ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 642 ลูกน้องอ๋องเยียน
ตอนที่ 642 ลูกน้องอ๋องเยียน
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องนี้ ในใจก็พลันเคร่งเครียด พอหวนคิดถึงก่อนหน้านี้ตอนอยู่เมืองหลวง อ๋องจิ้นก็หาเรื่องเซี่ยอวิ๋นจิ่นให้ต้องลำบากใจ นางก็โมโหมาก ในเมื่ออ๋องจิ้นตั้งใจจัดการพวกนาง เช่นนั้นพวกนางก็ควรโต้กลับ แม้ไม่อาจโต้กลับอ๋องจิ้นโดยตรง แต่พวกนางช่วยอ๋องเยียนได้ หากอ๋องเยียนเปล่งรัศมีในราชสำนัก ก็จะเป็นการกำราบบารมีอ๋องจิ้นลง
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วแววตาก็ลึกล้ำราวกับหุบผาดำมืด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางเช่นนี้ก็รู้ว่านางปวดใจ เขากุมมือลู่เจียวไว้พลางกล่าวว่า “ข้าประมาทเอง คิดไม่ถึงว่าอ๋องจิ้นจะส่งคนมาจัดการข้า วันหน้าข้าจะระวังตัว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอ๋องจิ้นจะส่งคนมาจัดการเขา และลงมือทีก็ใช้ยอดฝีมือที่ร้ายกาจมาก มากันถึงสิบกว่าคน โจวเส้ากงกับถงอี้ ยังมีหร่วนไคที่แม้ว่าฝีมือดี แต่ให้รับมือกับยอดฝีมือหลายคนในเวลากระชั้นชิดย่อมไม่ไหว จึงทำให้เขาโดนคมดาบนี้จนเกือบสิ้นชีพ
แต่เขาได้บทเรียนแล้ว วันหน้าจะระวังให้มาก
ในห้อง องครักษ์จวนอ๋องเยียนรีบกล่าวว่า “เรียนเซี่ยถงจือกับฮูหยินเซี่ย ท่านอ๋องสั่งการให้ข้าน้อยอยู่เมืองหนิงโจวคอยอารักขาเซี่ยถงจือกับฮูหยินถงจือ วันหน้าถงจือกับฮูหยินถงจือไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของท่านทั้งสอง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวคิดไม่ถึงว่าอ๋องเยียนถึงกับส่งคนมาอารักขาพวกเขาที่เมืองหนิงโจว มิน่าครั้งนี้คนที่มาไม่มีพวกคุ้นเคยเช่นพวกม่อเป่ย มีแต่คนไม่คุ้นหน้า เพราะคนเหล่านี้ไม่มีคนรู้จัก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเห็นเหล่าคนชุดดำ ในใจก็โล่งอก หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็วางใจลงได้มาก
องครักษ์จากจวนอ๋องเยียนย่อมต้องฝีมือร้ายกาจ
“ตกลง รบกวนพวกเจ้าแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกล่าววาจาเกรงใจ คนชุดดำต่างกล่าวนอบน้อมว่า “ใต้เท้าถงจือกับฮูหยินถงจือไม่ต้องเกรงใจ พวกเราปฏิบัติตามรับสั่ง”
ท่านอ๋องให้ความสำคัญกับเซี่ยถงจือผู้นี้มาก ดังนั้นพวกเขาย่อมต้องอารักขาเซี่ยถงจือให้ดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่กล่าวอันใดอีก นอกประตู เฝิงจือนำล่วมยาเข้ามา ลู่เจียวหยิบผ้าพันแผลออกมาพันบาดแผลให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น
บาดแผลเซี่ยอวิ๋นจิ่นดูแล้วน่าตกใจ แต่ความจริงไม่ได้หลั่งโลหิตมากอันใด แค่บาดแผลเขาแลดูน่าตกใจ ทุกครั้งที่ลู่เจียวมองก็หวนคิดถึงว่าอีกนิดเดียวเขาก็จะสิ้นชีพแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล หากลึกอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ในห้อง ทุกคนถอยออกไปแล้ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นยื่นมือไปกอดลู่เจียวเอาไว้ เอ่ยปลอบใจพลางลูบหลังนางเบาๆ “เจียวเจียว เจ้าอย่าได้เป็นห่วง ข้าไม่เป็นอันใด ข้าดวงแข็ง”
ลู่เจียวพยักหน้ากล่าวเบาๆ ว่า “อ๋องจิ้นกล้าลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้ พวกเราจะต้องช่วยอ๋องเยียน ให้อ๋องเยียนได้เปล่งรัศมีบารมีในราชสำนัก เช่นนี้อ๋องเยียนจึงจะโดดเด่นได้เป็นรัชทายาทแห่งแคว้นต้าโจว ถึงตอนนั้นแม้แต่ฮ่องเต้ก็ไม่อาจขวางรัศมีบารมีอ๋องเยียนได้”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ยืดตัวขึ้นมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ยาแก้อักเสบข้าผลิตได้แล้ว พวกเราต้องรีบส่งคนนำไปเมืองหลวงมอบให้อ๋องเยียน ให้อ๋องเยียนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย”
“ตกลง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำอย่างดีใจ จากนั้นก็เอ่ยเบาๆ กับลู่เจียวว่า “ข้าสืบพบว่าหวางหมิงเหรินบุตรชายหวางทงพั่น ไม่เพียงแต่ยึดครองที่นาผู้อื่น ยังฉุดคร่าหญิงสาวชาวบ้าน ทำคนตายไปอย่างน้อยห้าชีวิต แต่เพราะหวางทงพั่นเป็นพวกเดียวกับหลินจือฝู่ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ตอนนี้มีข้าอยู่ ข้าจะไม่นิ่งดูดาย สองสามวันนี้ข้าแอบส่งคนไปคุยกับเจ้าทุกข์สองสามราย กล่อมให้พวกเขาลุกขึ้นมาฟ้องร้อง ขอเพียงชาวบ้านมาฟ้องร้อง ข้าก็จะเปิดคดีนี้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ลู่เจียวก็ถามขึ้นทันที “เรื่องคดีอาญาเหมือนไม่ใช่งานในหน้าที่ของเจ้า ในฐานะถงจือ ภาระงานเจ้าคือช่วยเหลืองานจือฝู่ในภาระงานจับขโมย ป้องกันทางทะเล ป้องกันทางแม่น้ำ และการชลประทาน ส่วนคดีอาญาควรเป็นเรื่องของทงพั่นดูแลกระมัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่นยิ้มกล่าวว่า “แม้ว่าไม่ควรให้ข้าดูแล แต่ผู้ใดให้เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงบุตรชายหวางทงพั่น เล่า ในฐานะบิดาผู้ถูกฟ้อง เขาควรเลี่ยงคำครหา ดังนั้นเรื่องนี้ควรเป็นข้าเข้ามาดูแล พวกเขาไม่อาจกล่าวอันใดได้ หากหลินจือฝู่ยื่นมือเข้ามาข้องเกี่ยว ข้าก็ไม่ถือสาที่จะนำคดีนี้รายงานต่อเบื้องบน”
ลู่เจียวพอได้ฟัง ก็รู้ว่าในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นมีแผนการไว้แล้ว ได้แต่กำชับว่า “เจ้าก็ระวังหน่อย”
“อืม ข้ารู้แล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า กำจัดหวางทงพั่นทิ้ง ตัดแขนข้างหนึ่งของหลินจือฝู่ไปก่อน วันหน้าเขาทำอันใดก็จะยิ่งยาก รอขุนนางทงพั่นคนใหม่มา จะถูกหลินจือฝู่ดึงไปเป็นพรรคพวกหรือไม่ก็เอาไว้ค่อยว่ากัน อย่างไรสายสัมพันธ์ของพวกเขาก็พังทลายแล้ว
ในห้องลู่เจียวพลันคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง พื้นที่ปลูกชากับบ่อเกลือเมืองหนิงโจวเป็นแหล่งเงินทองของอ๋องจิ้น ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นตัดเส้นทางเงินทองของอ๋องจิ้น เกรงว่าอ๋องจิ้นน่าจะยิ่งโมโหมากขึ้น ย่อมต้องส่งลูกน้องมาสังหารเขา เช่นนี้เขาก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้น
“เจ้าทำเช่นนี้ เกรงว่าอ๋องจิ้นคงโมโหเจียนตาย เขาต้องส่งคนมาสังหารเจ้ามากยิ่งขึ้น เจ้าต้องระวัง รอรับมือให้ดี”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่งกล่าวว่า “สองสามวันนี้ข้าจะปรุงยาไว้ให้เจ้าใช้รับมือคนมีฝีมือยุทธ์ เช่น ยาเส้นเอ็นอ่อนแรงอะไรพวกนี้”
แม้ว่านางรู้สูตรยานี้ แต่ไม่ค่อยได้ปรุง เพราะขั้นตอนยุ่งยากมาก
ส่วนใหญ่นางไม่ค่อยปรุงยาทำร้ายคน แต่ตอนนี้อันตรายที่พวกเขาเผชิญยิ่งใหญ่มาก ดังนั้นต้องปรุงไว้เพื่อป้องกันตัว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินลู่เจียวกล่าวเช่นนี้ ก็ยิ้มตาหยีทันที เอ่ยขอบคุณลู่เจียว “เช่นนั้นก็ขอบคุณฮูหยินแล้ว”
เพิ่งกล่าวจบก็โน้มกายลงจุมพิตนาง จากนั้นมือไม้ก็ไม่สงบเสงี่ยมขึ้นมาทันที ลู่เจียวรีบผลักเขาออก “เจ้าได้รับบาดเจ็บ สงบเสงี่ยมหน่อยดีกว่า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวอย่างองอาจผึ่งผายว่า “ข้าบาดเจ็บที่ลำคอ ไม่ใช่ที่กายล่าง ไม่เป็นไร ท่านพี่ทำได้”
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว แต่ไม่นานก็ไม่อาจกล่าววาจาอันใดอีก
วันรุ่งขึ้นเซี่ยอวิ๋นจิ่น พาลำคอที่มีผ้าพันแผลเช่นนี้ไปที่ทำการ องครักษ์จวนอ๋องเยียนก็ติดตามเขาไปด้วย
ลู่เจียวอยู่บ้านผลิตเพนิซิลลิน วีออกมาใส่ขวด เห็นเพนิซิลลิน วีบรรจุลงในขวด ในใจก็ดีใจอย่างบอกไม่ถูก
นางหยิบเพนิซิลลิน วีเดินออกจากห้อง เตรียมสั่งให้หร่วนจู๋นำไปให้จ้าวหลิงเฟิงที่อำเภอชิงเหอ จ้าว หลิงเฟิงส่งคนเร่งเดินทางกลางคืนนำไปถึงมืออ๋องเยียน
ขอเพียงอ๋องเยียนมียานี้ ย่อมต้องทำให้ราชสำนักสั่นสะเทือน ถึงตอนนั้นยานี้ก็จะไปทั่วแคว้นต้าโจว เป็นเรื่องดีต่อราษฎรและแผ่นดิน
ขณะลู่เจียวครุ่นคิดอยู่นั้น นอกประตูเฝิงจือก็เดินเข้ามารายงานว่า “ฮูหยิน ท่านจ้าวมา บอกว่ามีเรื่องต้องการพบฮูหยิน”
ลู่เจียวเลิกคิ้วแปลกใจ นางกำลังเตรียมส่งเพนิซิลลิน วี ไปให้เขา เขาผู้นี้ก็มา ช่างเหมือนมีใจสื่อถึงกันไหม
ลู่เจียวดีใจพาเฝิงจือกับหร่วนจู๋ไปเรือนด้านหน้าพบจ้าวหลิงเฟิง
คิดไม่ถึงว่าพอพบกัน ก็เห็นสีหน้ากลัดกลุ้มของจ้าวหลิงเฟิง ในแววตาถึงกับมีเส้นเลือดเด่นขึ้นมา
กล่าวตามตรง จ้าวหลิงเฟิงเป็นคุณชายจวนหย่งหนิงโหว แต่ไรมาก็วางท่าทางสูงส่งมากบารมี ดำรงภาพลักษณ์คุณชายสูงศักดิ์ นางเพิ่งเคยเห็นสภาพกลัดกลุ้มเช่นตอนนี้เป็นครั้งแรก
ลู่เจียวมองเขาอย่างแปลกใจ นี่ไปเจอเรื่องอันใดมา หรือว่าจ้าวอวี้หลัวบุตรสาวเขาก่อเรื่องอันใด
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยถามจ้าวหลิงเฟิง “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”