ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 121 ร้ายกาจจริง
ตอนที่ 121 ร้ายกาจจริง
ซื่อเป่าเงยหน้ามองลู่เจียวพลางวาดมือ “ท่านแม่ วันหน้าข้าจะหาเงินมากมายขนาดนี้ ซื้อของกินให้ท่านแม่ทุกวัน ยังจะซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ให้ท่านแม่ ให้ท่านแม่ดีใจทุกวันเลย”
เจ้าหนูน้อยพูดถึงเรื่องเบิกบานใจ มือเท้าก็กวัดแกว่งไปมาอย่างมีความสุขมาก
ลู่เจียวอดยิ้มมุมปากไม่ได้ นางยกมือลูบหัวซื่อเป่ากล่าวว่า
“อืม แม่จะรอ”
ลู่เจียวกล่าวจบแบ่งขนมส่งให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ “พวกเจ้าก็กินด้วยสิ กินเสร็จแล้วพวกเราก็กินข้าวกลางวันกัน เดี๋ยวตอนบ่ายเพื่อนๆ ในหมู่บ้านก็มากันแล้ว พวกเจ้าต้องสอนเพื่อนๆ เรียนคัมภีร์สามอักษรนะ”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ได้ยินว่าสอนเด็กในหมู่บ้านอ่านหนังสือ ก็ตื่นเต้นดีใจ พวกเขาจะได้เป็นอาจารย์น้อย คิดแล้วก็ตื่นเต้น
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่แบ่งขนมแป้งข้าวเหนียวหรูอี้กินกับลู่เจียวจนหมด
ลู่เจียวตักข้าวยกเข้าไปในห้องโถงให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กินก่อน ส่วนนางยกอาหารไปเรือนนอนตะวันออกเตรียมป้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกลับให้นางกินก่อน
“วันนี้เจ้ายุ่งมาตั้งนาน กินก่อนเถอะ”
ลู่เจียวกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “ไม่เป็นไร พวกลูกๆ ทั้งสี่ก่อนหน้านี้ให้ข้ากินขนมแป้งข้าวเหนียวหรูอี้ไปแล้ว ข้าป้อนเจ้าก่อน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตั้งใจจะพูดต่อ แต่ลู่เจียวไม่สนใจเขาแล้ว ยกข้าวมาจะป้อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นขยับตัวเล็กน้อย กล่าวว่า “ลู่เจียว วันนี้ขาข้าไม่ได้ปวดมากแล้ว เจ้าว่าข้าลุกขึ้นนั่งได้ไหม หากลุกนั่งได้ ข้าก็กินเองได้”
ตอนนี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นนอกจากขาที่ยังขยับไม่ได้ อาการกระทบกระเทือนสมองและม้ามที่บาดเจ็บก็ดีขึ้นมากแล้ว โดยพื้นฐานไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้แต่ซี่โครงที่หักก็ไม่เจ็บแล้วด้วย
ลู่เจียวคิดแล้วก็รู้สึกว่าลุกขึ้นนั่งได้ไม่เป็นปัญหา ระวังหน่อยก็พอ
“งั้นข้าประคองเจ้าลุกขึ้นนั่ง เจ้าอย่าขยับขาก็พอ”
ลู่เจียวประคองเซี่ยอวิ๋นจิ่นลุกขึ้นนั่ง ก่อนเอาข้าวมาวางให้เขา
“เจ้ากินเองได้ใช่ไหม”
“ได้ เจ้าไปกินข้าวเถอะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นหน้าตาผ่อนคลาย แววตาดำลุ่มลึกเหมือนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าหล่อเหลาราวหยกของเขาเปล่งประกายความอ่อนโยนออกมา
คนเช่นเขาสลัดความเย็นเยียบทิ้งไป อบอุ่นราวกับไผ่เขียว
ลู่เจียวอดมองอีกสองสามทีไม่ได้ ในใจก็แอบคิดว่า ก็หวังว่าวันหน้าคนผู้นี้จะไม่กลายเป็นตัวร้ายก็แล้วกัน
นางคิดแล้วก็เดินออกไปกินข้าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้างหลังตะโกนเรียกนาง “ลู่เจียว”
ลู่เจียวชะงักหันกลับมามอง เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนาง กล่าวอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณเจ้าแล้ว”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องเกรงใจเช่นนี้ รีบกินข้าวเถอะ”
ลู่เจียวกล่าวจบก็ก้าวเท้าออกไป เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่ข้างหลังเลิกคิ้ว ลู่เจียวเหมือนจะผอมลงอีกแล้ว ตอนนี้แม้นางยังคงอ้วนเหมือนเดิม แต่กลับให้ความรู้สึกงามชวนพิศ ใบหน้ากระจ่างสดใสราวกับบุปผาในฤดูใบไม้ผลิ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดแล้วอารมณ์ก็เบิกบานอย่างมาก เขายื่นมือออกไปยกชามข้าวมากิน
เดิมคิดว่าตนเองจะกลายเป็นคนพิการ แต่นี้ไปตกสู่ห้วงนรกแล้ว คิดไม่ถึงว่าเพราะสตรีผู้นี้ จึงได้พบแสงตะวันอีกครั้ง
ใบหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นอดยิ้มออกมาไม่ได้
นอกห้อง เสียงลู่เจียวดังแว่วเข้ามาอยู่ตลอด อ่อนโยนนุ่มนวล ราวกับน้ำพุเสนาะหู
“ตอนบ่ายสอนเด็กเรียนคัมภีร์สามอักษร สี่คนผลัดกันสอน ต้องเป็นมิตรกับเพื่อนๆ อย่าได้ก้าวร้าวเกินไป เพื่อนๆ ในหมู่บ้านไม่เคยเรียนมาก่อน ดังนั้นพวกเจ้าต้องอดทนหน่อย”
“ท่านแม่ พวกเราทราบแล้ว”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ ลู่เจียวอมยิ้มพยักหน้า มองเด็กๆ ทั้งสี่กล่าวว่า
“แม่กินข้าวเสร็จก็จะทำของเล่นให้พวกเจ้า พวกเจ้าจะได้เล่นกับเพื่อนๆ ”
พอได้ยินว่าของเล่น เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ตื่นเต้นกันทันที พากันมองลู่เจียว “ท่านแม่ ท่านจะทำของเล่นอะไรให้พวกเรา”
“กระดานลื่น”
ที่ลู่เจียวทำกระดานลื่นให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่นั้นมีสาเหตุ เด็กๆ ควรออกกำลังกายมากๆ ออกกำลังกายมากก็จะทำให้กินมาก กินมากก็จะทำให้ตัวสูงอ้วนท้วน
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ไม่รู้ว่ากระดานลื่นคืออะไร แต่ก็ไม่ส่งผลต่อความตื่นเต้นของพวกเขา
“ท่านแม่ พวกเรากินเสร็จก็จะทำกันเลยใช่ไหม”
“ได้สิ รอแม่กินข้าวเสร็จก็จะทำให้พวกเจ้า”
ลู่เจียวมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ที่กำลังตื่นเต้นก็ยกมุมปากหัวเราะเบาๆ ตอนนี้ขาเซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ผ่าตัดแล้ว ขอเพียงพักผ่อนนิ่งๆ ก็พอ จากนี้นางต้องเลี้ยงดูเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ให้อ้วนท้วน ยังต้องปลูกฝังนิสัยที่ดีงามให้พวกเขาอีกด้วย
นางตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะเริ่มต้นจัดแผนออกกำลังกายให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ ให้พวกเขาทำจนชินเป็นนิสัย วันหน้านางไปแล้ว พวกเขาก็จะได้ทำตามแผนนี้
แม่ลูกห้าคนนอกห้องคุยเรื่องกระดานลื่นอย่างตื่นเต้น ในห้อง เซี่ยอวิ๋นจิ่นฟังเสียงเคลื่อนไหวด้านนอก รอยยิ้มมุมปากอย่างไรก็หุบไม่ลง กลิ่นอายความอ่อนโยนและอบอุ่นกำจายออกมารอบตัว
ลู่เจียวกินข้าวเสร็จก็เก็บจานชาม แล้วเข้าไปเก็บในเรือนนอนตะวันออก
เจ้าแฝดสี่ตื่นเต้นดีใจราวกับลูกเจี๊ยบ พากันรุมล้อมนาง
พอเจ้าแฝดสี่เข้ามาในห้อง ก็มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลางกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่จะทำของเล่นให้พวกเรา”
“กระดานลื่น”
“พวกเราจะทำกับท่านแม่ด้วย”
“ท่านแม่ว่ากระดานลื่นก็คือไม้กระดานที่มีล้อสองล้อ ให้คนขึ้นไปยืนแล้วไถไปกับพื้นได้”
พอซื่อเป่าพูด เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้ว่านั่นเป็นของเล่นแบบไหน แต่เขาก็ยังแอบเป็นห่วง หันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “กระดานลื่นไม่อันตรายกระมัง”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ด้านล่างเป็นล้อไม้ ไม่อันตรายมาก”
นับประสาอันใดกับด้านนอกยังเป็นพื้นดิน หากเป็นล้อเหล็กกับพื้นปูนก็อาจจะอันตราย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็วางใจ มองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ยิ้มกล่าวว่า “พวกเจ้าระวังหน่อยล่ะ”
“ท่านพ่อ รู้แล้วน่า พวกเราต้องระวังอยู่แล้ว”
“อืม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองตามแม่ลูกห้าคนออกไป เห็นลู่เจียวดูแลเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อย่างอ่อนโยนใส่ใจ ในใจก็เกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นมา เจ้าแฝดสี่ทำไมโชคดีขนาดนี้ ได้พบกับมารดาอย่างลู่เจียว
เขาเองกลับไม่เคยพบเห็นท่านแม่ที่เมตตาอ่อนโยนเช่นนี้ แต่เล็กเขานึกอิจฉาเด็กๆ ที่มีมารดาคอยให้ความรักพวกนั้นมาก น่าเสียดายที่เขาไม่มี
ตอนเด็ก เพราะเขาไม่มีมารดาคอยให้ความรัก ดังนั้นนิสัยจึงค่อนข้างเย็นชา เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านพ่อท่านแม่ก็ยิ่งไม่ชอบเขา
จนกระทั่งอาจารย์เฉินพาเข้าสำนักศึกษา พวกเขาจึงได้ดีกับเขาขึ้นมาหน่อยหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ดีด้วยเพราะเห็นว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้พวกเขาได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแผ่กลิ่นอายดำทะมึนออกมารอบกายอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ชีวิตเขาต่างจากเมื่อก่อนอย่างมาก ไยต้องคิดเรื่องในอดีตที่ไม่เบิกบานใจ
นอกห้อง ลู่เจียวเริ่มทำกระดานลื่นให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ กระดานลื่นที่นางทำนั้นง่ายมาก ใช้แค่ไม้แผ่นหนึ่ง ด้านล่างมีล้อไม้สองล้อติดกับแผ่นไม้ จากนั้นให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ขึ้นไปไถดู
“อย่าลืมนะ ต้องรักษาสมดุลร่างกาย”
เจ้าแฝดสี่ไม่เคยเล่น เริ่มแรกยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่ยอมเล่น
ต่อมาเอ้อร์เป่าที่มักว่าตนเองกล้าหาญเป็นคนขึ้นลองก่อน
เอ้อร์เป่าล้มตีลังกาติดกันสองที ครั้งที่สามก็ยืนมั่นคงไถไปได้หลายก้าว
เด็กอีกสามคนมองดูกันตาค้าง
กระดานลื่นร้ายกาจมาก แคคนยืนด้านบนก็ราวกับบินได้
ซานเป่า ซื่อเป่าต่างร้องตะโกนอย่างตื่นเต้น พวกเขาจะเล่นด้วย
ลู่เจียวทำอีกสองอันให้พวกเขา ทั้งหมดสามกระดานลื่น พี่น้องผลัดกันเล่น
ซานเป่า ซื่อเป่าเล่นเป็นอย่างรวดเร็ว มีแต่ต้าเป่าที่อย่างไรก็จับเคล็ดลับไม่ได้ ล้มตีลังกาติดกันหลายทีก็ยังเล่นกระดานลื่นไม่เป็น
แต่ความดื้อรั้นไม่ยอมของเด็กน้อยก็จุดประกายขึ้นมาด้วย เขาฮึดสู้กับกระดานลื่น ตกลงมาก็ไม่ร้องไห้ ขึ้นไปไถกระดานต่อ
สุดท้ายเอ้อร์เป่าก็วิ่งมาสอนเขาว่าจะยืนให้นิ่งได้อย่างไร ไถล้ออย่างไร
ลู่เจียวอมยิ้มมองลูกทั้งสี่ในลานบ้าน ยามนี้นอกจากแฝดสี่ เด็กอื่นๆ ในหมู่บ้านตระกูลเซี่ยก็มากันแล้ว
พวกเขาได้เห็นหนูน้อยทั้งสี่เล่นกระดานลื่นอยู่ในลานบ้าน แต่ละคนจ้องมองอย่างอิจฉา