ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - ตอนที่ 297 ลูกรัก กัดไอ้หมอนี่ให้ตาย!
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- ตอนที่ 297 ลูกรัก กัดไอ้หมอนี่ให้ตาย!
ในเมืองประจิมเร้นลับ เจ้าเมืองก่งเหยากำลังเดินตามสตรีร่างสูงโปร่งด้วยท่าทางเคารพนบนอบ ข้างกายเขาคือบุตรชายคนโต ก่งเซวียน ผู้ซึ่งใบหน้าไม่ได้มีเพียงความเคารพเหมือนบิดา แต่ยังเผยความชื่นชอบเชิงชู้สาวที่แรงกล้าเกินกว่าจะปกปิดได้
ก่งเซวียนรู้สึกราวกับมีเพลิงรักเผาไหม้อยู่ในใจ ร่างของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวยามที่ปรายตามองสตรีตรงหน้า ชายหนุ่มไม่เคยเจอสตรีที่งดงามเท่านางมาก่อนในชีวิต เพียงแรกพบเขาก็ตกหลุมรักเข้าเต็มเปา
ผู้อาวุโสลำดับสามของสำนักความลับแห่งสวรรค์ หนี่หยัน เป็นผู้ที่เล่าลือกันว่ามีพลังปราณแข็งแกร่งแซงหน้าใครอยู่ในขั้นเทพแห่งสงคราม ทั้งยังมีใบหน้างดงามจนไม่อยากเชื่อสายตา ทุกส่วนของร่างกายนางดูสวยงามจับใจจนทำให้ก่งเซวียนถึงกับโง่หัวไม่ขึ้น
หนี่หยันเดินทอดน่องอยู่บนกำแพงเมืองพร้อมเอามือไพล่หลัง ผมยาวสีดำปล่อยสยายเป็นริ้วเหมือนน้ำตก นางเงยหน้าขึ้น ผิวกระจ่างตาเป็นสีชมพูเรื่อ ดวงตามองไปยังท้องฟ้ามืดมิดที่อยู่ไกลออกไป
“เจ้าส่งแค่กองทหารลำดับสามไปที่เมืองโม่หลัวเช่นนั้นหรือ” หนี่หยันถามเสียงนิ่ง น้ำเสียงดูเย็นชาเล็กน้อย
“ผู้อาวุโสหนี่ ท่านอย่าได้ดูถูกกองทหารลำดับสามเด็ดขาด แม้จะเป็นกองทหารที่อ่อนแอที่สุดในเมืองประจิมเร้นลับ แต่ก็ยังเทียบเท่าได้กับกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองอื่นๆ ถึงอย่างไรก็มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นกำลังเสริมให้เมืองโม่หลัวอย่างแน่นอน” ก่งเซวียนตอบอย่างมั่นใจ
ก่งเหยาลูบเคราตนเองพลางยิ้มออกมา เขาเชื่อมั่นในความมั่นใจของบุตรชาย ในฐานะเจ้าเมืองประจิมเร้นลับที่ดูแลดินแดนฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือมาหลายต่อหลายปี เขาแทบไม่เคยเจอสิ่งใดที่เป็นภัยอันตรายต่อเมืองประจิมเร้นลับเลย ด้วยเหตุนี้ชายชราจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าใดนัก
หนี่หยันมุ่นคิ้ว หันหน้าไปมองชายหนุ่มรูปงามที่มีนิสัยมุทะลุดุดันด้วยสายตาไร้อารมณ์ ก่อนเอ่ยถาม “หากกองทหารลำดับสามทำภารกิจไม่สำเร็จแล้วโดนทำลายจนราบคาบเล่า”
“เป็นไปไม่ได้…” ก่งเซวียนพึมพำตอบ
“หึ… หากเมืองโม่หลัวถูกยึด เมืองประจิมเร้นลับก็จะเสียหน้าด่านสำคัญจนอาจถูกกองทัพข้าศึกล้อมปราบ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ามีไพ่ตายอะไรซ่อนอยู่ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยไม่ให้ปีศาจร้ายจากลัทธิอสุราสังหารหมู่ผู้คนตามใจชอบเพียงเท่านั้น ส่วนเมืองประจิมเร้นลับจะอยู่หรือจะไป… ก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของข้า”
หนี่หยันยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ตอนนี้หญิงสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก นางหันไปมองคู่พ่อลูกอีกครั้งพลางเอ่ยคำพูดนี้ออกมา ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที
ก่งเหยาและก่งเซวียนตัวแข็งทื่อพลางหันมามองหน้ากัน
“ท่านพ่อ… หรือเราควรส่งกองทหารลำดับหนึ่งไป สิ่งที่ผู้อาวุโสหนี่พูดฟังมีเหตุผลทีเดียว” ก่งเซวียนเสนอขึ้นมาหลังจากคิดอยู่สักพัก
“พ่อให้เจ้าตัดสินใจตามเห็นสมควร” ก่งเหยาลูบเคราพร้อมหัวเราะหึๆ ในลำคอ
…
“เป็นแค่ระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการ... กล้าดีอย่างไรมาทำตัวกำเริบเสิบสานเช่นนี้” ผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราลอยอยู่บนอากาศ มือหนึ่งถือยันต์หยกห้าแผ่นเอาไว้ วงแหวนปราณยังคงหมุนวนเพื่อดูดเอาแก่นวิญญาณเข้ามากักเก็บไว้ภายใน
วงแหวนปราณมีขนาดใหญ่โตมาก ปู้ฟางพินิจสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ต้องมุ่นคิ้ว
“ศิษย์พี่ปู้ ไอ้หมอนี่มันเป็นปีศาจร้ายจากลัทธิอสุรา… พลังปราณของมันสูงส่งเป็นอันมาก พวกนี้เป็นกลุ่มเดียวกับที่ก่อชนวนสงครามในจักรวรรดิวายุแผ่ว ทั้งยังยึดเอาแก่นวิญญาณจำนวนมากไว้กับตัวด้วย ข้าบอกได้เลยว่าคนพวกนี้กำลังคิดทำเรื่องชั่วร้ายอยู่แน่นอน เราต้องหยุดเขาให้ได้นะขอรับ!” ถังอิ่นเอามือข้างหนึ่งกุมหน้าอกไว้ เลือดยังคงไหลออกจากมุมปากขณะที่เอื้อนเอ่ย
“ลัทธิอสุรารึ” ปู้ฟางหรี่ตา กลุ่มอำนาจใหม่นี้เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่ชายหนุ่มก็ยังรู้สึกว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของตนอยู่ดี
“เสียงนกเสียงกาน่ารำคาญเสียจริง! อีกไม่ช้าลัทธิอสุราของพวกเราก็จะฟื้นคืนชีพกลับมาผงาดอีกครั้ง ใครก็ตามที่บังอาจมาขวางเส้นทางการกำเนิดใหม่ของลัทธิอสุรา จะต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก!” ผู้ฝึกตนชุดดำประกาศก้อง พลังปราณเที่ยงแท้ที่ห้อมล้อมกายเขาไว้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
จู่ๆ สายลมก็กรรโชกแรง ตามมาด้วยร่างของผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าปู้ฟางชนิดไม่มีปี่มีขลุ่ย ฝ่ามือของเขาที่ห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณเที่ยงแท้สีดำสนิทเรืองแสงสีดำแดงออกมา พร้อมตะปบส่ปู้ฟาง
เขาไม่คิดว่าขั้นจักรพรรดิยุทธการจะเป็นคู่ต่อกรกับตนด้วยซ้ำ แต่แก่นวิญญาณของขั้นจักรพรรดิยุทธการอย่างไรเสียก็ถือว่าส้มหล่น!
ชายชุดดำไม่ได้มีความคิดเลยว่าปู้ฟางจะรอดจากการโจมตีครั้งนี้ พลังในการโจมตีของเขานั้นลำพังผู้ฝึกตนระดับหกไม่สามารถต้านทานได้อย่างแน่นอน หนำซ้ำตอนนี้เจ้าหนุ่มขั้นนักพรตยุทธการจากสำนักความลับแห่งสวรรค์ยังบาดเจ็บปางตายด้วย อย่างไรเสียก็ไม่มีทางป้องกันกรงเล็บนี้ได้
ฉะนั้น… ปู้ฟางจึงไม่ต่างจากซากศพแล้วสำหรับเขาในตอนนี้!
ปัง!!
ฝ่ามือโลหะขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าชายชุดดำแล้วสกัดการโจมตีเอาไว้ได้ กรงเล็บเปื้อนเลือดปะทะกับฝ่ามือโลหะเข้าอย่างจังจนเกิดเสียงดังปังสนั่นหวั่นไหว
ใบหน้าของผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราพลันแข็งทื่อ ร่างของเขาเซถลาไปด้านหลัง
พลังปราณเที่ยงแท้รุนแรงระเบิดออกมา ทำให้ฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณ
ปู้ฟางยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยท่าทางสงบนิ่ง ดวงตามองผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราที่กำลังล่าถอย
ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบแสงสีม่วงเข้ม ซึ่งแปลว่ามันเริ่มปฏิบัติการสังหารอีกครั้งแล้ว
ถังอิ่นมองเจ้าขาวแล้วรู้สึกมีความหวังขึ้นมาทันที เขารู้ดีว่าเจ้าขาวแข็งแกร่งเพียงใด แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับแปดขั้นเทพแห่งสงครามยังโค่นมันไม่ลง หากมีเจ้าขาวช่วย… ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดีอย่างแน่นอน!
ปัง!!
เจ้าขาวพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วแสง มันกระโจนเข้าใส่ผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราพร้อมด้วยพลังกดดันมหาศาล
“อะไรกัน!” ผู้ฝึกตนคนนั้นตกใจแทบสิ้นสติ เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าไอ้ก้อนโลหะนี่จะป้องกันการโจมตีของตนได้
“อ้อ เจ้ามีเหตุผลให้ผยองได้นี่เอง!” เขายิ้มเยาะจากนั้นก็เบิกตาคู่แดงก่ำจนกว้าง ชายชรากำหมัดเพื่อเรียกกระแสพลังปราณสีดำสนิทออกมา แล้วอัดมันให้กลายเป็นก้อนพลังขนาดใหญ่
จากนั้นเขาก็ส่งก้อนพลังดังกล่าวใส่เจ้าขาว
เสียงปะทะดังสนั่นแก้วหูมาพร้อมแสงสว่างที่ส่องไปทั่วฟ้า แรงระเบิดในอากาศตามมาด้วยกระแสพลังปราณที่ถูกซัดกระจายออกไป
บนท้องฟ้าเบื้องบน ก้อนพลังปราณขนาดใหญ่ห่อหุ้มร่างกายของเจ้าขาวเอาไว้ ก้อนพลังปราณสีดำนั้นมีสีแดงโลหิตปะปนอยู่ด้วย พลังที่มีอำนาจกัดกร่อนทุกอย่างที่ขวางหน้านี้ดูราวกับกำลังกลืนกินเจ้าขาวเข้าไปทั้งตัวอย่างช้าๆ
ถังอิ่นตัวสั่น ใบหน้าฉายความกระวนกระวาย เคล็ดวิชาของลัทธิอสุรานี้ชั่วร้ายเลวทรามมาก พลังการกัดกร่อนของมันช่างน่ารังเกียจเดียดฉันท์เป็นที่สุด
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเจ้าขาวจะเอาตัวรอดจากการโจมตีนี้ได้หรือไม่
ถังอิ่นปรายตามองปู้ฟาง แต่กลับพบว่าใบหน้าของชายหนุ่มไม่ได้มีความกังวลแม้แต่น้อย ดวงตาของเขาขณะมองไปยังผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุรายังดูนิ่งเฉยเหมือนเคย อันที่จริงแล้วสายตาที่เขามองชายชราดูเหมือนกำลังมองร่างไร้ชีวิตมากกว่าคนเป็น
ผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุรามองก้อนพลังปราณที่โอบล้อมเจ้าขาวเอาไว้ แล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น!
แต่ไม่นานนักเสียงหัวเราะของเขาก็ต้องหยุดชะงักลง ก้อนพลังปราณดังกล่าวถูกเจ้าขาวฉีกออกต่อหน้าต่อตา ตามมาด้วยร่างอ้วนที่กระโจนเข้าใส่
ร่างของเจ้าขาวที่ส่องแสงสว่างสวยงามไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ดูเหมือนว่าพลังปราณที่มีอำนาจกัดกร่อนนั้นจะทำอะไรมันไม่ได้แม้แต่น้อย!
“อะไรกันนี่…” ชายชรารู้สึกเหมือนหัวใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม จากนั้นเขาก็เห็นเจ้าขาวพุ่งเข้าใส่ตนพร้อมหมัดขนาดใหญ่
ปัง!
พลังของหมัดมหาศาลเกินกว่าที่ชายชราคิดเอาไว้มาก หมัดของเจ้าขาวส่งเขาให้ดิ่งลงไปคลานบนพื้น ยันต์ปราณหลุดออกจากมือไปลอยอยู่กลางอากาศ
เจ้าขาวลงถึงพื้นพร้อมเสียงดังตึง ดวงตาของมันกะพริบสีม่วงน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเดิม ทำให้บรรดาทหารที่อยู่รายรอบถอยกรูดออกไปทันที
สงครามที่เกิดขึ้นเบื้องล่างหยุดชะงักลง ทั้งสองฝ่ายหยุดโจมตีใส่กัน ทุกคนต่างล่าถอยออกไป ดวงตาจับจ้องไปยังการต่อสู้ครั้งใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น
ทั้งโม่หลินและจูเยวี่ยรู้ดีว่าการต่อสู้ที่เพิ่งอุบัติขึ้นนั้นจะเป็นตัวตัดสินชะตาของสงครามในครั้งนี้ หากลัทธิอสุราชนะ กองทหารลำดับสามแห่งเมืองประจิมเร้นลับจะต้องตายในโศกนาฏกรรมอย่างแน่นอน แต่หากก้อนเหล็กนั่นชนะ พวกเขาก็ยังพอมีความหวังอยู่
เสียงระเบิดดังออกมาจากก้อนหินที่ปลิวกระจาย ตามมาด้วยร่างของผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุรา ชุดคลุมสีดำที่ห่อหุ้มร่างกายของชายชราไว้ขาดรุ่งริ่งหมดสภาพ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อหนาที่ปูดโปนด้วยเส้นเลือดไปทั้งตัว
ดวงตาของเจ้าขาวกะพริบแสงสีม่วง มือของมันเปลี่ยนสภาพไปเป็นมีดคู่ จากนั้นร่างก็พุ่งออกไปข้างหน้าอีกครั้งพร้อมฟาดคมมีดใส่ศัตรู
ผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราคำรามด้วยโทสะ เขาเรียกหอกยาวออกมาพุ่งเข้าใส่เจ้าขาว
หัวใจของชายชราลุกโชนด้วยเพลิงแห่งโทสะ หมายทำลายไอ้ก้อนเหล็กนี้ให้กลายเป็นผุยผง แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รู้ว่า… ตัวเขาในตอนนี้เทียบชั้นกับหุ่นเชิดตรงหน้าไม่ได้เลย!
หุ่นเชิดตัวนี้แข็งแกร่งมาก ทุกการโจมตีที่ฟาดลงมาทำให้เขาต้องเซถลาถอยหลัง หลังจากที่ฟาดฟันกันอยู่สองสามรอบ มือของเขาก็เปิดเปิงเลือดสาดกระจายไปทุกทิศทาง
คมมีดฟาดลงมาอีกครั้ง หัวใจของชายชราแทบกลายเป็นน้ำแข็ง มีดนั้นเกือบผ่าตัวเขาจนกลายเป็นสองท่อน รูม่านตาของชายชราหดแคบด้วยความหวาดกลัว
หลังจากที่หลบหนีคมมีดของเจ้าขาวได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปดอีกสองสามครั้ง เขาก็รู้แล้วว่าพละกำลังของตนกับหุ่นเหล็กตรงหน้าแตกต่างกันมากเกินไป หัวใจของชายชราแทบจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ชายชราเบนสายตาไปมองปู้ฟางผู้ซึ่งกำลังยืนมองเขาด้วยสายตาสงบนิ่ง จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นยิ้ม แววความชั่วร้ายคืบคลานเข้ามาบนใบหน้า
“ถึงอย่างไรไอ้ก้อนเหล็กนี่ก็เป็นแค่หุ่นเชิด! มันต้องมีคนคอยควบคุมอยู่แล้ว มาดูกันดีกว่าว่าไอ้หุ่นนี่จะยังยังร้ายข้าได้อีกไหม หากข้าฆ่านายของมันทิ้งเสีย!”
ผู้ฝึกตนของลัทธิอสุราโบกมือเรียกลำแสงสีดำออกมาจากฝ่ามือ ลำแสงนั้นขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆ
ตู้ม!!
กิ้งก่ายักษ์สีดำสนิทตกลงบนพื้นพร้อมเสียงดังลั่น ดวงตาของมันกลอกไปมา ร่างอาบไล้ด้วยรังสีสังหาร มันขยับขาทั้งสี่อย่างรวดเร็วเพื่อพุ่งเข้าใส่ปู้ฟางพร้อมเสียงคำรามดุร้าย
กิ้งก่าอ้าปากกว้างส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาจากช่องท้อง คมเขี้ยวของมันเป็นประกายท่ามกลางแสงแดดแผดเผา
สิ่งมีชีวิตนี้คืออสูรเวทระดับเจ็ด!
ใบหน้าของถังอิ่นมืดลงทันที ดูจากอาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้แล้ว จะไปมีแรงต่อกรกับไอ้กิ้งก่าบ้านี่ได้อย่างไรกัน!
เจ้าขาวเองก็อยากเข้าไปช่วยเช่นกัน แต่มันกำลังต่อกรติดพันอยู่กับเจ้านายของกิ้งก่า ที่ยอมทำถึงขั้นพยายามทานทนการโจมตีของเจ้าขาวเพื่อให้มันไม่ว่างไปช่วยปู้ฟาง
ผู้ฝึกตนผู้นั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ดวงตาลุกโชนเหมือนดั่งมีเปลวเพลิงคลุ้มคลั่ง!
“ไอ้หนู! กัดไอ้หนุ่มนี่ให้ตายเลย! แล้วข้าจะให้เจ้ากินอาหารจานโปรด! ฮ่าๆๆ!!”
อสูรเวทตัวนี้เขาเลี้ยงมาเองกับมือ พลังปราณของมันจัดได้ว่าแข็งแกร่งทีเดียว เขาแน่ใจว่าปู้ฟางที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับหกขั้นจักรพรรดิยุทธการจะต้องถูกกลืนลงท้องในคำเดียวอย่างแน่นอน...
ก่อนหน้านี้เขาจงใจไม่ปล่อยกิ้งก่ายักษ์ออกอาละวาด เนื่องจากไม่ต้องการเป็นจุดสนใจของสำนักความลับแห่งสวรรค์ นั่นเพราะทันทีที่กิ้งก่าตัวนี้ถูกปล่อยออกมา มันจะสามารถ… ทำลายเมืองทั้งเมืองได้อย่างง่ายดาย! การสร้างความโกลาหลใหญ่โตถึงเพียงนั้น… ท่านมหาพรตจะต้องไม่ชอบใจแน่นอน!
เกล็ดที่ปกคลุมตัวกิ้งก่าเอาไว้เป็นประกายวับ ร่างของมันบิดไปมาขณะวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เท้าปัดตะกุยพื้นเสียงดังลั่น…
บรรดาทหารของจูเยวี่ยที่อยู่ด้านหลังปู้ฟางพากันหน้าถอดสี อสูรเวทที่น่ากลัวเช่นนี้เปรียบเสมือนฝันร้ายของพวกเขาเลยทีเดียว!
กลิ่นเหม็นเน่าทำให้ปู้ฟางถึงกับมุ่นคิ้ว เขาเม้มปากด้วยความรังเกียจ
จากนั้นกลุ่มควันก็ลอยออกมาโอบล้อมมือของเขาไว้ แล้วมีดทำครัวสีดำก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือ
มีดทำครัวเช่นนั้นรึ!
ดวงตาของผู้ฝึกตนจากลัทธิอสุราฉายแววเดียดฉันท์ เอามีดทำครัวมาทำบ้าอะไร!
โฮก!!
เสียงคำรามของกิ้งก่ายักษ์ดังแสบแก้วหู ส่วนเจ้าของเสียงก็กลืนปู้ฟางลงท้องเข้าไปทั้งตัว