ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 325
ใครลูบกระบี่ลูบดาบของพวกเขากัน
อาวุธระยะประชิดพวกนั้นมีอะไรน่าดู
นางเอาดาบกับหอกยาวขยับไปไว้ด้านข้าง เหลือบมองเล็กน้อย อยากดูกระบอกปืนใหญ่นั่นให้ชัดๆ
เพราะกระบอกปืนใหญ่นี้ เอ๊ะ? มีบางจุดที่ใช้น็อต
หรือนี่จะเป็นฝีมือคุณชายลู่ เขาเป็นคนทำเหรอ
งั้นถ้าเขาเป็นคนทำ คงไม่ใช่ว่าได้ไอเดียมาจากน็อตที่นางวาด เอาไปดัดแปลง กระบอกปืนใหญ่นี่ถึงได้เป็นแบบนี้หรอกนะ กลายเป็นแบบที่แยกส่วนได้
…
ท่านย่าหม่านั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ถือชามข้าวอยู่ในมือ
ในชามข้าวของนางมีเนื้อไก่ มีเหลียงไช่[1]
บรรดายายๆ อย่างพวกนางจะกินข้าวช้าที่สุดทุกวัน
จะต้องหุงข้าวร้อนๆ ไว้ให้พวกนางเป็นพิเศษ
หากทำของอร่อย ต่อให้เป็นสถานการณ์ที่ไม่พอกินครบทุกคน ท่านลุงซ่งก็จะให้เหลือไว้ส่วนหนึ่ง เอาไว้ให้พวกยายๆ กินก่อน อย่าเอาเปรียบพวกนาง
หญิงชราพวกนี้ลำบากกันพอสมควร
แต่ว่า หาเงินได้มาก็ไม่ได้เข้ากระเป๋าทุกคนเสียหน่อย แล้วทุกคนเกี่ยวอะไรด้วย
ท่านลุงซ่งจะต้องพูดกับทุกคนแบบนี้แน่นอนว่า
เข้ากระเป๋าใครก็เหมือนกัน ไม่ได้เข้ากระเป๋าคนนอกถูกไหมล่ะ
มีกันอยู่สิบห้าครอบครัว มีบ้านหลี่ซิ่ว อันที่จริงนั่นจะนับเป็นหนึ่งครัวเรือนไม่ได้ มีท่านยายอยู่แปดคนที่ออกไปขายของข้างนอก นั่นก็ปาเข้าไปแปดครอบครัวแล้ว จะคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นทำไม
ถ้าจะให้คิดขนาดนั้น ทุกคนไม่มีทางอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้
เวลานี้ท่านย่าหม่าถลึงตามองซ่งฝูหลิง อาหารดีๆ ขนาดนี้ ไม่รู้จักตั้งหน้าตั้งตากิน นางวางชามในมือลงแล้วพูดห้าม “ก็เขียนสวยดี เจ้าจะฉีกทำไม กว่าจะเขียนออกมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ”
“ไม่เอาแล้ว” ซ่งฝูหลิงพูดพลางขยำกระดาษโยนไว้บนเตียง
นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เขียนนิยายชิงรักหักสวาทในครอบครัว และก็จะไม่ฟังซ่งฝูเซิงแล้ว ไม่เขียนชีวิตในยุคปัจจุบัน แต่จะเริ่มเขียนจากปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด
จะเขียนถึงสงครามครั้งนั้น เล่าถึงอาวุธต่างๆ ที่ทหารบก ทหารอากาศ ทหารเรือใช้ เขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากทหารเกือบสามล้านคนข้ามช่องแคบอังกฤษ
ทำไมถึงเขียนน่ะเหรอ
ซ่งฝูหลิงก็บอกไม่ถูกว่าตัวเองคิดอะไรอยู่
เมื่อครู่หลังจากที่ดูปืนใหญ่ก็รู้สึกว่าต่อให้ที่นี่เป็นยุคสมัยที่ยังไม่มีอะไรมาก แต่ก็ต้องทำให้คนสมัยโบราณได้เปิดโลกทัศน์
อย่าจำกัดความคิดอยู่แค่กับอาวุธที่ใช้ในระยะประชิด
ตอนนี้ถึงแม้จะเห็นกระบอกปืนใหญ่เป็นสิ่งล้ำค่า แต่ถึงขนาดแม้แต่น็อตยังคิดค้นไม่ได้ ทว่าหากศึกษาต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตถึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ล้าหลัง
“งั้นก็อย่าทิ้งสิ กระดาษดีๆ ด้านหลังยังใช้เขียนได้”
ท่านย่าหม่าเอากระดาษมาคลี่ออกให้เรียบ หวังจะเก็บเอาไว้ นางเองก็กำลังฝึกเขียนอยู่เหมือนกัน ใช้ดินสอถ่านเขียนตัวเลขที่ใช้บ่อยๆ ลูกสามของนางเขียนเอาไว้ให้นางโดยเฉพาะ บอกให้นางเขียนตาม
มีชีวิตอยู่จนแก่ ก็ต้องเรียนมันจนแก่
แต่อายุเยอะก็เรียนได้ช้าลง ตอนนี้ยังทำบัญชีได้แค่ใช้การวาดๆ ขีดๆ ตามประสาที่มีแต่นางเข้าใจ
เป็นสมุดบัญชีของร้านขนมเค้กที่คนทั่วไปอ่านไม่เข้าใจ
รวมถึงพวกท่านยายๆ ของร้านขนมเค้กอีกสามแห่งก็เช่นกัน ต่างใช้การวาดวงกลมเล็กใหญ่อะไรทำนองนี้ในการจดบัญชี
“เจ้าจะแต่งนิทานอีกแล้วรึ”
“หา”
“ฟังย่านะ อย่าเสียเวลาเลย ย่าเห็นในร้านไม่มีลูกค้าผู้หญิงขึ้นไปกินที่ชั้นบนสักเท่าไร เป่าจูก็ว่างๆ ตอนนี้เรียนทำชานมอยู่ วันนี้มีแขกมากินแค่โต๊ะเดียวแถมยังมาแบบหนาวสั่น เข้าร้านกินขนมดื่มชานม พอรู้สึกอุ่นหน่อยก็ไป ย่าว่าเหมือนมาผิงไฟมากกว่า”
ซ่งฝูหลิงพูด “กะไว้ก่อนแล้ว”
ดังนั้นนางถึงได้ต้องเขียนเรื่องเกี่ยวกับสงครามอย่างไรล่ะ
พวกผู้หญิงสมัยโบราณไม่สะดวกออกไปข้างนอกเหมือนอย่างผู้หญิงยุคปัจจุบัน แต่แขกผู้ชายคงไม่ได้มีข้อจำกัดหรือเปล่า
อีกอย่าง ตอนนี้อากาศหนาว บรรดาคุณหนูตระกูลใหญ่ยิ่งไม่อยากออกจากบ้าน
ท่านย่าหม่าพูด “แต่ว่านะ พวกคุณหนูที่คุณหนูสามเคยพามา คุณหนูสามก็ไม่ได้เลี้ยงเสียเงินเปล่านะ มีพวกพ่อบ้านของจวนมาถาม ดูก็รู้ว่าคุณหนูของจวนอยากกิน แต่น่าเสียดายที่มาช้าไปหน่อย พวกเราขายหมดแล้ว”
“ท่านย่า อีกไม่กี่วันข้าจะเข้าเมืองไปด้วย แต่ก่อนหน้านั้นท่านย่าช่วยติดตั้งเตาอบในห้องครัว ติดตั้งเป็นใช่ไหม อันที่จริงข้ากำลังรอพริกของท่านพ่อให้เปลี่ยนเป็นสีแดง อยากทำน้ำพริกอย่างหนึ่งมาทาบนแผ่นแป้ง ไว้ถึงตอนนั้นจะสอนพวกท่านป้าสะใภ้ทำ”
“อาหารชนิดใหม่รึ อร่อยไหม”
“น่าจะพอไหว ท่านย่าลองจินตนาการดูนะ บนแผ่นแป้งมีน้ำพริกเผ็ดๆ ทาอยู่ โรยด้วยเนื้อไก่ทรงลูกเต๋าเต็มแผ่น”
แต่ท่านย่าหม่าสนใจเพียงว่า “คนอื่นแอบขโมยสูตรไปได้หรือเปล่า”
“ไม่ได้หรอก คราวก่อนที่ตกแต่งร้านข้าไม่ได้ให้ติดตั้งเตาอบก็เพราะแบบนี้ ตราบใดที่ไม่มีใครรู้โครงสร้างของเตาอบ ก็ลำบากอยู่กว่าจะทำเป็น อีกทั้งไม่ใช่แค่น้ำพริกกับไก่ลูกเต๋า ยังมีอย่างอื่นอีกด้วย”
สิ่งที่ซ่งฝูหลิงพูดถึงก็คือพิซซ่า
แต่ที่นี่ไม่มีมะเขือเทศ
พวกน้ำซอสคงทำเหมือนยุคปัจจุบันไม่ได้
นางจะทำซอสเผ็ดหวาน
ก่อนหน้านี้นางเคยอบแบบซอสเผ็ดหวาน แค่ลองทำเล่นๆ แต่พอกินดูรสชาติใช้ได้เลยทีเดียว
งั้นก็ทำเป็นพิซซ่าสไตล์ประเทศเราแล้วกัน
ซ่งฝูหลิงมีความคิดหนึ่งมาตลอด กินอะไรก็ได้ง่ายๆ เอาตามรสชาติของแต่ละคน
ส่วนการดึงแล้วยืดได้ของพิซซ่า ยุคปัจจุบันใช้มอสซาเรลล่าชีส ดึงออกมาได้ยาวมาก แต่นางคงทำให้ออกมาแบบนั้นไม่ได้ ไม่สามารถทำให้ดึงออกมาได้ยาวขนาดนั้น
แต่คนที่นี่ก็ไม่เคยเห็น ดังนั้นจึงไม่ต้องสนว่าจะทำได้เหมือนต้นตำรับหรือไม่ ขอให้อร่อยเป็นพอ
“ท่านย่า พวกเราจะมีแต่ของหวานๆ ไม่ได้ ต้องค่อยๆ ทำรสชาติอื่นเพิ่มบ้าง ทางที่ดีเอาแบบที่ถูกปากลูกค้าผู้ชาย ลองดูว่าพวกเขาจะมากินบ่อยๆ ได้หรือไม่ ไม่ใช่แค่นี้นะ ท่านย่าต้องเรียนพวกทอดไก่อะไรแบบนี้ด้วย โรยด้วยพริกของท่านพ่อ”
นางจะเพิ่มไส้เยิ้มด้วย
ไก่ทอดไส้เยิ้ม
ไอ๊หยา น้ำลายสอ
ส่วนเรื่องซื้อไก่ หมู่บ้านเหรินจยาเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่เลี้ยงไก่ พวกนางไม่ต้องไปไกลก็ซื้อได้ สะดวกมาก
แต่ว่าเรื่องจะให้เลี้ยงไก่เอง ช่างมันดีกว่า
ท่านพ่อนางบอกว่า ต่อไปก็คงไม่มีทางเลี้ยงเจ้าพวกนั้น
เลี้ยงน้อยก็ไม่พอกินเอง เลี้ยงเยอะก็ต้องสร้างเล้าไก่ให้พวกมัน พอจำนวนไก่เยอะเข้า จะขังไว้ก็ไม่ได้ต้องปล่อยพวกมัน
พวกไก่อยู่ไม่สุข เดินวิ่งไปทั่ว ขี้เรี่ยราด สกปรกเกินจะพูด มีที่ว่างเลี้ยงไก่ไม่สู้เอาไปปลูกพริก หรือไม่ก็เลี้ยงหมู
อย่างน้อยที่สุดคือเลี้ยงหมูตัวอ้วนได้เป็นตัวๆ เพราะพวกมันขี้เกียจ ไม่วิ่งไปไหน สร้างเล้าหมูสองร้อยห้าสิบตารางเมตรก็เลี้ยงหมูได้ร้อยตัวแล้ว
“จริงสิท่านย่า ถ้าหักต้นทุนออกไป พวกเราสองคนมีเงินเก็บทั้งหมดเท่าไรแล้วเหรอ” ซ่งฝูหลิงรู้สึกว่าในเมื่อลู่พั่นทำน็อตออกมาได้แล้ว เครื่องตีไข่ของนางก็คงอีกไม่นาน
เกิดวันดีคืนดีอยู่ๆ ก็เอามาให้นาง เหมือนที่เอาเสื้อผ้าพวกนั้นมาให้อาฝูกุ้ยกับทุกคน ไหว้วานให้คนอย่างพ่อบ้านเอามาให้นาง เดี๋ยวพอถึงเวลา ไม่ใช่แค่ได้แต่อ้ำอึ้งต่อหน้าพ่อบ้าน เขินอายที่เงินไม่พอ
ท่านย่าหม่ายิ้มทำหน้าลึกลับ ฟุบลงกับโต๊ะบนเตียง เอี้ยวตัวไปกระซิบข้างหูหลานสาว “ร้อยสิบเก้าตำลึงกับเศษอีกสาม”
พูดจบก็กลับไปนั่งท่าเดิม เอามือปิดปากหัวเราะ “นึกไม่ถึงใช่ไหมล่ะ”
“หา? เก็บได้เยอะขนาดนั้นแล้วเหรอ ท่านย่า งั้นท่านย่าเอาเงินมาไว้ที่ข้าเถอะ”
“ทำไมล่ะ”
“ดูเอานะ พอท่านย่าถือเงินสีหน้าก็ไม่เหมือนท่านย่าของข้าแล้ว”
ท่านย่าหม่าพูด “เด็กคนนี้นี่ อยากได้อะไรก็ว่ามา ย่าไม่เคยเอาเปรียบเจ้า เดี๋ยวซื้อมาให้ เอาเงินไว้ที่เจ้า เจ้าจะหลับสนิทรึ”
“แต่ท่านย่าจะพกติดตัวไปทุกวันก็ไม่ได้ เดินทีมีเสียงกุกกัก ไม่หนักหรือ ไม่กลัวถูกขโมยหรือ”
ท่านย่าหม่าหัวเราะอีกครั้ง “เจ้าไม่เข้าใจ เดี๋ยวข้าเอาให้ดูเป็นบุญตา”
———————————-
[1] กับข้าวที่ปรุงโดยไม่ใช้ความร้อน หรือออเดิร์ฟเย็น