ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - ตอนที่ 79 ใครเร็วกว่ากัน
ตอนที่ 79 ใครเร็วกว่ากัน
พอคุณชายห้าฉิงรับสายแล้ว ก็อึ้งไปชั่วครู่ แต่ก็ดึงสติกลับมาได้ทันที ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่คุณชายห้าฉิงก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไร และพูดต่อว่า:“ได้ เดี๋ยวผมจะส่งคนไป”
“พี่สาม พี่หาได้เร็วขนาดนี้ หรือว่าคนที่พี่สงสัยจะเป็นคนใกล้ตัวพี่?”คุณชายห้าฉิงเป็นหัวหน้าสำนักงานประจำสถานีตำรวจ เขานั้นมีความว่องไวเฉียบแหลมมากกว่าคนธรรมดา
เขาพึ่งจะโทรไปหาพี่สามเอง พี่สามหาหลักฐานมาได้เร็วขนาดนี้ คนที่พี่สามสงสัยต้องเป็นคนใกล้ตัวแน่เลย
เย่ซือเฉินไม่ได้ตอบกลับ แต่นัยน์ตาของเขานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนวุ่นวายเต็มไปหมด
ถ้าเย่ซือเฉินออกไป เวินลั่วฉิงต้องได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวแน่ๆ
เวินลั่วฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ดึกขนาดนี้แล้วเขาจะออกไปทำอะไร?
เวินลั่วฉิงเปลือกตากระตุกเล็กน้อย เธอรู้สึกว่ามันมีพิรุธอะไรแปลกๆ แต่สำหรับเธอในตอนนี้แล้วเรื่องที่สำคัญที่สุดของเธอคือเด็กๆทั้งสองคน
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว พรุ่งนี้เธอคงไปส่งเด็กๆทั้งสองไม่ได้แล้ว
เวินลั่วฉิงโทรไปหาเห่อถงถง
“ถงถง พรุ่งรี้เธอไปส่งพวกเด็กๆที่โรงเรียนเถอะ ฉันคงไปไม่ได้แล้ว”
“ทำไม?เกิดอะไรขึ้นหรอ?”เห่อถงถงที่ได้ยินคำพูดนี้ก็รู้เลยว่าต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้เป็นวันแรกที่เด็กๆจะเข้าเรียน ฉิงฉิงไม่มีทางที่จะพลาดแน่
“เรื่องแดงแล้ว”เวินลั่วฉิงเบะปากเล็กน้อย พอคิดถึงก่อนหน้านี้ที่เห่อถงถงเตือนเธอ เธอนั้นไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกจับได้เร็วขนาดนี้
“งั้นตอนนี้สถานการณ์เป็นไงบ้าง?เขาไม่ได้ทำอะไรเธอใช่ไหม?”เห่อถงถงตกใจจนเสียงหลง
“แค่ตอนนี้เท่านั้นแหล่ะ ฉันยังปกติดีอยู่ แต่เย่ซือเฉินออกไปข้างนอกแล้ว”เวินลั่วฉิงที่คิดว่าเย่ซือเฉินออกไปดึกขนาดนี้ ก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ออกไปข้างนอก?ดึกขนาดนี้แล้วเขาจะออกไปทำอะไร?หรือจะออกไปสืบเรื่องนี้หรือปล่า?ถ้าเขาสืบถึงตัวเด็กล่ะจะทำยังไง?”ตอนนี้เห่อถงถงก็กังวลไม่แพ้เวินลั่วฉิงเลย:“ไม่อย่างนั้นให้ฉันส่งเด็กๆกลับประเทศMดีไหม”
“เมื่อสองวันก่อนฉันถามพวกเด็กๆแล้ว พวกเขาไม่อยากกลับไป”เวินลั่วฉิงรู้ดีว่าที่พาเด็กๆมาอยู่ที่นี่ทำให้เย่ซือเฉินจับได้อย่างกะทันหัน แต่เด็กๆทั้งสองคนไม่อยากกลับไป เธอรู้ว่าเด็กๆทำใจไม่ได้ที่จะจากเธอไป แล้วเธอจะทำใจส่งเด็กๆกลับไปได้ยังไงกัน?
“แล้วตอนนี้จะทำยังไงดี?”เห่อถงถงที่ได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็ยิ่งกังวล และร้อนใจ
“ฉันคิดว่า ถึงเย่ซือเฉินจะสืบถึงตัวเด็กๆแล้ว แต่ก็คงไม่ทำร้ายเด็กๆหรอก”เวินลั่วฉิงเม้มปากเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะเป็นคนที่อันตราย และน่ากลัวมากๆ แต่ไม่รู้ทำไม เวินลั่วฉิงกลับเชื่อในตัวเขาแปลกๆ เชื่อว่าเขาจะไม่ทำเรื่องที่มันเหลือเกินอะไรแบบนั้น
แน่นอนว่า ข้อแรก เย่ซือเฉินไม่ใช่ผู้ชายในตอนนั้น และไม่ใช่พ่อของเด็กๆทั้งสองคนนี้
“ที่รักจ้ะ ทำไมฉันรู้สึกว่าหญ้าตรงสันกำแพงมันเริ่มจะเอียงๆแล้วนะ”เห่อถงถงที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้นแล้ว ก็ถอนหายใจออกมา และอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อเธอ:“ทำไมเธอถึงได้เชื่อเขาขนาดนี้เนี่ย ?”
“แต่ถ้าเขาเป็นผู้ชายคนนั้นเมื่อห้าปีก่อน สถานการณ์ก็ไม่เหมือนกันแล้ว”เวินลั่วฉิงกังวลที่สุดก็คือข้อนี้
“ถ้าเกิดเย่ซือเฉินเป็นผู้ชานคนนั้นเมื่อห้าปีก่อนจริงๆ แล้วเป็นพ่อของเด็กๆจริงๆละก็ นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำร้ายเด็กๆ ยังไงเสือที่ว่าดุร้ายแล้วก็ไม่คิดที่จะกินลูกตัวเองหรอก แต่เธอเป็นแม่ของเด็กๆ เขาคงไม่ทำอะไรเธอแน่นอน”เห่อถงถงพูดขึ้นอย่างที่เล่นทีจริง
แน่นอนว่า นั่นเป็นผลลัพธ์ที่เห่อถงถงหวังว่าจะได้เห็น
“ถ้าคนคนนั้นเป็นเย่ซือเฉินจริงๆ ถ้าเขารู้ความจริงขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาจะทำคงจะจัดการฉันก่อน ส่วนเรื่องเด็กๆก็คงจะยอมรับ แต่ฉันกลัวว่าจะได้พบกับเด็กๆยากขึ้น คนรวยๆเขาก็เป็นแบบนี้กันหมดไม่ใช่หรอ?”เวินลั่วฉิงจะคิดแต่ด้านดีแบบเห่อถงถงไม่ได้ มีอีกหลายๆเรื่อง ที่เธอต้องคิดพิจรณาให้ชัดเจน
เธอไม่อยากที่จะจากเด็กๆไป
แน่นอนว่า เธอหวังว่าเย่ซือเฉินจะไม่ใช่ผู้ชายคนนั้นเมื่อห้าปีก่อน
เห่อถงถงไม่ได้พูดอะไรต่อ ใบหน้าแสดงออกถึงความกังวลขึ้นมา จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้กับบ้านคนรวยเกิดขึ้นเยอะแยะไป ถ้าเกิดเรื่องลูกนอกสมรสแล้ว ก็จะรับไว้แค่เด็ก แต่ไม่รับแม่ไปด้วย ยังมีที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ แอบจัดการแม่ของเด็กๆไปเสีย
ถึงแม้ว่าเย่ซือเฉินจะแต่งงานกับฉิงฉิงแล้ว แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เพราะความรัก ไม่มีใครรู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
“ฉิงฉิง ไม่อย่างนั้นเธอก็พาเด็กๆกลับประเทศMไปเลย?”พอเห่อถงถงนึกถึงเรื่องพวกนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว
“นอกซะจากว่าการแต่งงานของฉันกับเย่ซือเฉินจะจบลง”เวินลั่วฉิงรู้ดีว่า ตอนนี้เธอคิดจะหนีไปนั้นเป็นไปไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเย่ซือเฉินอันตรายแค่ไหน ถ้าจู่ๆเธอพาเด็กๆหนีไปกะทันหัน ก็กลัวว่าเรื่องมันจะยิ่งยุ่งยากไปมากกว่านี้
“งั้นเธอก็หมายความว่าจะรอหนึ่งปีงั้นหรอ?เวลาตั้งหนึ่งปี ไม่มีใครรับรองได้หรอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”เห่อถงถงถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง
“ไม่ กำหนดเวลาคือหนึ่งปี แต่ถ้าฉันช่วยให้เขาได้ถือหุ้นบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปได้เร็วขึ้นละก็ การแต่งงานของพวกเราก็จะจบลงทันที”เวินลั่วฉิงแววตาเป็นประกาย โชคดีที่ในสัญญาเธอระบุข้อนี้เอาไว้อย่างชัดเจน
“เธอจะช่วยให้เขาได้ถือหุ้นบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปงั้นหรอ?ตอนนี้คนที่กุมอำนาจที่แท้จริงคือคุณปู่เย่ ตอนนี้เย่โป๋เหวินก็ไม่ได้ยุ่งอะไรอยู่แล้ว คุณปู่เย่ก็ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่ายๆ เอมีวิธีหรอ?”ก่อนหน้านี้เห่อถงถงได้หาข้อมูลของเย่โป๋เหวิน ก็เลยได้ค้นดูประประวัติของตระกูลเย่ไปด้วย เพราะฉะนั้นจึงเข้าใจชัดเจน
“วางใจได้ มันต้องมีวิธีแน่ๆ”เวินลั่วฉิงยกมุมปากเล็กน้อย ก่อนหน้าที่เธอจะไปสำนักงานพลเรือน เธอได้คิดแผนรับมือเอาไว้แล้ว แต่ถ้าหากไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเด็กๆทั้งสองคน เธอก็คงไม่รีบขนาดนี้
พอเธอช่วยให้เย่ซือเฉินได้ถือหุ้นบริษัทตระกูลเย่กรุ๊ปแล้ว ตามสัญญา เย่ซือเฉินก็จะหย่ากับเธอทันที ถ้าเป็นแบบนี้แล้ว เรื่องอื่นๆก็จะคลี่คลายลง
แต่สิ่งที่เวินลั่วฉิงคิดไม่ถึงคือ ตอนนี้เย่ซือเฉินอยู่ที่สถานีตำรวจแล้ว
เธอคิดจะแก้ปัญหาให้เร็วขึ้นหน่อย แต่เธอก็เร็วไม่เท่าเย่ซือเฉิน
“พี่สาม ลายนิ้วมือบนแก้วเอาออกมาได้ง่าย แล้วก็เร็วด้วย พี่รออีกหน่อยนะ อีกไม่นานผลก็น่าจะออกมาแล้ว”คุณชายห้าฉิงหยิบแก้วในมือของเย่ซือเฉินขึ้นมา เขากระพริบตาเล็กน้อย ถ้าเขาจำไม่ผิด นี่มันเหมือนแก้วที่บ้านพี่สามมีเลยนี่หน่า?
แก้วของบ้านพี่สามใครจะใช้ก็ได้งั้นหรอ?
คนคนนั้นกับพี่สามเป็นอะไรกันแน่?
เพราะคุณชายห้าฉิงนั้นก็สงสัย เขาเลยทำอย่างคล่องแคล่ว และยื่นแก้วน้ำไปให้เจ้าหน้าที่ทันที:“ตรวจออกมาให้เร็วที่สุด”
คุณชายห้าฉิงอยากรู้มากจริงๆ ว่าคนที่พี่สามสงสัยนั้นเป็นใคร และแน่นอนว่า สิ่งที่เขาอยากรู้ยิ่งกว่าคือ สิ่งที่พี่สามสงสัยนั้นจะใช่จริงๆหรือเปล่า
เย่ซือเฉินก็ไม่ได้ไปไหน แล้วก็ยืนอยู่แถวๆนั้น รอผลตรวจ แต่ไม่รู้ทำไม ในตอนนั้นในใจเขาก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา