ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 700 มอดกัดกิน
ตอนที่ 700 มอดกัดกิน
ฮูหยินหลินก็รู้ว่าคำพูดใต้เท้าข่งกับใต้เท้าหลินมีเหตุผล
แต่จะให้นางลงมือโหดเหี้ยมกับใต้เท้าตน นางก็ใจร้ายไม่ลง สุดท้ายได้แต่ร่ำไห้ไร้หนทาง
ใต้เท้าข่งกับใต้เท้าหลินเห็นท่าทางนางเช่นนี้ ก็ยืนขึ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ในเมื่อฮูหยินตัดใจไม่ลง ก็รอเป็นเพื่อนเข้าคุกพร้อมใต้เท้าก็แล้วกัน ถึงตอนนั้นบุตรชายท่านก็จะได้ตายไปพร้อมกับใต้เท้า สะใภ้และหลานสาวท่านก็จะถูกส่งไปสำนักทัณฑสถานหญิงเพื่อการเริงรมย์”
พอฮูหยินหลินได้ฟังก็ตัวแข็งทื่อ แม้ว่านางตัดใจลงมือกับใต้เท้าหลินไม่ลง แต่เกี่ยวพันถึงหลานสาว นางก็ปวดใจอย่างมาก นอกจากนี้ หลายปีมานี้ใต้เท้าหลินก็ไม่เคยหยุดพาหญิงเข้าจวน ไม่นานมานี้ยังพานางจิ้งจอกมาอีกคน แม้ว่าหญิงผู้นี้ต่อมาเสียโฉม แต่ในใจนางยังคงไม่สบายใจ
ฮูหยินหลินคิดไปมาแล้วก็เกิดความคับแค้นใจต่อใต้เท้าหลิน หลายปีมานี้เขาไม่เคยหยุดเรื่องผู้หญิง พาเข้าจวนคนแล้วคนเล่า นางเป็นฮูหยิน แต่เขาไม่เคยให้ความเคารพนาง เขามีวันนี้ได้ล้วนเพราะนาง
ฮูหยินหลินคิดเช่นนี้แล้วก็รู้สึกสมเหตุสมผลอย่างมาก สุดท้ายนางกัดฟันกล่าวว่า “ได้ เรื่องนี้ข้าไปจัดการเอง”
ใต้เท้าข่งกับใต้เท้ากู้รีบกล่าวว่า “ฮูหยินรีบไปที่ทำการดีกว่า หากสายไป เกรงว่าไม่ทันแล้ว”
“ใช่ รีบไปตอนนี้ยังทัน ท่านไร้หนทางอื่น และท่านทำเช่นนี้ก็เพื่อแก้แค้นให้ใต้เท้า แม้ว่าใต้เท้าตายไป ก็ไม่โทษท่าน”
ฮูหยินหลินถูกกล่อม สุดท้ายลุกขึ้นกล่าวว่า “ได้ ข้าจะรีบไปจัดการ”
ใต้เท้าข่งกับใต้เท้าหลินหันหลังจากไปอย่างโล่งอก ฮูหยินหลินเตรียมนำยาไปที่ทำการพบใต้เท้าหลิน
ฮูหยินหลินคิดการง่ายมากแต่นางคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเข้าพบใต้เท้าหลินไม่ได้
จ้าวเหิงขวางเอาไว้ “ฮูหยิน ขออภัย ใต้เท้าหลินพัวพันคดีเงินค่าใบชา ตอนนี้ไม่อาจให้ผู้ใดเข้าพบได้ชั่วคราว”
ฮูหยินหลินมองจ้าวเหิงด้วยสีหน้าแทบไม่อยากจะเชื่อ โมโหตะคอกว่า “ข้าเป็นฮูหยินเขา ข้าพบเขาไม่ได้หรือ”
“ไม่ได้ จะพบก็ต้องให้ใต้เท้าเรากลับมาก่อน ค่อยพบได้”
“ถือสิทธิ์อันใด ข้าเป็นฮูหยินจือฝู่ เซี่ยถงจือเป็นแค่ถงจือเมืองหนิงโจว ข้าต้องการพบใต้เท้าตอนนี้”
ฮูหยินหลินกล่าวจบก็คิดบุกเข้าไป ปรากฏจ้าวเหิงขวางนางไว้อย่างไม่เกรงใจ “ฮูหยิน เชิญกลับไป หากฮูหยินไม่กลับ ข้าก็ไม่ถือสาหากจะต้องให้คนเชิญฮูหยินกลับ”
องครักษ์คนหนึ่งด้านหลังจ้าวเหิงก้าวออกมา ทำท่าทางขึงขังด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ฮูหยินหลินรู้ว่าเรื่องนี้ตนเองต้องทำให้สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่ยอมกลับ หันหลังจะบุกเข้าไปในห้องโถง
ปรากฏถูกองครักษ์หิ้วตัวไว้ เขาหิ้วฮูหยินหลินเดินออกไป จากนั้นก็โยนนางออกไว้ข้างนอก
ฮูหยินหลินโมโหจนตัวสั่น แต่ก็ทำอันใดไม่ได้
ใต้เท้าข่งกับใต้เท้าหลินคอยสังเกตอยู่ตลอด ปรากฏพอพบว่าฮูหยินหลินถึงกับถูกโยนออกมา
แววตาใต้เท้าข่งกับใต้เท้าหลินต่างก็ผิดหวัง ทั้งสองคนมองแล้วว่าทางฮูหยินหลินไม่ได้การแล้ว ได้แต่คิดหาวิธีอื่น
จวนตระกูลเซี่ย ลู่เจียวคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวที่ทำการมาตลอด รู้ว่าใต้เท้าหลินถูกควบคุมตัวไปชั่วคราว เซี่ยอวิ๋นจิ่นนำคนตรงไปเมืองหยางเฉิงรายงานคดีนี้ต่อใต้เท้าปู้เจิ้งสื่อแล้ว
เพราะคดีนี้ส่งผลกระทบวงกว้าง ลู่เจียวไม่วางใจอย่างมาก ดังนั้นกินอาหารเย็นเสร็จ ก็ไม่เข้านอน เอาแต่รอเซี่ยอวิ๋นจิ่น
พอรอก็รอมาถึงเที่ยงคืนดึกดื่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้กลับมา
ครั้งเห็นนางยังไม่เข้านอนก็เป็นห่วงทันที
“เหตุใดเจ้ายังไม่นอนอีก”
ลู่เจียวหาวหวอดกล่าวว่า “เป็นห่วงเจ้า กลัวเจ้าเกิดอันตรายระหว่างเดินทางไปเมืองหยางเฉิง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นก้าวไปข้างเตียงนาง โน้มกายลงจุมพิตนางก่อนจะกล่าวว่า “ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว เจ้าอย่าได้เป็นห่วง รีบเข้านอน ข้าไปอาบน้ำก่อน”
“ได้”
ลู่เจียวเดิมก็ง่วงนอนอยู่แล้ว พอได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวก็หลับตานอนทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มหันหลังเดินไปล้างหน้าล้างตัว จากนั้นก็มานอนกอดลู่เจียว
เช้าวันรุ่งขึ้น เดิมลู่เจียวคิดว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะรีบไปที่ทำการ ปรากฏลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขากำลังพิงเตียงอ่านหนังสืออยู่ ลู่เจียวถามอย่างแปลกใจว่า “เหตุใดเจ้ายังไม่ไปที่ทำการ คดีใต้เท้าหลินเป็นอย่างไรแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ้มกล่าวว่า “เมื่อวานข้าไปเมืองหยางเฉิงรายงานต่อปู้เจิ้งสื่อ พอใต้เท้าปู้เจิ้งสื่อได้ยินเรื่องนี้ ก็นำคนเดินทางมาเมืองหนิงโจวทันทีเมื่อคืนนี้ ที่ทำการมีหูทงพั่นคอยรับใช้พาใต้เท้าปู้เจิ้งสื่อไปตรวจค้น ไม่ต้องการข้า ข้าเองก็ไม่รีบไป”
ลู่เจียวไม่ได้เอ่ยอันใด สองสามีภรรยาตื่นนอนอย่างไม่รีบไม่ร้อน เซี่ยอวิ๋นจิ่นกินอาหารเช้าเป็นเพื่อนลู่เจียวเสร็จ ก็ตามองครักษ์อ๋องเยียนมาคนหนึ่ง สั่งการให้เขาลอบไปเมืองหลวงแจ้งท่านอ๋อง ว่าจือฝู่เมืองหนิงโจวมีคดียักยอกเงินใบชา คดีนี้อาจเกี่ยวพันถึงอ๋องจิ้น อ๋องเยียนใช้โอกาสนี้ล้มอ๋องจิ้นได้
อีกอย่างเซี่ยอวิ๋นจิ่นหวังว่าอ๋องเยียนจะได้หาจือฝู่ที่ไม่ค่อยสนใจอันใดนักมาแทน เขาก็จะได้ทำงานได้อย่างสบายใจ
องครักษ์อ๋องเยียนรับคำแล้วก็ออกจากตระกูลเซี่ยไปเมืองหลวงรายงานเรื่องนี้ต่อท่านอ๋อง
หลังจากเซี่ยอวิ๋นจิ่นจัดการเรื่องพวกนี้เรียบร้อย ก็พาคนไปที่ทำการ
ในที่ทำการเงียบสงัด แต่ละแห่งล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้งและกลิ่นอายสังหาร เซี่ยอวิ๋นจิ่นถูกเชิญตัวไปทันที
ในห้องโถง ใต้เท้าปู้เจิ้งสื่อนั่งเป็นประธานบนแท่นที่นั่ง ถัดจากเขาก็คือหูทงพั่น จากนั้นก็เป็นพวกใต้เท้าข่งและใต้เท้ากู้ตลอดจนขุนนางเมืองหนิงโจวคุกเข่าอยู่ คนเหล่านี้พากันชี้ไปที่หลินจือฝู่ว่ากดขี่ราคาใบชาของชาวบ้านปลูกชา และยังแก้ไขตัวเลขในสมุดบัญชีโกงกินอีกก้อน
“เขาไม่เพียงแต่โกงเงินชาวบ้านปลูกชากับภาษีชา แต่ยังแอบตุนใบชาเอาไว้นำไปขายให้พ่อค้าชา ได้กำไรมหาศาล เขาขายใบชาให้พ่อค้าชาในราคาสูงจนน่าตกใจ”
คนหนึ่งกล่าวจบ อีกคนก็กล่าวต่อว่า “ไม่เพียงแต่เงินค่าใบชา แม้แต่ทางบ่อเกลือ เขาก็โกงกินมากมาย จำนวนมหาศาลจนน่าตกใจเช่นกัน ใต้เท้าโปรดตรวจสอบด้วย”
คนผู้นี้กล่าวจบก็มีอีกคนร่ำไห้กล่าวต่อว่า “ใต้เท้า พวกเราล้วนถูกใต้เท้าหลินบีบบังคับให้ร่วมขบวนการนี้ ตอนนี้พวกเรายินยอมมอบเงินที่รับไปคืนให้ ขอใต้เท้าโปรดลงโทษสถานะเบา ไว้ชีวิตพวกข้าน้อยด้วย”
โทษโกงกินภาษีเป็นโทษหนัก ไม่เพียงแต่ตนเองต้องตาย อาจจะทำให้ครอบครัวพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ดังนั้นตอนนี้พวกข่งทุยกวานกู้จิงลี่ไม่คิดเรื่องเงินๆ ทองๆ อีกแล้ว พวกเขาส่งมอบเงินทองและขอรับผิดเอง หวังว่าจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี้ไว้ได้
ใต้เท้าฟางตำแหน่งปู้เจิ้งสื่อมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเย็นเยียบ คนพวกนี้ล้วนเป็นคนเลว ตอนรับเงินมาก็ดีใจ ตอนนี้เกิดเรื่องก็ผลักความผิดไปให้ใต้เท้าหลินคนเดียว มอดกัดกินแผ่นดินเช่นนี้จะเก็บเอาไว้ทำไมกัน
ใต้เท้าฟางคิดไปก็ออกคำสั่งไปว่า “เจ้าหน้าที่ นำตัวใต้เท้าหลินออกมา”
ใต้เท้าหลินถูกนำตัวออกมาทันที ผ่านไปแค่คืนเดียว ตอนนี้เขาแก่ลงไปมากจนแทบไม่เหลือสภาพ ผมขาวโพลนไปเกือบครึ่ง อยู่คนเดียวไม่อาจควบคุมอารมณ์จนชราลงไปมาก
“คารวะใต้เท้าปู้เจิ้งสื่อ”