ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 430 คนน่าสงสารย่อมมีความน่ารังเกียจ
ตอนที่ 430 คนน่าสงสารย่อมมีความน่ารังเกียจ
เพราะมีมือปราบอยู่ด้วย ลู่เจียวจึงไม่ได้พูดอะไรมาก พูดมากไปย่อมไม่ดี ดังนั้นนางจึงได้แต่พันแผลให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเงียบๆ ไม่พูดอะไรมากอีก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางไม่พูดอะไร ในใจก็รู้สึกกังวล “เจียวเจียว เจ้าอย่าโมโหเลยนะ ครั้งหน้าข้าจะต้องระวังให้มาก”
ลู่เจียวไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย สนใจแต่พันแผลของตนเองไป ราวกับว่านางเป็นหมอที่กำลังรักษาผู้ป่วยอยู่เท่านั้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกเป็นกังวล ยื่นมือออกไปรั้งแขนเสื้อลู่เจียวเอาไว้ เห็นว่า ลู่เจียวไม่สนใจเขา ก็กระตุกไปทีหนึ่ง
ลู่เจียวรู้สึกโมโห จัดการบาดแผลเสร็จก็จงใจกดบาดแผลเขาทีหนึ่ง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเจ็บจนต้องสูดปาก ใบหน้าหล่อเหลาหลั่งเหงื่อเย็นออกมาไม่น้อย
แต่เขากัดฟันไม่ส่งเสียงร้อง ผู้ใดให้เขาทำผิดเล่า
ให้เจียวเจียวระบายอารมณ์บ้างก็ได้
ลู่เจียวเห็นเขาเช่นนี้ ก็ทนโมโหเขาอีกไม่ได้ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “วันหน้าเจอเรื่องเช่นนี้อีกให้คิดถึงบุตรชายเจ้าให้มาก หากให้บุตรชายเจ้ารู้ว่าเจ้าบาดเจ็บอีก ก็คงต้องเป็นห่วงอย่างมาก หรือว่าเจ้าไม่รู้ว่า เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เป็นเด็กห่วงใยคนในครอบครัวขนาดไหน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบก้มหน้า รับผิดราวกับนักเรียนประถม
“ข้าผิดไปแล้ว วันหน้าจะต้องแก้ไข”
“ครั้งหน้าจะไม่ทำผิดอีกแล้ว”
“วันหน้าข้าจะห่างไกลคนชั่ว รักษาตัวเองให้ดี จะไม่ทำให้คนที่บ้านเป็นห่วงอย่างเด็ดขาด”
ในห้องนอกจากคนรับใช้ตระกูลเซี่ยยังมีสองมือปราบ สองมือปราบไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นเซี่ยซิ่วไฉในสภาพเช่นนี้ ไม่พูดถึงว่าเป็นบัณฑิต เอาแต่ปกติท่าทางสูงส่ง ไม่สนใจอะไรไม่ใช่หรือ เซี่ยซิ่วไฉทำให้ภาพบัณฑิตในใจพวกเขากลับตาลปัตรไปหมด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่สนใจความประหลาดใจของสองมือปราบแม้แต่น้อย มีอะไรสำคัญไปกว่าทำให้ภรรยาไม่โกรธ ขอเพียงนางเบิกบานใจก็พอ
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นเอาแต่กล่าวรับรองก็ไม่อาจทนเอาเรื่องต่อไปได้อีก อย่างไรก็ยังมีคนนอกอยู่ด้วย
“เอาละ วันหน้าทำผิดอีก ดูซิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร”
“อืม ข้าจดจำไว้แล้ว”
กล่าวจบก็มองลู่เจียวอย่างน่าสงสาร “เจียวเจียว แขนข้าเจ็บ”
“สมน้ำหน้า”
ลู่เจียวเก็บล่วมยา แต่ก็ยังคงเป็นห่วงเซี่ยอวิ๋นจิ่น หันหน้าไปถามเขา “เจ็บมากจริงหรือ”
หากเจ็บมาก็ต้องกินยาแก้ปวด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแค่ต้องการให้ลู่เจียวเป็นห่วง ไม่ได้เจ็บมากจนทนไม่ไหว ตนเองขาหักนอนอัมพาตอยู่บนเตียงมาแล้ว ความอดทนกับความเจ็บปวดของเขาเพิ่มมากขึ้นไม่น้อย ความเจ็บแค่นี้ไม่เท่าไร
เขาร้องเช่นนี้ก็เพื่อทำให้ลู่เจียวเห็นแก่บาดแผลเขา ไม่โมโหมากเกินไป เดิมยังคิดฉวยโอกาสหอมแก้มนางสักที แต่ตอนนี้มีมือปราบอยู่ด้วย จึงได้แต่แล้วไป
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่ายหน้าเสียใจ “ไม่เป็นไร ข้าทนได้”
ลู่เจียวมองแววตาเขา พบว่าเขายังไหว ก็กล่าวว่า “ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าที่ว่าการอำเภอแล้วกัน”
“ได้ รบกวนเจียวเจียวแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นดีใจทันที
ลู่เจียวเป็นเพื่อนเขาตามมือปราบสองคนไปที่ว่าการอำเภอ
แม้ดึกดื่นแล้ว แต่นายอำเภอหูก็ยังเปิดศาลไต่สวน
ทางตระกูลจาง จางปี้เยียนก็ถูกเชิญตัวมา เดิมแม้แต่นายผู้เฒ่าตระกูลจางก็ต้องมาด้วย
แต่นายผู้เฒ่าตระกูลจางรู้สึกเสียหน้า จึงให้จางปี้เยียนมาจัดการเรื่องนี้คนเดียว
ในศาล หลี่เหวินปินกำลังคุกเข่าอยู่ ผ้าที่ยัดอยู่ในปากถูกมือปราบจ้าวดึงออกแล้ว
ยามนี้เขามีสภาพน่าอนาถอย่างมาก รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด
เขาฆ่าคนและถูกจับได้คาหนังคาเขา ต้องถูกลงโทษ เขาจะถูกริบตำแหน่งซิ่วไฉคืนไหมนะ
หลี่เหวินปินคิดถึงจนสุดท้ายก็ได้แต่ตกใจร้องไห้ออกมาต่อหน้าศาล ร้องไห้จนฟังแล้วรู้สึกได้ว่าเจ็บปวดรวดร้าวและหวาดกลัวยิ่ง
เขาเดิมหน้าตาซื่อๆ ยามนี้ร้องไห้ ก็ทำให้คนรู้สึกทนไม่ไหว รู้สึกว่าคนผู้นี้น่าสงสารมาก
ในศาล นายอำเภอหูกลับไม่เห็นใจแม้แต่น้อย ประการแรก หลี่เหวินปินเป็นหลานเขยตระกูลจาง แค่เรื่องนี้ก็ทำให้นายอำเภอหูรังเกียจแล้ว
ประการที่สอง คนที่หลี่เหวินปินคิดสังหารก็คือเซี่ยอวิ๋นจิ่น อวิ๋นจิ่นเป็นที่ปรึกษาให้เขา ยังเป็นที่พึ่งใหญ่ในวันหน้าของตน ตอนนี้เขาถึงกับบาดเจ็บ นายอำเภอหูย่อมทนไม่ไหว
“หลี่เหวินปิน เจ้ากล้ามาก ถึงกับกล้าถือมีดฆ่าคน ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่ายๆ อย่างแน่นอน”
หลี่เหวินปินร้องไห้อย่างหนัก พอดีกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก้าวเข้ามา ยังมีภรรยาเขาจางปี้เยียนตามมาด้วย
หลี่เหวินปินไม่สนใจจางปี้เยียน หันหน้าไปโขกศีรษะให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น “อวิ๋นจิ่น ข้ามันโดนมันหมูบดบังดวงตา จึงได้ริษยาอิจฉาตาร้อนเจ้า คิดแทงเจ้า ความจริงข้าไม่ได้คิดฆ่าเจ้า ข้าก็แค่อยากจะสั่งสอนเจ้าเท่านั้น”
“อวิ๋นจิ่น พวกเราเป็นสหายกันมาหลายปี เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นคนเช่นไร ข้าไม่ได้คิดฆ่าเจ้าจริงๆ แค่อยากสั่งสอนเจ้าเท่านั้น”
หลี่เหวินปินพูดไปก็ร้องไห้คร่ำครวญไป แสดงท่าทีว่าตนเองไม่ได้คิดฆ่าเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ลู่เจียวประคองเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่ดูอ่อนแรงเข้ามาในศาล เดินมาถึงหน้าหลี่เหวินปินก็ก้มลงมองเขา
“หึ หึ หลี่เหวินปิน ถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าถึงกับยังกล่าววาจาลวงหลอกแก้ตัวได้อีก ข้าต้องยอมรับว่าข้ามองพลาดไปจริงๆ”
จากเรื่องนี้ทำให้รู้ว่าคนเราไม่ควรมองคนแต่ภายนอก ไม่อาจตัดสินใจคนว่าดีหรือชั่วจากแค่หน้าตา
วันหน้าเขาหากสอบเคอจวี่เป็นขุนนางได้ จะต้องจดจำบทเรียนนี้ไว้
“เจ้าทำร้ายข้าไม่ใช่แค่ครั้งเดียว สี่กว่าปีก่อนเจ้าวางยาข้า สองสามเดือนก่อนเจ้าให้คนชนข้า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็ไม่คิดพูดกับคนผู้นี้ต่อ หันไปมองนายอำเภอหูกล่าวว่า “ใต้เท้านายอำเภอ ข้ามีพยานว่าเมื่อสี่ปีก่อนคนผู้นี้วางยาข้า”
นายอำเภอหูรีบโบกมือ “เบิกพยาน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบหันไปมองหลินตง หลินตงเดินออกไปพาคนผู้หนึ่งเข้ามา คนผู้นี้ก็คือหลิ่วซื่อเหริน
หลิ่วซื่อเหรินสีหน้าแตกตื่นตกใจ ร่างผอมราวกับไม้เสียบผี แต่งกายในชุดยาวที่หลวมโพรกซักจนซีด แค่มองก็รู้ว่ามีชีวิตที่ไม่ดีนัก
พอเขาปรากฏตัว สีหน้าหลี่เหวินปินก็ย่ำแย่ขึ้นมาทันที เขามองหลิ่วซื่อเหรินอย่างดุร้าย ตวาดว่า “หลิ่วซื่อเหริน เจ้าถึงกับกล้ากลับมา? เจ้ายังกล้ากลับมา”
หลิ่วซื่อเหรินโมโหเดินเข้าไปตวาดตอบว่า “ทำไมข้าจะกลับมาไม่ได้ เจ้าเป็นคนทำร้ายผู้อื่น ทำไมข้าต้องไม่กล้ากลับมาด้วย ตอนนั้นข้ารับผิดแทนเจ้า เพราะเจ้าเป็นเขยตระกูลจาง ตอนนี้ดูท่าตระกูลจางไม่สนใจเจ้าแล้ว ดังนั้นทำไมข้าจะไม่กล้ากลับมา”
หลิ่วซื่อเหรินกล่าวจบหันหน้าไปมองนายอำเภอหู ชี้ตัวหลี่เหวินปินกล่าวว่า “คนผู้นี้เมื่อสี่กว่าปีก่อนวางยาเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้วให้ข้ารับผิดแทนว่าข้าเป็นคนวางยาเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ความจริงคนที่วางยาก็คือเขา ไม่ใช่ข้า”
หลี่เหวินปินกัดฟันพุ่งเข้าใส่หลิ่วซื่อเหริน “เจ้าพูดจาเหลวไหล เจ้าเป็นคนทำ”
นายอำเภอหูสีหน้าเย็นเยียบ ตวาดว่า “หยุดนะ นี่คือศาลที่ว่าการอำเภอ ไม่ใช่บ้านเจ้า หากเจ้ากล้าก่อเรื่องอีก ก็ลากออกไปโบยยี่สิบไม้ก่อน”
โบยยี่สิบไม้ย่อมต้องบาดเจ็บหนัก หลี่เหวินปินรีบกลับไปคุกเข่าต่อ เริ่มร้องไห้อีกครั้ง แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขารู้ว่าตนเองพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้เขาได้แต่ฝากความหวังไว้ที่ตระกูลจางแล้ว