ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 1024 เมืองหนิงโจว
ตอนที่ 1024 เมืองหนิงโจว
เซี่ยอวิ๋นจิ่นบีบคอซั่งกวนเฮ่อ มองดูลูกน้องเขาที่ล้อมอยู่โดยรอบด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ตวาดดุดันว่า “อยากให้นายพวกเจ้าตาย ก็เข้ามาสิ”
คนพวกนั้นไม่กล้าขยับ
บรรดาคนที่ซุ่มอยู่นอกศาลเจ้าที่ร้าง พอเห็นสัญญาณแจ้งภัยก็รีบขึ้นเขามาทันที
ลูกน้องซั่งกวนเฮ่อเห็นท่าไม่ดี คนหัวไวพากันถอย คนโง่ก็เข้าปะทะ
แต่เพราะเซียวเหวินอวี๋ส่งคนมามาก ลูกน้องซั่งกวนเฮ่อถูกสังหารอย่างรวดเร็ว นอกจากพวกที่หนีไปได้ไม่กี่คน ที่เหลือถูกสังหารหมดสิ้น ซั่งกวนเฮ่อถูกจับกุม
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งเขาให้จ้าวเหิง กำชับเขาว่า “ทำลายวรยุทธ์เขาก่อน ใส่กุญแจมือเท้าเขาไว้ ให้เขาแม้ติดปีกก็บินหนีไม่พ้น”
“ขอรับ ใต้เท้า”
จ้าวเหิงไม่เพียงแต่ทำลายวรยุทธ์ซั่งกวนเฮ่อ ยังตัดเอ็นแขนขาเขาขาด ซั่งกวนเฮ่อได้กลายเป็นสุนัขไร้บ้านตัวหนึ่งอย่างแท้จริงแล้ว
เซียวเหวินอวี๋มีราชโองการให้ประหารตัดศีรษะกลางลานประหารในเมืองหลวงที่ประตูอู่เหมิน
วันประหารตัดศีรษะ ราษฎรทั้งในและนอกเมืองหลวงต่างพากันมาชมกันอย่างครึกครื้น คิดถึงว่าซั่งกวนเฮ่อคิดทำร้ายพวกเขา ทำร้ายฮ่องเต้ คนไม่น้อยก็พากันคว้าเศษใบไม้ต้นไม้แห้งและไข่เน่ามาปาใส่เขา
ยามนี้ซั่งกวนเฮ่อราวกับสุนัขไร้สัญญาณชีพ แม้แต่เดินก็ยังไม่ได้ ได้แต่ถูกคนลากขึ้นลานประหาร
เขาไม่มีทางยอมรับได้ว่าสุดท้ายต้องจบลงเช่นนี้ เขากลับมาเกิดใหม่ ไม่ใช่ว่าควรมีชีวิตที่ดียิ่งกว่าภพก่อนหรือ เหตุใดเดินมาถึงสุดท้ายกลับมีจุดจบเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไร ไม่ ไม่ควรเป็นเช่นนี้
ซั่งกวนเฮ่อคำรามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ ไม่ควรเป็นเช่นนี้ ไม่ควรเป็นเช่นนี้”
เขาคำรามจบ รองเท้าเหม็นเน่าข้างหนึ่งก็ปาใส่หน้าเขาเต็มแรง
เขาโมโหถลึงตาหันไปมองเห็นซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยืนมองเขาอยู่เงียบๆ ท่ามกลางฝูงชน นางกำลังยิ้มเยาะใส่เขาพร้อมกับสบถออกมาว่า
อวี๋เซวียน วันนี้เจ้าตายแน่
ซั่งกวนเฮ่อแววตาแดงก่ำ เสียงคำรามดังก้อง อ๊ากกกก
น่าเสียดายขุนนางคุมลานประหารโยนคำสั่งประหาร พร้อมกับออกคำสั่ง “ประหาร”
ดาบยาวสะบัดใส่ลำคอซั่งกวนเฮ่อ ศีรษะกระเด็นออกไปทั้งที่สองตายังเบิกโพลง ตายตาไม่หลับ น่าเสียดายไม่มีผู้ใดสงสารเขา
ราษฎรที่มุงดูโดยรอบพากันปรบมือสะใจ
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนท่ามกลางฝูงชนเงยหน้ามองท้องฟ้าพึมพำว่า หรงกุย ในที่สุดข้าก็แก้แค้นให้เจ้าแล้ว
ความหวาดกลัวเป็นกังวลในเมืองหลวงติดต่อกันมาหลายวันก็พลันสงบลง
ตระกูลเซี่ยมีแขกมาเยือนเพื่อมาขอบคุณลู่เจียวทุกวัน ขอบคุณที่ก่อนหน้านี้นางช่วยลูกหลานของพวกเขาไว้
ลู่เจียวรู้สึกรำคาญไม่น้อย จึงตัดสินใจพาหลู่หนิงและซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกับหลานสาวตัวน้อยอีกสองคนไปจากเมืองหลวง เดินทางกลับเมืองหนิงโจว
ส่วนเซียวเหวินอวี๋กับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนจะได้อยู่ร่วมกันหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาต้องคิดไตร่ตรอง หากแต่ต้องดูว่ามีวาสนาได้อยู่ร่วมกันหรือไม่ หากไร้วาสนาย่อมไม่มีทางได้อยู่ร่วมกัน
พอเซียวเหวินอวี๋ได้ข่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวก็พาทุกคนเดินทางไปจากเมืองหลวงแล้ว
โจวโย่วจิ่นหรี่ตามองฝ่าบาทด้วยท่าทีระแวดระวัง “ฝ่าบาท ต้องการให้บ่าวไปรั้งไว้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เขารู้ว่าฝ่าบาทชอบองค์หญิงแปดซีเหลียงเช่นนั้น ก่อนหน้านี้มีฮองเฮาขวางทางอยู่ แม้ในใจฝ่าบาทคิด แต่ก็ไม่อาจอภิเษกกับนาง ตอนนี้ไม่มีฮองเฮาแล้ว เขาอภิเษกกับองค์หญิงแปดและแต่งตั้งนางเป็นฮองเฮาได้แล้ว
น่าเสียดายเซียวเหวินอวี๋ไม่เห็นด้วย “เอาละ วันๆ สมองคิดแต่เรื่องอันใดกัน”
ครั้งนี้เขาคิดหาฮองเฮาที่ตรงดังใจเขาและมีความสามารถ นางจะต้องรักเขา ชีวิตในชาติหนึ่งจะว่ายาวนานก็ไม่ยาวนาน จะว่าสั้นก็ไม่สั้น หาคนรู้ใจเคียงข้างสักคนคงจะดีกว่า
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวนั่งเรือเดินทางไปจากเมืองหลวง เดิมลู่เจียวคิดว่าไม่แน่ว่าเซียวเหวินอวี๋อาจส่งคนมาขวางเรือพวกเขา ตามซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนกลับเมืองหลวง คิดไม่ถึงว่าเรือแล่นมาได้ครึ่งทางก็ไม่เห็นเซียวเหวิน อวี๋ส่งคนมาขวางเรือพวกเขา
ลู่เจียวเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความคิดเซียวเหวินอวี๋ นางรู้ว่าบุตรชายชอบอวิ๋นเยี่ยน แต่ตอนนี้กลับทำนิ่งเฉย หมายความเยี่ยงไร
เอาละ ตามใจเขา
“อวิ๋นเยี่ยน ถึงเมืองหนิงโจวแล้ว เจ้าอยากทำอันใด”
ลู่เจียวถามซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนอมยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ไม่ได้รับตำแหน่งหัวหน้าสำนักยาหลวงเมืองหนิงโจวหรือ ข้าไปทำงานกับท่านแม่”
“ได้ ขอเพียงเจ้าไม่รังเกียจว่าลำบาก”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนยิ้ม “ท่านแม่เอ่ยอันใดกัน”
ลู่เจียวคิดถึงว่าภพก่อนนางเคยทนลำบากมา คิดถึงว่าสตรีนางหนึ่งเกิดในยุคกลียุค นางย่อมต้องผ่านความลำบากมาไม่น้อย
ลู่เจียวยื่นมือไปโอบกอดนางไว้ “เอาละ เมืองหนิงโจวดีมาก เจ้าอยู่เมืองหนิงโจวต้องเบิกบานใจเป็นแน่ วันหน้าเจ้าจะได้ใช้ชีวิตอย่างเบิกบานใจ ไม่ว่าทำอันใด ขอเพียงเบิกบานใจก็พอ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนพยักหน้าเต็มแรง พลันเงยหน้ามองไปยังลู่เจียวกล่าวว่า “ท่านแม่ ท่านรู้ไหมว่าข้าคิดอยากทำอันใดมากที่สุด”
ลู่เจียวปล่อยนางพลางถามอย่างอยากรู้ว่า “เจ้าคิดทำอันใด รักษาผู้ป่วยหรือ”
ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนส่ายหน้า “เมื่อก่อนข้าคิดว่าการรักษาผู้ป่วยเป็นงานที่สูงส่งที่สุด ต่อมาหลังผ่านโลกกลียุคมาได้ ก็ค้นพบเรื่องหนึ่ง โลกเรานี้ช่างไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงและเด็กอย่างมาก ผู้หญิงมีชีวิตที่ยากลำบาก ไม่เพียงแต่แม่สามีทรมาน ผู้ชายคิดตีก็ตี คิดด่าก็ด่า ผู้หญิงเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง ผู้ชายถึงกับซื้อขายผู้หญิงกับเด็กได้ ไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงและเด็กจริงๆ”
“อีกอย่าง ท่านแม่รู้ไหม บางครอบครัวให้กำเนิดบุตรสาว ไม่เพียงแต่ไม่พอใจ ถึงกับกดจมน้ำตาย ภพก่อนข้ามักคิดว่าหากมีองค์กรช่วยเหลือผู้หญิงและเด็กได้ก็จะดีอย่างมาก เช่นนั้นผู้หญิงก็จะมีชีวิตที่เบิกบานใจได้บ้าง แม้ว่าข้าเป็นหมอ แต่ก็ช่วยได้เพียงส่วนเล็กๆ ไม่อาจช่วยคนจำนวนมากได้”
ลู่เจียวได้ฟังซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนก็เข้าใจความคิดนาง เพราะสถานะผู้หญิงต่ำต้อย นางคิดจะช่วยปกป้องพวกผู้หญิงด้วยกัน และช่วยทารกเพศหญิงที่น่าสงสารเหล่านั้น
ความจริงลู่เจียวก็สังเกตเห็นเรื่องพวกนี้นานแล้ว อย่าว่าแต่ในชนบทที่มีผู้หญิงน่าสงสาร แม้แต่ผู้หญิงในตระกูลเก่าแก่แต่ละตระกูลในเมืองหลวงเองก็ต้องทนรองรับการทรมานจากมารดาสามี ทนรองรับอารมณ์ผู้ชาย ผู้ชายมีสามภรรยาเอกสี่อนุภรรยาเป็นเรื่องปกติ หลายครอบครัวถึงกับยังให้ท้ายอนุภรรยาทำร้ายภรรยาเอก ในยุคนี้โหดร้ายต่อผู้หญิงมาก ยุคสมัยที่ผู้ชายกุมอำนาจสูงสุด ผู้หญิงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับ แต่หากคิดช่วยผู้หญิงกับเด็กเหล่านี้ก็ใช่ว่าไร้หนทาง
เช่นสร้างองค์กรสตรีขึ้นมา แน่นอนว่าองค์กรเช่นนี้ ผู้อื่นตั้งไม่ได้ แต่หากฮองเฮามีราชโองการจัดตั้งองค์กรเช่นนี้ก็จะทำได้ แม้ว่าไม่อาจช่วยยกระดับผู้หญิงให้เทียบเท่ากับผู้ชาย แต่ก็ใช้อำนาจบารมีฮองเฮาช่วยผู้หญิงกับเด็กให้มีสถานะสูงขึ้น หากฝ่าบาทเห็นด้วยก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการช่วยผู้หญิงและเด็ก
ลู่เจียวคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็คุยกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนอย่างตื่นเต้นยินดี
ที่แท้ซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนมีความคิดเช่นนี้ พอลู่เจียวเอ่ยถึงองค์กรเช่นนี้ขึ้นมาก็พลันรู้สึกว่านี่คือเรื่องที่นางคิดจะทำ แต่พอได้ยินว่าองค์กรเช่นนี้ต้องได้รับราชโองการจากฮองเฮาให้จัดตั้งขึ้น นางก็นิ่งอึ้งไร้วาจาไปทันที
“เอาละ เอาละ พวกเราทุ่มเทความสามารถทำสิ่งที่ควรกระทำให้เต็มที่ก็พอแล้ว”
เรือเดินทางได้สิบวันก็มาถึงเมืองหนิงโจว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวไม่ร้อนใจไปไปสำนักศึกษากับสำนักยาหลวง แต่พาทุกคนไปตระกูลเซี่ย
แม้ว่าบ้านตระกูลเซี่ยที่นี่ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเมืองหลวง แต่ก็มิได้เล็ก นับประสาอันใดกับครั้งนี้กลับมา ก็มีเจ้านายมาด้วยแค่ไม่กี่คน สถานที่พออาศัยอยู่ได้
ลู่เจียวจัดที่พักให้หลู่หนิงกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยนแล้วก็ให้พวกนางกลับเรือนตนเองไปพักผ่อนก่อน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพาคนไปสำนักศึกษาเมืองหนิงโจวจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่วนลู่เจียวรีบอาบน้ำแปรงฟันไปพักผ่อน นางเหนื่อยมากจริงๆ
………………