ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 398: เงื่อนไขของมงกุฎ (1)
บทที่ 398: เงื่อนไขของมงกุฎ (1)
โรเอลเชื่อว่าไม่มีใครในโลกที่รู้ดีไปกว่าเขาว่ากรันด้าเป็นเทพเจ้าที่ชั่วร้ายหรือเปล่า แต่คงจะยากสำหรับเขาที่จะโน้มน้าวให้คนอื่นเชื่อเรื่องนี้ นั่นก็เพราะรูปลักษณ์ของกรันด้าไม่ได้มีภาพลักษณ์ที่ดีตามแบบฉบับของมนุษย์
อันเดธเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกมนุษย์เกลียดชังโดยธรรมชาติ เทพเจ้าชั่วร้ายที่ล่อลวงมนุษย์ไปสู่ความเสื่อมทรามส่วนใหญ่ก็มีความเกี่ยวข้องกับอันเดธ อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าอันเดธทั้งหมดนั้นชั่วร้าย
เหตุผลหนึ่งที่มนุษย์หลีกเลี่ยงพวกอันเดธ ก็เพราะพวกนั้นขาดสติปัญญาและเชื่อฟังเพียงสัญชาตญาณของตัวเองเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีอันเดธระดับสูงจำนวนมากที่สามารถเอาชนะผลกระทบด้านลบของการฟื้นคืนชีพอันเดธและได้รับสติสัมปชัญญะคืนมา
เผ่าพันธุ์ที่ชั่วร้ายโดยแท้จริงจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีอยู่บนทวีปเซีย
ทวีปเซียไม่ได้เป็นไปตามทฤษฎีของชาร์ลส์ ดาร์วิน มันเป็นระบบนิเวศเทียมที่เทพีเซียจัดการทุกอย่าง หรืออย่างน้อย ๆ ก็เป็นเช่นนั้นในสมัยโบราณ
ทุกเผ่าพันธุ์จะถูกสร้างขึ้นโดยเทพีเซีย รวมถึงพวกอันเดธด้วย ถ้าพวกอันเดธมีประโยชน์เพียงแค่การทำลายล้าง เทพีเซียคงจะทำลายพวกมันไปนานแล้ว เว้นแต่ว่าเธอจะเป็นพวกที่นิยมชมชอบการร่วมเพศกับศพ
มันน่าจะมีประโยชน์อะไรสักอย่าง เพียงแค่ความเข้าใจของมนุษย์ในปัจจุบันยังเข้าไม่ถึง เห็นได้ชัดจากปฏิกิริยาของผู้เข้าแข่งขัน เมื่อพวกเขาเข้าไปในวัดแห่งความเงียบ
เคิร์ตอาจไม่ได้โกหก เรื่องบันทึกทางประวัติศาสตร์ของตระกูลที่ระบุไว้ว่ากรันด้าเป็นเทพเจ้าที่ชั่วร้าย แต่บันทึกทางประวัติศาสตร์เองก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าเชื่อถือ สิ่งที่ถูกเขียนขึ้นโดยมนุษย์ย่อมมีจุดให้ผิดพลาด ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่ใครบางคนอาจจะเขียนมันขึ้นเพื่อใส่ร้ายกรันด้า
โรเอลตัดสินใจว่าตนเองควรจะไปถามสหายของเขาถึงเรื่องนี้ในตอนกลางคืน แต่สำหรับตอนนี้ เขามีบางสิ่งที่สำคัญกว่าที่ต้องทำ
หลังจากรอประมาณหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดทั้งสิบสามกลุ่มก็เสร็จสิ้นรอบคัดเลือก จากรายงานที่รวบรวมมาได้โดยสมาชิกในฝ่ายของเขา โรเอลก็พอจะเห็นภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมด
นอร่า ชาร์ล็อต รวมถึงลิเลียน ได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ แม้ว่านอร่าจะต้องเจอกับจูเลียน่า แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ระหว่างพวกเธอเกิดขึ้น จูเลียน่าคงเลือกที่จะถอยห่าง เมื่อรู้ว่าตัวเองเสียเปรียบฝ่ายตรงข้าม
โรเอลคิดว่าวิลเลียมได้ออกคำสั่งให้นักเรียนคนอื่น ๆ ที่ย้ายเข้ามาใหม่ให้จัดการกับผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเขา ไม่อย่างนั้นเคิร์ตคงไม่เจาะจงโจมตีพอลแบบนั้นแน่ จูเลียน่าเองก็น่าจะได้รับคำสั่งแบบเดียวกัน และการที่เธอขัดต่อคำสั่ง แสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนประเภทที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของตัวเองก่อน
บริตตานี่ก็ไม่น่าจะต่างกัน แม้ว่าเธอจะทำตามคำสั่งของวิลเลียมในอีกบริบทก็ตาม
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว ใครก็ได้มาช่วยฉันที”
เกอรัลผู้เหนื่อยล้านอนอยู่บนพื้นข้างนอกสนามแข่งของกลุ่มที่สิบสอง
ตามคำบอกเล่าของเขา ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในสนามแข่ง บริตตานี่ก็ไล่ตามเขาเหมือนสุนัขบ้า ตลอดช่วงเวลาสามชั่วโมงที่ผ่านมา เกอรัลหลบหนีไปรอบ ๆ โบราณสถานอย่างบ้าคลั่ง การหลบหนีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสามชั่วโมงทำให้เขาเหนื่อยมากจนแทบไม่รู้สึกถึงการมีขาอีกต่อไป
เกอรัลคว้าขวดน้ำที่สมาชิกในฝ่ายคนอื่นยื่นให้ แล้วดื่มหมดภายในอึกเดียว เสมือนว่าเขาเพิ่งเสร็จสิ้นจากการแข่งวิ่งมาราธอนเต็มรูปแบบ
โรเอลแอบสงสารเกอรัลนิด ๆ แต่โดยรวมแล้วเขาค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้
แม้จะเป็นกลุ่มที่ยังอายุน้อยซึ่งไม่ควรจะมีสิทธิ์เข้าร่วมงานประลองศึกชิงถ้วย แต่สมาชิกสามคนของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน ก็สามารถผ่านเข้าสู่รอบจริงได้ นี่ถือเป็นข่าวที่น่ายินดี
นอกจากนี้ฝ่ายกุหลาบทองและฝ่ายกุหลาบแดงมีสมาชิกที่ผ่านรอบคัดเลือกไม่เกิน 5 คนด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเป็นกลุ่มกลุ่มใหญ่ที่เต็มไปด้วยขุนนางผู้มีชื่อเสียงจากจักรวรรดิเซนต์เมซิทและสมาคมพ่อค้าโรซ่า!
พวกนายทำได้ดีมาก! สุดยอด!
โรเอลพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเหล่าสมาชิกที่กำลังตื่นเต้นของฝ่ายกุหลาบน้ำเงิน
นี่เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การฉลองอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาสำหรับเรื่องนั้น มีอย่างอื่นที่เขาต้องทำก่อน
เมื่อสิ้นสุดรอบคัดเลือก ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่เลือกที่จะกลับไปที่สถานศึกษาของตนแล้วพักผ่อน
โรเอลมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์แห่งหนึ่งเพียงลำพัง เมื่อมาถึงก็เคาะประตูที่โอ่อ่าและหนาหนัก
…คฤหาสน์แห่งเกราะ
มันเคยเป็นที่อยู่อาศัยของอาจารย์อาวุโสที่หมกมุ่นอยู่กับมรดกและวิถีแห่งอัศวิน ซึ่งได้ยกที่แห่งนี้ให้กับสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าเมื่อเสียชีวิตลง ที่นี่มีชุดเกราะและอาวุธของอัศวินที่น่าประทับใจกว่าร้อยชุด มันจึงดูเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์อัศวินขนาดย่อมกลาย ๆ
นอกจากนี้มันยังเป็นสถานที่ที่วิลเลียมและนักเรียนคนอื่น ๆ จากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินพักอยู่ พนักงานได้จัดสรรคฤหาสน์นี้ให้พวกเขา โดยหวังว่าสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยจะช่วยให้พวกเขาปรับตัวเข้ากับสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าได้ดีขึ้น
มีการคัดค้านข้อตกลงนี้เนื่องจากหลายคนมองว่ามันเป็นสิทธิพิเศษที่วิลเลียมและคนอื่น ๆ ไม่คู่ควร นักเรียนที่ย้ายเข้ามายังสถาบันการศึกษา ยังไม่ได้พิสูจน์ว่าพวกเขาคู่ควรกับมัน อย่างไรก็ตามเสียงคัดค้านน่าจะหายไปหลังจากวันนี้ เนื่องจากนักเรียนที่ย้ายเข้ามาทั้ง 7 คนสามารถผ่านรอบคัดเลือกได้สำเร็จ
“โรเอล นายมาทำอะไรที่นี่?”
บริตตานี่เปิดประตู เธอตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นโรเอลยืนรออยู่ข้างนอก
“บริตตานี่ ฉันอยากพบวิลเลียม”
…
ภายในห้องรับรองแขกที่มีดาบอายุร้อยปีแขวนอยู่บนผนัง โรเอลนั่งประจันหน้ากับร่างในชุดเกราะเต็มตัว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอ่านใบหน้าของวิลเลียมภายใต้หมวกเกราะที่สวม แต่สำหรับสีหน้าของโรเอลนั้นสามารถบอกได้ว่าดูมืดมนอย่างเห็นได้ชัด
“องค์ชายวิลเลียม ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นคนสั่งให้นักเรียนคนอื่น ๆ จากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินโจมตีสมาชิกฝ่ายกุหลาบน้ำเงินของฉันในรอบแรก มีอะไรอยากอธิบายชี้แจงไหม?”
“ฉันได้ออกคำสั่งดังกล่าวไปจริง ๆ และมันก็ไม่ได้เป็นการละเมิดกฎของศึกชิงถ้วย”
“มันอาจจะไม่ได้ละเมิดกฎใด ๆ แต่ฉันไม่คิดว่านายควรที่จะยุยงให้เกิดความขัดแย้งภายในระหว่างนักเรียนของเราเอง โดยเฉพาะสำหรับงานประลองที่สำคัญแบบนี้”
“ศึกชิงถ้วยเป็นงานประลองเดี่ยว ไม่ใช่งานประลองแบบกลุ่ม และการปะทะกันเล็กน้อยระหว่างเพื่อนนักเรียนไม่ได้บ่อนทำลายเกียรติศักดิ์ของสถาบันการศึกษาแต่อย่างใด”
วิลเลียมตอบคำถามของโรเอลอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“คุณโรเอล ฉันไม่คิดว่าพวกเราทำอะไรผิด ในทางตรงกันข้ามแล้ว ฉันเชื่อว่าทัศนคติของคุณที่มีต่องานประลองศึกชิงถ้วยต่างหากที่เป็นปัญหา คุณกำลังพยายามหยุดยั้งการประลองระหว่างคนในสถาบัน คุณไม่คิดว่าการกระทำของคุณเป็นอุปสรรคต่อความเป็นธรรมของงานประลองงั้นหรือ?”
“…”
โรเอลนิ่งเงียบเมื่อถูกวิลเลียมตำหนิเข้าอย่างจัง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
“องค์ชายวิลเลียม การกระทำของฉันอาจดูไม่ยุติธรรมในสายตาคุณ แต่กฎของงานประลองอนุญาตให้ผู้เข้าแข่งขันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้โดยปริยาย จากคำพูดของผู้จัดงาน ‘โชคและเส้นสายเองก็เป็นจุดแข็งของบุคคลเช่นกัน’ ฉันแน่ใจว่าคุณเคยเห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่านักเรียนของสถาบันเดียวกันจัดกลุ่มในรอบคัดเลือกอย่างไร”
“การกระทำโดยเจตนาของคุณบ่อนทำลายพันธมิตรของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ซึ่งทำให้นักเรียนของเราเสียเปรียบอย่างมากในงานประลอง ถ้าไม่ใช่เพราะว่านักเรียนที่ย้ายมาทุกคนประสบความสำเร็จในการเข้าสู่รอบต่อไป คนที่คุยกับคุณในตอนนี้คงไม่ใช่ฉัน แต่เป็นรุ่นพี่ลิเลียน”
โรเอลเตือนวิลเลียมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แต่คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นการกวนประสาทอีกฝ่ายเสียมากกว่า ทำให้วิลเลียมรู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ถูกราวกับมีไฟเผาไหม้ในอกของตัวเอง
“คุณหมายความว่ายังไง? คิดว่าฉันจะกลัวเธองั้นเหรอ?”
“…ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”
วิลเลียมนึกถึงสีหน้าของโรเอลในตอนที่เขามีปฏิสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับลิเลียน และเมื่อเปรียบเทียบกับสีหน้าซีดเผือดที่อีกฝ่ายมีในตอนนี้ นั่นยิ่งทำให้เธอหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นไปอีก
โรเอลสังเกตว่าวิลเลียมเริ่มกระวนกระวาย เขาจึงตัดสินใจบรรเทาบรรยากาศด้วยการมุ่งตรงไปที่ประเด็น
“เหตุผลหลักที่ฉันมาที่นี่ ก็เพราะฉันไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเราส่งผลกระทบต่อผู้อื่นในงานประลอง คุณอาจไม่ได้คิดอะไรกับศึกชิงถ้วย แต่นี่เป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับผู้ที่ไม่มีเส้นสาย หรือพวกที่ต้องการสนามประลองเพื่อพิสูจน์ตัวเอง”
“ฉันจะไม่ทนยอมรับแน่ ๆ หากมีนักเรียนคนใดถูกตัดสิทธิ์จากงานประลองเพราะความขัดแย้งของเรา สถานการณ์ของพอล แอคเคอร์มันน์เป็นตัวอย่างที่ดีเลยล่ะ”
“…”
วิลเลียมสงบลงเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอใช้เวลาพิจารณาคำพูดของโรเอลก่อนจะตอบ
“ฉันเคยพูดไปแล้ว พวกเราจะพิสูจน์ให้คุณเห็นด้วยความแข็งแกร่งของเรา ว่าคุณควรเลือกข้างไหน คุณอาจคิดว่าความขัดแย้งของเรากำลังขโมยโอกาสของผู้อื่น แต่ในมุมมองของฉัน มันก็แค่หลักฐานที่แสดงว่าคนพวกนั้นด้อยกว่าเรา”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะเปลี่ยนจุดยืนของฉัน ความเข้มแข็งมีความสำคัญสูงสุดสำหรับพวกเราในการเอาชนะความยากลำบากในอนาคต หากคุณยังนึกถึงสวัสดิภาพของมนุษยชาติอยู่บ้าง คุณควรเลือกพวกเรา”
วิลเลียมกล่าว
“เข้าใจแล้ว… ถ้าแบบนั้นฉันก็ไม่คิดว่าพวกเราจำเป็นต้องเสียเวลาสนทนากันต่อ”
โรเอลพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ฉันเห็นด้วย”
โรเอลลุกขึ้นยืนเป็นสัญญาณสิ้นสุดการสนทนา