ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD - ตอนที่ 279 ภารกิจฉุกเฉินแสนประหลาด
- Home
- ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD
- ตอนที่ 279 ภารกิจฉุกเฉินแสนประหลาด
“ภารกิจฉุกเฉิน: นายท่านต้องมุ่งหน้าไปยังเมืองประจิมเร้นลับและเข้าร่วมกองทัพในฐานะพ่อครัวประจำกองทหาร และทำอาหารสามจานที่ระบบตัดสินว่าผ่านด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่เท่านั้น
“รางวัลของภารกิจ: เพิ่มพลังปราณเที่ยงแท้ขึ้นร้อยละสิบ และเสี้ยวหนึ่งของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ (การจะเป็นพ่อครัวที่อยู่บนจุดสูงสุดของบรรดาพ่อครัวทั้งหลาย หรือพ่อครัวเทพในโลกแห่งจินตนาการ ท่านควรทำอาหารอันโอชะได้แม้ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก การเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำอาหารนั้นไร้ซึ่งขีดจำกัด ฝึกให้หนักเข้าไว้เล่า พ่อหนุ่ม)”
ปู้ฟางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงทางเข้าร้าน ในใจของเขาตอนนี้มีแต่เสียงขึงขังของระบบสะท้อนก้องอยู่ไปมา
ชายหนุ่มเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งออกเล็กน้อย แต่แล้วจู่ๆ ก็ลืมตาโพลงขึ้นมา นัยน์ตาเป็นประกายวาบ
“หือ ภารกิจฉุกเฉินอย่างนั้นหรือ” ปู้ฟางตกใจเพราะเขาไม่ได้รับภารกิจฉุกเฉินจากระบบมาระยะหนึ่งแล้ว การที่จู่ๆ ได้รับงานมาเช่นนี้ทำให้เขาแทบจะกระโดดด้วยความประหลาดใจ รายละเอียดภารกิจเองก็ทำให้ชายหนุ่มตกใจไม่แพ้กัน
“เข้าร่วมกองทัพในฐานะพ่อครัวประจำกองทหารอย่างนั้นหรือ” ใบหน้าของปู้ฟางเปี่ยมไปด้วยความสับสนขณะทวนประโยคนั้นออกมาเสียงดัง ในใจมีแต่ความสงสัย
“พ่อครัวประจำกองทหารก็คือพ่อครัวที่ติดตามกองทัพไปน่ะหรือ ก็คือพ่อครัวทหาร ระบบต้องการให้ข้าไปเกณฑ์ทหาร… ไม่สิ ไปเป็นพ่อครัวอยู่ในค่ายทหารเช่นนั้นหรือนี่”
ปู้ฟางเบิกตากว้างพลางเม้มปากแน่น หากว่ากันตามตรง เขาเองไม่ค่อยพอใจกับเงื่อนไขนี้นัก เพราะการเป็นพ่อครัวประจำกองทหารนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ชายหนุ่มไม่เพียงต้องเดินตามกองทหารให้ทันและร่วมเดินทางไปกับพวกเขาทุกที่… แต่ยังมีโอกาสที่จะถูกบังคับให้ออกรบด้วย ปู้ฟางรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับเขาแล้ว… เรื่องนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นพ่อครัวเทพที่ตรงไหนเลย แค่การปรับสูตรอาหารอยู่ในครัวไม่เพียงพอหรืออย่างไรกัน เหตุใดจะต้องไปเข้าร่วมกองทัพให้เหนื่อยยากด้วยเล่า
ริมฝีปากของปู้ฟางกระตุก ถึงกระนั้นรางวัลที่ระบบเสนอคราวนี้ก็ยั่วยวนใจยิ่ง
“แต่ได้พลังปราณเที่ยงแท้เพิ่มร้อยละสิบ แถมยังได้เสี้ยวหนึ่งของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ… รางวัลงามจริงๆ!” ปู้ฟางครุ่นคิดด้วยหัวใจที่เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
ร้อยละสิบของพลังปราณเที่ยงแท้จะช่วยให้ปู้ฟางประหยัดทั้งเวลาและพลังงานไปได้มากโข สำหรับคนที่อยากพัฒนาระดับปราณอย่างรวดเร็วเช่นปู้ฟางแล้ว ข้อเสนอนี้นับว่าเป็นรางวัลที่นำมาใช้ได้จริง
ไหนจะยังมีเสี้ยวหนึ่งของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพด้วย ข้อเสนอนี้ก็ล่อตาล่อใจปู้ฟางไม่น้อย ตอนนี้เขาสะสมชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพมาได้สองในสามเสี้ยวแล้ว ชายหนุ่มคิดว่าคงต้องรอให้บรรลุปราณขั้นต่อไปจึงจะได้รับอีกเสี้ยวมาครอง ภารกิจปุบปับนี้ช่างเกินความคาดหมายจริงๆ
ปู้ฟางเอนหลังกลับลงไปบนเก้าอี้พลางจ้องมองท้องฟ้าด้วยสายตาว่างเปล่า ขณะโต้เถียงกับตนเองอยู่เงียบๆ ในใจ
เสียงฝีเท้าสะท้อนก้องขึ้นมาในตรอกเล็กๆ เซียวเยียนอวี่กับเซียวเยวี่ยผู้เป็นพี่ชายกำลังเดินเข้ามา
เซียวเยียนอวี่กลับมายังนครหลวงเมื่อไม่กี่วันก่อนหลังจากที่ทุกอย่างในเมืองนครใต้เริ่มลงตัว ถึงแม้ตระกูลเซียวแห่งเมืองนครใต้จะไม่ได้รับสิ่งใดจากการต่อสู้ครั้งใหญ่แถมยังสูญเสียไปมากมาย แต่โชคยังดีที่สิ่งที่สูญเสียไปนั้นไม่ใช่อะไรที่หามาทดแทนไม่ได้
เซียวเยียนอวี่อยู่ในเมืองนครใต้ต่ออีกสองสามวัน จากนั้นจึงเดินทางกลับมายังนครหลวง ขณะนี้ทั่วทั้งจักรวรรดิวายุแผ่วเกิดกลียุคไม่หยุดหย่อน เซียวเหมิงรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของบุตรสาวจึงได้เรียกตัวนางกลับมา
ทว่าเมื่อเซียวเยียนอวี่กลับมาถึงนครหลวง เซียวเหมิงก็ออกเดินทางไปสู่แนวหน้าเสียแล้ว
“เถ้าแก่ปู้ ขอสุราหัวใจหยกเยือกแข็งให้ข้าเหยือกหนึ่ง”
เซียวเยวี่ยเดินเข้ามาในร้านก่อนจะนั่งลงตรงที่ประจำ เขาเอ่ยสั่งเครื่องดื่มจากปู้ฟางผู้ที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าทางเข้าด้วยน้ำเสียงแหบห้าว
เซียวเยียนอวี่เองก็สั่งอาหารสองสามอย่างกับโอวหยางเสี่ยวอี้เช่นกัน
ปู้ฟางลุกขึ้นยืนพลางบิดขี้เกียจ ก่อนจะออกเดินพร้อมยกมือไพล่หลัง เขาผงกศีรษะทักทายเซียวเยียนอวี่และเซียวเยวี่ยก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป
เซียวเสี่ยวหลงและอวี่ฝูกำลังทำอาหารอยู่ในครัว ทักษะของพวกเขาพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะยังไม่เทียบขั้นปู้ฟาง แต่ก็อยู่ในระดับที่เถ้าแก่เช่นกันถือว่าพอใช้ได้
ปู้ฟางหยิบมีดออกมาเพื่อตระเตรียมวัตถุดิบ ด้วยจิตที่จดจ่อ ชายหนุ่มตอนนี้สามารถจัดการกับวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่าก่อนมาก
ปู้ฟางรู้สึกได้ว่าทักษะการใช้มีดของตนเริ่มตันเมื่อเขาสำเร็จทักษะการใช้มีดฝนดาวตกขั้นสูงสุดแล้ว
ชายหนุ่มจุดไฟตั้งเตาด้วยการเคลื่อนไหวประดุจสายน้ำ อาหารหลากหลายจานถูกปรุงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กลิ่นหอมรัญจวนใจไหลบ่าออกจากครัวไปปะปนอยู่กับอากาศภายในร้าน
ไม่นานนักปู้ฟางก็ทำอาหารเสร็จเรียบร้อย เขาวางจานอาหารไว้บนหน้าต่างครัวเพื่อให้โอวหยางเสี่ยวอี้ยกออกไป
ปู้ฟางเช็ดมือแล้วถือเหยือกสุราหัวใจหยกเยือกแข็งออกมาจากครัวด้วยตนเอง ชายหนุ่มเดินเข้าไปที่โต๊ะของเซียวเยียนอวี่และเซียวเยวี่ยก่อนจะส่งเหยือกให้ฝ่ายหลัง
เซียวเยวี่ยรีบเปิดฝาเหยือกก่อนจะรินให้ตนเองจอกหนึ่ง เขายกสุราขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดี
ปู้ฟางดึงเก้าอี้มาตัวหนึ่งก่อนจะนั่งลงตรงข้ามแล้วเริ่มพินิจพิเคราะห์คนทั้งคู่อย่างใจเย็น
การนำทัพของเซียวเหมิงนำข่าวดีมาสู่นครหลวงไม่น้อย หลังออกจากนครหลวงไป เขาก็เดินทางไปยังมณฑลต่างๆ และจัดการปราบจลาจลไปได้นับไม่ถ้วน นับว่าเป็นช่วงที่นครหลวงได้พักหายใจจากบรรดาข่าวร้ายที่ประดังประเดกันเข้ามาเป็นอย่างดี
จีเฉิงเสวี่ยเองก็รู้สึกวางใจอยู่ประมาณหนึ่งแต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่ายังประมาทไม่ได้ เซียวเหมิงยังไม่ได้เผชิญหน้ากับกองกำลังของจีเฉิงอวี่โดยตรง หากคิดว่าจีเฉิงอวี่มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่ ก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ากองทัพของอีกฝ่ายนั้นจะทรงพลังสักเพียงใด หากเซียวเหมิงพ่ายแพ้ ทั้งจักรวรรดิต้องประสบกับเคราะห์กรรมหนักหนาอย่างแน่นอน
ปู้ฟางพูดคุยกับเซียวเยวี่ยอย่างออกรส หลังจากตัดสินใจจะเข้าร่วมกองกำลังติดอาวุธในฐานะพ่อครัวของกองทัพ เขาจึงจำเป็นต้องรู้เรื่องพื้นฐานในกองทัพเสียก่อน ถึงแม้ว่าเซียวเยวี่ยจะไม่ได้ออกรบบ่อยนัก แต่ก็ยังมีความรู้เรื่องนี้มากกว่าปู้ฟาง
ทั้งสองพูดคุยกันหลายต่อหลายเรื่อง ปู้ฟางถามคำถามและเซี่ยวเยวี่ยก็ตอบ ถึงกระนั้นฝ่ายคนตอบก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดวันนี้เถ้าแก่ปู้จึงดูสนใจใคร่รู้เรื่องกองทัพนัก
หลังจากบทสนทนาสิ้นสุด สุราหมดไห อาหารเกลี้ยงจาน คนตระกูลเซียวทั้งสองก็เอ่ยลาปู้ฟางก่อนจะออกจากร้านไป
ลูกค้าเดินเข้าออกขวักไขว่อยู่ทั้งวัน เมื่อชื่อเสียงของร้านเริ่มเติบโต ธุรกิจก็เริ่มงอกเงย พอธุรกิจไปได้ดี ปู้ฟางก็ยิ่งเข้าใกล้การบรรลุขั้นปราณมากขึ้นทุกที
ในที่สุดก็จบวัน โอวหยางเสี่ยวอี้และเซียวเสี่ยวหลงผู้อ่อนล้าต่างก็กล่าวลาปู้ฟางก่อนกลับไป ส่วนอวี่ฝูก็เดินกลับเข้าห้องเพื่อพักผ่อน
ตกกลางคืน แสงไฟภายในห้องครัวของร้านยังคงสว่างไสว ปู้ฟางกำลังฝึกฝนการทำอาหารประจำวัน ในฐานะพ่อครัวผู้ทะเยอะทะยาน เขาติดนิสัยที่ต้องฝึกทำอาหารทุกวันเพื่อรักษาระดับฝีมือให้ยอดเยี่ยมอยู่เสมอ
“ระบบ เมื่อไรข้าจะได้ออกเดินทางไปยังเมืองประจิมเร้นลับสักที แล้วข้าจะเข้าร่วมกองทัพได้อย่างไร” ปู้ฟางกลับมาที่ห้องหลังจากอาบน้ำแล้ว เขายกมือขึ้นสางผมที่ยังเปียกพร้อมเอ่ยถามระบบไปด้วย
“อีกสองวันระบบจะเปิดวงแหวนปราณเคลื่อนย้าย ส่วนเรื่องการเข้าร่วมกองทัพนั้นเป็นความรับผิดชอบของนายท่านเอง” ระบบตอบเสียงนิ่ง
ปู้ฟางยิ้มมุมปาก แปลว่าเขาต้องหาทางลอบเข้าไปในกองทัพด้วยตนเองหรือ นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่า… ระบบนั้นช่างพึ่งพาไม่ได้เอาเสียเลย
แค่คิดเรื่องนี้ปู้ฟางก็รู้สึกปวดศีรษะแล้ว เขาจะเข้าร่วมกองทัพได้อย่างไร กองทัพนี่จู่ๆ จะรับคนเพิ่มหรือไม่ แล้วพวกเขาจะรับข้าเข้าไปทำไมกัน
ปู้ฟางกะพริบตาปริบๆ เมื่อรู้สึกว่าการเดินทางไปยังเมืองประจิมเร้นลับของเขาในครั้งนี้ค่อนข้างเป็นปัญหาใหญ่ทีเดียว
ในเมื่อคิดหาทางออกดีๆ ไม่ได้ ปู้ฟางก็กระโดดขึ้นเตียงก่อนจะหลับสนิทไปทันที
หากเทียบกับการครุ่นคิดจนศีรษะจะแตก การนอนหลักพักผ่อนนั้นสำคัญกว่ามากนัก
สองวันผ่านไปในพริบตา
สองวันนี้ร้านเปิดให้บริการตามปกติ ปู้ฟางยังคงรักษาตารางการฝึกทำอาหารเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ
“เอ่อ… ข้าจะไม่อยู่ร้านสักพัก จะไปฝึกปรือฝีมือการทำอาหารของตัวเอง ส่วนเรื่องจะกลับมาเมื่อไรข้าเองก็ยังไม่แน่ใจนัก กิจการของร้านต้องฝากพวกเจ้าแล้ว” ปู้ฟางกล่าวกับเซียวเสี่ยวหลงและอวี่ฝูในครัวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พอข้ากลับมา ข้าจะมาสอนวิธีทำอาหารจานใหม่ให้”
ดวงตาของเซียวเสี่ยวหลงและอวี่ฝูเป็นประกายทันที ชายหนุ่มหน้าสวยยกมือทุบอกและสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลร้านให้อย่างดี
อวี่ฝูเองก็พยักหน้าเบาๆ รับรู้คำสั่งของปู้ฟาง
ปู้ฟางยกมือตบไหล่เซียวเสี่ยวหลงแล้วพยักหน้า ก่อนจะส่งสายตาไปกำชับอีกรอบ “ฝึกให้หนักเข้าล่ะเจ้าหนุ่ม ข้าจะทดสอบทักษะการใช้มีด การแกะสลัก และการทำอาหารของเจ้าเมื่อกลับมา ใครแพ้จะต้องโดนลงโทษ”
เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าของเซียวเสี่ยวหลงแข็งค้างไป ราวกับถูกสาปให้ลงไปอยู่ในนรกก็ไม่ปาน เขารู้จักการลงโทษของปู้ฟางดีกว่าใคร เพียงแค่นึกย้อนไปถึงเรื่องนั้นในตอนนี้ หัวใจของเขาก็เต้นระรัวในขณะที่เส้นเลือดบนข้อมือเต้นตุบๆ ด้วยความเจ็บปวด
อวี่ฝูเมื่อเห็นสีหน้าของเซียวเสี่ยวหลงก็อดระเบิดหัวเราะออกมาไม่ได้
ปู้ฟางกล่าวอำลาก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของตน
“จุดหมายที่สองของแผนที่ร้านอาหารต่างโลก เมืองประจิมเร้นลับ เปิดใช้งาน”
เสียงขึงขังของระบบดังขึ้น จากนั้นสายตาอันเฉียบคมของปู้ฟางก็มองเห็นจุดสีขาวปรากฏขึ้นกลางอากาศ จุดนั้นเริ่มเคลื่อนที่เป็นวงกลม และค่อยๆ วาดโครงร่างของวงแหวนปราณขึ้นมา
ปู้ฟางไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นกับมันอีกต่อไปเพราะเขาเดินทางผ่านวงแหวนปราณนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
“จุดหมายที่สองของแผนที่ร้านอาหารต่างโลกอย่างนั้นหรือ แต่ก็ยังจะใส่ภารกิจฉุกเฉินมาให้ข้า” ปู้ฟางบ่นเบาๆ จากนั้นไม่นานวงแหวนปราณที่หมุนอยู่กลางอากาศก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้น
สายลมกรรโชกแรงบดบังร่างของปู้ฟางเอาไว้
อึดใจต่อมา สายลมที่โหมกระหน่ำอยู่เมื่อครู่ก็หยุดนิ่ง ความเงียบสงัดกลับคืนมาสู่ห้องอีกครั้ง ทว่าร่างของปู้ฟางได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว