวนอู่กั๋วกงจึงร่าเริงราวกับปลาได้น้ำ
หนูน้อยอีกสามคนอยู่สำนักศึกษาไป่ลู่ก็เข้ากับทุกคนได้ไม่เลว พวกเขาเดิมเป็นคนมีความสามารถ การได้มาเรียนในสำนักศึกษา อาจารย์ใหญ่กับอาจารย์ทดสอบแล้วก็ดีใจมาก นี่คือบุคคลผู้มีพรสวรรค์โดยแท้
คนในสำนักศึกษาไป่ลู่เองก็รู้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสามที่หน้าตาโดดเด่นนี้เป็นผู้มีพรสวรรค์แท้จริง สุดท้ายไปสอบถามมา ก็รู้ว่าเป็นบุตรชายใต้เท้าเซี่ยที่ลากใต้เท้าโส่วฝู่ลงจากตำแหน่ง ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องพวกเขา
หนูน้อยอีกสามคนอยู่สำนักศึกษาก็มีชีวิตที่ไม่เลว แต่ค่ำวันนี้ลู่เจียวพบว่าต้าเป่าที่พักผ่อนอยู่บ้านมีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยดีนัก
ลู่เจียวคิดว่าเป็นเพราะหูหลิงเสวี่ยปฏิเสธงานแต่งงาน จึงไม่เบิกบานใจ นางจึงเข้ามาอธิบายให้เขาเข้าใจ
“ต้าเป่า แม่ดูสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดี เพราะหลิงเสวี่ยไม่หมั้นหมายตอนนี้จึงไม่เบิกบานใจหรือ”
ต้าเป่ารีบส่ายหน้า “เปล่าขอรับท่านแม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ลู่เจียวรีบถามอย่างห่วงใยกล่าวว่า “เรื่องอันใด บอกกับแม่ได้หรือไม่”
เซี่ยเหวินเหยาเงยหน้ามองไปยังมารดาตนเอง มารดาเขาผู้นี้ไม่เหมือนผู้อื่น น่าจะไม่คิดว่าเขาเป็นพวกแปลกแยกกระมัง
เซี่ยเหวินเหยารีบลุกเดินมาข้างกายลู่เจียว นั่งลงจ้องมองลู่เจียวเอ่ยว่า “ท่านแม่ มีเรื่องหนึ่ง ข้าไม่กล้าเอ่ยกับผู้อื่น ได้แต่เอ่ยกับท่านแม่เท่านั้น”
ลู่เจียวเห็นท่าทางเขา เริ่มรับรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญ เกรงว่าเขาเผชิญเรื่องไม่ดีอันใดมา ก็ตั้งสติสีหน้าเคร่งขรึมเอ่ยว่า “เจ้าว่ามา แม่ฟังอยู่”
ต้าเป่านั่งตัวตรง คิดแล้วก็เลือกคำเอ่ยว่า “สองวันก่อน สำนักศึกษามีสหายร่วมชั้นเรียนอยู่ๆ ตายไป ตอนนั้นมีคนเสนอว่าให้รายงานทางการ แต่อาจารย์ใหญ่ห้ามไว้ เกรงว่าจะส่งผลต่อชื่อเสียงสำนักศึกษา สหายร่วมชั้นเรียนผู้นั้นอยู่ข้างบ้านเรา ตอนนั้นข้าก็อยู่ด้วย ผู้อื่นกำลังตกใจหวาดกลัว ข้ากลับไม่รู้สึกกลัว รู้สึกเพียงแค่ข้ามีความปรารถนาแรงกล้าที่จะสืบให้กระจ่างว่าเขาตายได้อย่างไร สุดท้ายข้าพยายามระงับความคิดตนเอง แต่หลังจบเรื่องก็มักรู้สึกว่าตนเองผิดปกติ ทำไมผู้อื่นล้วนรู้สึกกลัว แต่ข้าไม่รู้สึกกลัว ต้องการสืบหาสาเหตุการตายให้กระจ่าง”
“เดิมข้าคิดสะกดกลั้นความคิดประหลาดนี้ไว้ในใจคนเดียว แต่ยิ่งสะกดกลั้นก็ยิ่งคิดไม่หยุด วันสองวันนั้นเอาแต่คิดว่าสหายร่วมชั้นเรียนข้าตายได้อย่างไร ถูกคนทำร้ายจนตายหรือไม่ หรือว่าตายโดยอุบัติเหตุ”
ต้าเป่ากล่าวจบหันไปมองลู่เจียว กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ท่านแม่ ท่านว่าข้าผิดปกติหรือไม่ ข้าไม่อยากให้ผู้อื่นพบว่าข้าแปลกแยก หากให้ผู้อื่นรู้เข้า ไม่แน่อาจจะคิดว่าข้าเป็นพวกประหลาดแปลกแยก”
ลู่เจียวได้ฟังเขา ในที่สุดรู้ว่าเหตุใดเขาจึงร้อนใจ เพราะเห็นว่าตนเองไม่เหมือนผู้อื่น ดังนั้นจึงหวาดกลัวว่าจะเป็นพวกประหลาดแปลกแยกกระมัง
เดิมลู่เจียวยังคิดว่าสุขภาพเขาผิดปกติอันใด ปรากฏกลับเป็นเพราะเรื่องนี้
นางยื่นมือไปลูบศีรษะบุตรชายยิ้มบางกล่าวว่า “จะไปมีอันใดกัน นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่าในใจเจ้าทรงคุณธรรม แสดงให้เห็นว่าเจ้าสนใจเรื่องการสืบคดี นี่เป็นเรื่องดี หากเจ้าชอบ วันหน้าที่ศาลท่านพ่อเจ้าหากต้องการสืบคดีเหล่านนี้ เจ้าก็ไปดูได้”
“หากพบว่าสนใจจริง แม่มีหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ถึงตอนนั้นให้เจ้าศึกษาดู วันหน้าเราก็ไม่ไปดำรงตำแหน่งโส่วฝู่แคว้นต้าโจว แต่เราไปเป็นเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่แทน แม้ว่าตำแหน่งเหล่านี้จะไม่สูงเท่าโส่วฝู่แคว้นต้าโจว แต่ก็เป็นตำแหน่งงานที่ได้ช่วยเหลือคนตาย นี่เป็นเรื่องทรงคุณธรรม”
เดิมต้าเป่ายังเป็นห่วงว่ามารดาตนเองจะตกใจหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าท่านแม่กลับคิดเช่นนี้
เรื่องนี้ทำให้ต้าเป่ารู้สึกตื่นเต้นจนใจเต้นตึกตัก เขาเลิกคิ้วมองลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านไม่คิดว่าข้าแปลกแยกหรือ”
ลู่เจียวท่าทางไม่พอใจ จิ้มหน้าผากเขากล่าวว่า “แปลกแยกอันใด เช่นนั้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์ศพก็เป็นคนแปลกแยกหรือ บนโลกนี้มีคนหลายประเภท ขอเพียงไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่วางอุบายผู้อื่น มีความสนใจในบางเรื่องแล้วก็จะเป็นคนแปลกแยกหรือ”
“แม่เจ้ายังเป็นหมอเลย แม่มักผ่าท้องผู้อื่น เช่นนั้นแม่ใช่ปีศาจหรือไม่”
ต้าเป่าคิดถึงความสามารถท่านแม่ตนก็พลันรู้สึกว่าก่อนหน้านี้ตนเองคิดมากไปแล้ว เรื่องของเขาแค่นั้นไม่อาจเทียบกับความสามารถท่านแม่ได้
“ท่านแม่ เช่นนั้นหากข้าเรียนรู้เรื่องพวกนี้ ท่านแม่ไม่ตำหนิข้ากระมัง”
“ไม่ตำหนิ ตำหนิอันใด ขอเพียงเจ้าพูดแทนคนตายได้ ไม่ให้คนตายตายไปอย่างคับแค้น แม่ก็คิดว่าเจ้าเป็นคนมีความสามารถ”
คิ้วที่ขมวดแน่นของต้าเป่าคลาลลงทันที เขายิ้มเอ่ยว่า “ท่านแม่ ข้าทราบแล้ว”
กล่าวจบก็ผ่อนคลายลง เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับมาเห็นเขายิ้มแย้มเดินออกไป ก็ถามลู่เจียวอย่างแปลกใจ “เขาเป็นอะไรหรือ ข้าเห็นเขาเหมือนดีใจมาก ราวกับเก็บเงินได้”
ลู่เจียวนึกขำ เอ่ยหยอกเขาว่า “บุตรชายเจ้าโลกแคบแค่นี้หรือ เก็บเงินได้ก็ดีใจขนาดนี้หรือ”
นางกล่าวจบก็เล่าท่าทางแปลกๆ ของต้าเป่าก่อนหน้านี้ให้เขาฟัง กล่าวว่า “ดูท่าต้าเป่าวันหน้าคงไม่เป็นโส่วฝู่แคว้นต้าโจว อาจเป็นเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่”
กล่าวจบก็รู้สึกนึกขำ หัวเราะขึ้นก่อน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าจริงจังทันที กล่าวว่า “ความจริงเป็นเจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่ก็ไม่เลว”
กล่าวจบสองสามีภรรยาก็ยิ้มให้กัน พวกเขาคิดอันใดกัน เจ้ากรมศาลอาญาต้าหลี่เป็นขุนนางคนสำคัญระดับสาม จะเป็นง่ายเพียงนั้นหรือ