ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 233 ไม่กล้ามองมาก
ตอนที่ 233 ไม่กล้ามองมาก
หันถงพอได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่น รีบยิ้มกล่าวว่า “พี่สะใภ้ พี่เห็นไหมพี่อวิ๋นจิ่นเห็นด้วยด้วย พวกเราก็ซื้อขายกันราคานี้ละกัน”
ลู่เจียวไม่เห็นด้วย หากนางรับไว้ เห็นชัดว่าต้องให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นคนตอบแทน งั้นนางเองก็ติดค้างเซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้ว นางไม่อยากติดค้างน้ำใจเขา
แม้ว่านางเมื่อก่อนช่วยเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้มาก แต่นั่นก็เพราะนางทำแทนเจ้าของร่างเดิม ตั้งแต่รับหนังสือหย่ามา นางกับเขาก็เป็นคนสองคนที่แยกจากกันแล้ว
ลู่เจียวครุ่นคิดแล้วก็มองไปยังหันถงกล่าวว่า “ราคานี้ข้าย่อมไม่เอา หรือว่าสักพันสองร้อยตำลึงละกัน”
หันถงได้ฟังคำพูดลู่เจียว มองนางอย่างแปลกใจ ก่อนมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองลู่เจียวด้วยแววตาลุ่มลึก หันถงไม่เข้าใจ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับเข้าใจ ลู่เจียวไม่อยากติดค้างน้ำใจเขา นางต้องการแยกจากเขาให้ชัดเจน
ในใจเซี่ยอวิ๋นจิ่นแอบตกต่ำถึงขีดสุด เงียบไม่พูดจาสักคำ มองลู่เจียวเป็นนานก่อนจะหันไปมองหันถงกล่าวว่า “ก็ซื้อขายตามราคาที่ลู่เจียวว่ามาละกัน”
หันถนมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว รู้สึกตงิดในใจ มักรู้สึกว่าระหว่างสองคนนี้มีอะไรแปลกๆ
แต่ในเมื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่นพูดแล้ว หันถงก็ไม่ดึงดันต่อ “ได้ ตามที่อวิ๋นจิ่นว่า งั้นอวิ๋นจิ๋นจะไปจดทะเบียนเปลี่ยนเจ้าของที่ที่ว่าการอำเภอกับข้าเมื่อไร”
หันถงคิดว่าเปลี่ยนเป็นชื่อเซี่ยอวิ๋นจิ่น เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับชี้ไปที่ลู่เจียวกล่าวว่า “ลงบ้านเป็นชื่อของลู่เจียว”
หันถงยิ่งแปลกใจ ลู่เจียวยิ้มตาหยีกล่าวว่า “รอพวกเราย้ายไปอยู่อำเภอค่อยไปจดทะเบียน ถึงตอนนั้นก็ค่อยมอบเงินแล้วก็เปลี่ยนชื่อในทะเบียนบ้าน”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ลุกขึ้นออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นด้านหลังมองตามนางไปอย่างหม่นหมอง
หันถงด้านหลังถามเซี่ยอวิ๋นจิ่นเบาๆ ว่า “อวิ๋นจิ่น พวกเจ้าสองคนเป็นอะไรไป ทำไมข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ มีเรื่องกันหรือ”
หันถงกล่าวจบก็รู้สึกว่าตนเองเดาความจริงได้แล้ว เขามองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวเตือนใจอย่างหวังดีว่า
“อวิ๋นจิ่น ผู้หญิงต้องเอาใจ เจ้าอย่าได้เอาแต่ทำตัวสูงส่งไม่สนใจ เช่นนั้นก็จะทำให้นางเอาใจออกหากจากเจ้า ผู้หญิงใต้หล้าต้องเอาใจต้องใส่ใจ เรื่องนี้เจ้าต้องเรียนรู้”
หันถงกล่าวเรื่องพวกนี้แล้วก็อดคิดถึงภรรยาที่บ้านตนเองขึ้นมาไม่ได้ อารมณ์ก็แอบเสีย ภรรยาเขา วันๆ เอาแต่ประโคมแป้ง เอาแต่พาสาวใช้ไปเดินตลาดซื้อของ แม้แต่ลูกชายก็ไม่สนใจดูแล แต่แม้เช่นนี้เขาก็ยังเอาใจนาง เพราะไม่อยากให้ในบ้านไม่สงบ
หากครอบครัวเขามีนายหญิงเช่นลู่เจียว ให้เขาเอาใจทั้งวันก็ยินดี ภรรยาที่ดีเช่นนี้ อวิ๋นจิ่นไม่อาจเลอะเลือน
หันถงครุ่นคิดมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น พี่สะใภ้เป็นสตรีดีที่หาได้น้อยจริงๆ หาเงินได้ ทำอาหารได้ ยังสั่งสอนลูกเป็น สำคัญที่สุดก็คือรูปโฉมก็ดี ไม่ต้องถึงว่างามเพียบพร้อม แต่ความจริงก็ต่างกันไม่เท่าไร”
“จริงนะ หากพี่แต่งภรรยาอื่นก็จะรู้ หญิงพวกนั้นมักจะมีข้อบกพร่องนี่นั่น แต่ข้อบกพร่องเหล่านั้นพี่สะใภ้แทบไม่มี พี่ต้องเอาใจนางให้ดี ไม่งั้นรอให้นางไปแล้ว พี่ก็นึกเสียใจภายหลังแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟังหันถงพูดแล้วก็ยิ่งอารมณ์ไม่ดี เขามอบหนังสือหย่าให้นางแล้ว พวกเขาหย่าแล้ว เขานึกเสียใจภายหลังก็ไร้ประโยชน์
แต่แม้ไม่มอบหนังสือหย่าให้ หญิงผู้นั้นก็ไม่ยินดีอยู่ต่ออยู่ดี
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าเยียบเย็น อดเผยกลิ่นอายอึมครึมครอบคลุมใบหน้าไม่ได้ พร้อมกับเปล่งรัศมีอึมครึมปกคลุมรอบกาย
หันถงเห็นเขาเช่นนี้ ก็คิดว่าที่ตนว่ามานั้นเขาฟังไม่เข้าหู ก็กล่าวเตือนใจอย่างอ่อนโยนต่อว่า “สรุป พี่ต้องทะนุถนอมคนตรงหน้านี้ให้ดี หากตอนนี้ไม่ทะนุถนอมไว้ วันหน้านึกเสียใจภายหลังก็ยื้อกลับมาไม่ได้แล้ว”
บ้านตระกูลเซี่ยใช้เวลาครึ่งเดือนก็สร้างเสร็จ แยกเป็นเรือนตะวันออกตะวันตก ครอบครัวเซี่ยอวิ๋นจิ่นอยู่เรือนตะวันออก เรือนตะวันตกเป็นของครอบครัวเซี่ี่ยเอ้อร์จู้อยู่
เริ่มแรกคนในหมู่บ้านไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยอวิ๋นจิ่นต้องสร้างเรือนตะวันออกตะวันตก ตรงกลางยังมีประตูฉุยฮวาเหมินกั้นไว้ เพราะจริงๆ สร้างให้ใหญ่อีกหน่อยได้
พอบ้านสร้างเสร็จ เขาจัดการเรื่องพวกนี้แล้ว ชาวบ้านในหมู่บ้านจึงได้รู้ว่าที่แท้เซี่ยอวิ๋นจิ่นสร้างเรือนตะวันออกตะวันตก ก็เพื่อมอบให้เซี่ี่ยเอ้อร์จู้หนึ่งหลัง
คนที่ยิ่งฉลาดก็เดาออกว่า บางทีเซี่ยอวิ๋นจิ่นสร้างบ้านนี้ก็เพื่อเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ ไม่งั้นเขาไม่จำเป็นต้องเร่งรีบสร้างบ้านในเวลานี้ เพราะพวกเขาได้ยินว่า ครั้งนี้อวิ๋นจิ่นไปเรียนในอำเภอ จะพาทั้งครอบครัวไปอยู่อำเภอด้วยกัน
ดังนั้นเขาทำเช่นนี้ เห็นชัดว่าเพื่อเซี่ี่ยเอ้อร์จู้
คนในหมู่บ้านไม่เพียงชมคุณธรรมเซี่ยอวิ๋นจิ่น ยังชมว่าเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ว่าเป็นคนดีได้รับผลดีตอบแทน
เซี่ี่ยเอ้อร์จู้ไม่ได้เป็นคนดูทึ่มทื่อเหมือนก่อนแล้ว ตอนนี้คล่องแคล่วมีชีวิตชีวามาก กิริยาอาการก็มีท่ามีทาง ใบหน้าก็มีแต่รอยยิ้มเบิกบาน
ตอนนี้เขามีบ้าน มีเงินทอง นับเป็นชายชาตรีแท้จริง และทุกสิ่งนี้ได้มาเพราะน้องสามเขา
ในใจเซี่ี่ยเอ้อร์จู้ก็ยิ่งตัดสินใจได้ วันหน้าต้องดีกับครอบครัวน้องสาม ที่สำคัญที่สุดก็คือฟังคำน้องสามกับน้องสะใภ้สาม พวกเขาสองคนฉลาดมาก
“ท่านลุงเอ้อร์จู้ คนดีได้รับผลดีตอบแทน”
“ดังนั้นคนเราเป็นคนดีไว้ดีกว่า คนดีอยางไรก็ได้รับผลดีตอบแทน”
“ใช่ คนเลวก็ย่อมได้รับผลกรรมตอบสนอง”
เพราะมีเรื่องเช่นนี้ ทำให้บรรยากาศหมู่บ้านตระกูลเซี่ยก็ยิ่งดี
บ้านใหม่สร้างเสร็จ พอย้ายบ้านเสร็จก็จะต้องจัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ ลู่เจียวเช้ามาก็ให้ลู่กุ้ยไปซื้อหมูครึ่งตัว ปลาสิบกว่าตัวมาจากในเมือง ยังซื้อไก่และเป็ดมาอีกหลายตัว
งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ตระกูลเซี่ย อาหารจานใหญ่แปดอย่าง และล้วนเป็นอาหารจานเนื้อ ที่สำคัญที่สุดคือปริมาณมาก
ไม่เพียงอาหารดี ข้าวดี ลู่เจียวยังบ่มสุราอีกสองสามไห งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ตอนเที่ยงครึกครื้นกันราวกับปีใหม่
ผู้ใหญ่บ้านนำชนจอกสุรากับเซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียว “หมู่บ้านตระกูลเซี่ยเรามีชีวิตดีๆ เช่นวันนี้ได้ ก็ล้วนเพราะอวิ๋นจิ่นกับภรรยาอวิ๋นจิ่น ข้าก็ขอเป็นตัวแทนหมู่บ้านตระกูลเซี่ยขอบคุณพวกเจ้า”
ผู้ใหญ่บ้านดื่มไปจอกหนึ่ง เพราะขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นเจ็บ ไม่อาจดื่มสุราได้ ดังนั้นจึงดื่มน้ำผลไม้ที่ลู่เจียวคั้น
ในแก้วลู่เจียวเป็นสุรา แต่นางเพิ่งจิบไปคำหนึ่ง ก็ถูกเซี่ยอวิ๋นจิ่นรั้งไว้
“เจ้าดื่มคำหนึ่งพอเป็นพิธีก็พอ อย่าดื่มมาก ทำลายสุขภาพ”
พอเขากล่าวขึ้น ก็มีคนบนโต๊ะอาหารเอ่ยสัพยอก ยิ้มกล่าวว่า “ภรรยาอวิ๋นจิ่นเจ้าอย่าดื่มเลย อวิ๋นจิ่นปวดใจ เจ้าดื่มพอเป็นพิธีก็พอ”
ผู้ใหญ่บ้านเองก็ยิ้มกล่าวว่า “ใช่ เจ้าดื่มพอเป็นพิธีก็พอ”
สีหน้าลู่เจียวปกติ นิ่งเรียบอย่างมาก กลับเป็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นที่ถูกทุกคนสัพยอกจนใบหูแดงอย่างไม่อาจระงับ แม้ว่าเขินมาก แต่ในใจเขากลับมีความรู้สึกหวานล้ำหนึ่งทะลักขึ้นมา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหันไปมองลู่เจียวทันที เห็นนางแก้มแดงเป็นสีชาดเพราะดื่มสุรา ใบหน้ายิ่งงามชวนหลงใหล
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองจนใจเต้นแรง ไม่กล้ามองต่อ รีบเบือนสายตาไปทางอื่น
ไม่ไกลนัก เจ้าหนูน้อยทั้งสี่นั่งอยู่กับบ้านตระกูลลู่
ก่อนหน้านี้ตระกูลเซี่ยสร้างบ้าน ลู่กุ้ยกลับไปบอกเรื่องนี้กับบ้านตระกูลลู่ บ้านตระกูลลู่ก็หยุดกิจการร้านเต้าหู้ มาช่วยกันทั้งบ้าน
งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ครั้งนี้ก็มากันทั้งครอบครัว
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่นั่งกินข้าวอยู่กับคนบ้านตระกูลลู่ เถียนซื่อกับลู่กุ้ยดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
ยามนี้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่เห็นท่านพ่อกับท่านแม่หน้าแดงเช่นนี้ สี่หนูน้อยก็รู้สึกดีใจมาก พากันอุดปากหัวเราะคิกคัก
เถียนซื่อมองเห็นทุกอย่าง ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
นางมองลูกเขยกับลูกสาวอยู่ไกลๆ มองอย่างไรทั้งสองคนก็ไม่เหมือนคนที่จะหย่ากัน และดูท่าทางลูกเขยก็ไม่เหมือนว่าไม่ชอบลูกสาวนาง