ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 9 บทที่ 262 ชอบสอดเรื่องชาวบ้านแล้วยังลากเขาไปด้วย
- Home
- ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง
- เล่มที่ 9 บทที่ 262 ชอบสอดเรื่องชาวบ้านแล้วยังลากเขาไปด้วย
เซียวอี้พูดอย่างมั่นใจ “อย่างไรก็ต้องดีกว่ายามนี้”
หลินชิงเวยยกริมฝีปากยิ้ม พูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อมานางทำสิ่งที่เซียวอี้คาดไม่ถึงด้วยการขว้างลูกบอลหิมะในมือใส่ด้านหลังศีรษะของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น
หางตาของเซียวอี้กระตุกโดยพลัน
หลินชิงเวยขว้างไม่พลาด ลูกบอลหิมะนั้นกระแทกเข้าด้านหลังศีรษะของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น ลูกบอลหิมะนั้นถูกหลินชิงเวยปั้นเสียจนแน่นหนาเสมือนน้ำแข็งก็ไม่ปาน ย่อมกระแทกศีรษะของคนผู้นั้นไม่เบา เจ้าหน้าที่ผู้นั้นถึงกับมึนงงไปชั่วขณะ
ชาวบ้านที่ล้อมอยู่บริเวณนั้นไม่ยอมจากไปได้แต่ตะลึงงันเช่นกัน
แส้ในมือหยุดชะงัก เจ้าหน้าที่ดูเหมือนจะโมโหอย่างยิ่ง เขากุมท้ายทอยของตนหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้าเดือดดาลว่า “เป็นใคร?!”
หลินชิงเวยขยับไปทางด้านข้างอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ นางยื่นนิ้วชี้ไปทางเซียวอี้ “เมื่อสักครู่เขาปาท่าน”
เซียวอี้ถลึงตาใส่หลินชิงเวย เดิมทีเขาไม่อยากสอดเรื่องชาวบ้าน สตรีผู้นี้คิดจะสอดเหตุใดยังต้องลากเขาไปด้วย!
ทว่าชัดเจนยิ่งนักว่าเจ้าหน้าที่เชื่อคำพูดของหลินชิงเวย คนทั้งหมดบนถนนสายนี้ล้วนเกรงกลัวเขา เขาคิดว่าหลินชิงเวยรูปร่างบอบบางเช่นนี้ย่อมไม่มีทางกล้าตอแยเขา ดังนั้นจึงถลึงตามองเซียวอี้ด้วยความโกรธแค้นพร้อมก่นด่า “ข้าว่าเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง!”
เจ้าหน้าที่สะบัดแส้เข้าใส่ใบหน้าของเซียวอี้ พวกชาวบ้านเห็นเช่นนั้นจึงอดที่จะสูดปากแทนเขาไม่ได้ คิดดูแล้วคนผู้นี้น่าจะมาจากต่างถิ่นกระมัง จึงไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดถึงกลับกล้ายั่วโทสะเจ้าหน้าที่ หากแส้นั้นสะบัดลงไปเกรงกว่าใบหน้างดงามของเขาจะต้องเสียโฉม!
พวกชาวบ้านต่างจิตใจว้าวุ่น ต่างคิดเสียดายแทนเซียวอี้ในขณะเดียวกันก็อดที่จะชื่นชมความกล้าหาญของคนทั้งสองไม่ได้
ด้วยพวกชาวบ้านเห็นกับตาว่าผู้ที่ปาหิมะใส่เจ้าหน้าที่คือแม่นางน้อยร่างบอบบางที่ยืนอยู่ด้านข้างผู้นั้น แม่นางน้อยสวมเพียงชุดกระโปรงผ้าสำลี เส้นผมดำขลับถูกรวบด้วยใยไผ่เส้นหนึ่งอย่างง่ายๆ ที่น่าประหลาดใจก็คือเวลานี้สีหน้าของนางสงบนิ่งอย่างยิ่ง
เห็นกับตาว่าแส้กำลังจะสะบัดลงบนใบหน้าของเซียวอี้ ในวินาทีนั้นเซียวอี้พลันยกมือขึ้นจับแส้เส้นนั้นได้อย่างแม่นยำ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยในแววตานั้นมีเพียงความเยียบเย็น
เจ้าหน้าที่คิดไม่ถึงว่าจะมีคนรับแส้ของเขาเอาไว้ได้ จึงได้แต่ตกตะลึง ต่อมาจึงยิ่งเกิดโทสะคิดจะดึงแส้กลับมา แต่คิดไม่ถึงว่าดูเหมือนเซียวอี้เพียงแค่จับแส้เอาไว้ในมือ เจ้าหน้าที่คนนั้นดึงอย่างไรก็ดึงแส้กลับไปไม่ได้
เซียวอี้สะบัดไหล่พลิกกายรอบหนึ่ง แส้จึงหมุนตามไปด้วย มันบิดวนไปมาในอากาศ ทำให้เศษเนื้อและเลือดที่ติดอยู่บนแส้นั้นกระเด็นออกมา ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้นั้นจับแส้ได้ไม่มั่นมือ ร่างของเขาจึงหมุนตามแส้ที่อยู่กลางอากาศ เซียวอี้สะบัดแส้ฟาดใส่เขาไม่ยั้ง เจ้าหน้าที่ผู้นั้นถึงกับล้มลงบนพื้น เจ็บปวดเสียจนเขาต้องกัดฟันแน่นไม่อาจลุกขึ้นมาเนิ่นนาน
เจ้าหน้าที่ไม่ยินยอม เขาลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก กำหมัดแล้วพุ่งเข้าหาเซียวอี้
ผลลัพธ์คือเขาถูกเซียวอี้ทุบตีจนใบหน้าบวมปูด คนที่มุงดูอยู่ต่างรู้สึกว่าได้ระบายความแค้นแล้ว มีคนร้องนำขึ้นมาก่อนว่า “ตีได้ดี! ตีให้หนัก! ตีเขาให้ตาย!”
ผู้คนที่มุงดูอยู่จึงร้องตะโกนขึ้นบ้าง แต่ละคนล้วนเอาใจช่วยเซียวอี้
รับมือกับเจ้าหน้าที่เล็กๆ คนหนึ่ง ที่จริงแทบจะไม่ต้องเสียแรงอันใดมากมาย เซียวอี้ออกหมัดและเท้าอย่างสบายๆ เพียงแค่สองสามกระบวนท่าก็ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้นั้นลงไปนอนกองกับพื้น แล้วหันกายกลับมาอย่างน่าดูพร้อมกับเตะออกไปหนึ่งครั้ง ก็ทำให้ร่างของคนกระเด็นไปชนกับกำแพงอีกด้านหนึ่งของถนนแล้วกระอักเลือดไม่หยุด
เจ้าหน้าที่ถ่มเลือดออกจากปากค่อยๆ ล้มลุกคลุกคลานเดินออกไป มือของเขากุมบาดแผลใหญ่ที่สุดบริเวณหน้าอกของตนพร้อมกับถลึงตามองเซียวอี้ เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “แน่จริง เจ้าอย่าหนีนะ!”
เซียวอี้สะบัดชายอาภรณ์พร้อมกับหัวเราะ “จะไปหาคนมาช่วย? ข้าไม่หนี จะรอเจ้าอยู่ที่นี่”
เจ้าหน้าที่เดินออกจากวงล้อมทั้งยังไม่ลืมหันมาพูดกับชาวบ้าน “พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะจับพวกเจ้าแต่ละคนเข้าไปขังคุกทั้งหมด!”
ชาวบ้านโหวกเหวกวายเสียงดังแล้วแยกย้าย ยังคงรีบกลับบ้านของตัวเองดีกว่า แม้การดูพ่อหนุ่มคนนั้นทุบตีเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องน่าสนุก แต่ไม่อยากทำให้ตัวเองเดือดร้อนจนต้องไปอยู่ในคุกนี่นา
หลังจากเจ้าหน้าที่จากไป ขอทานที่นอนอยู่บนพื้นพยายามอย่างยิ่งที่จะลุกขึ้นมาเดิน ก่อนที่จะจากไปยังไม่ลืมหันมากล่าวกับเซียวอี้ “ขอบคุณจอมยุทธ์ท่านนี้ที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ”
เซียวอี้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า รีบไปเถิด อีกประเดี๋ยวคนมาแล้วเจ้าจะไปไหนไม่ได้” ขอทานเดินตุปัดตุเป๋จากไป เซียวอี้หันมาถลึงตาใส่หลินชิงเวย “ดูเรื่องดีๆ ที่เจ้าก่อขึ้น!”
หลินชิงเวยแบมือ “เป็นข้าที่ทุบตีคนจนตกอยู่ในสภาพอเนจอนาถหรือไร?”
เพียงครู่เดียวคนผู้นั้นก็พาคนกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามา อย่างไรหลินชิงเวยและเซียวอี้ไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่หน่วยหนึ่งสิบกว่าคนพากันล้อมคนทั้งสองเอาไว้
“ข้าจะดูว่าครั้งนี้พวกเจ้าจะหนีไปที่ใด!”
ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ลงมือต่อสู้กัน ชัดเจนยิ่งนักว่าคนที่ถูกซ้อมเมื่อสักครู่นั้นมิใช่หัวหน้าหน่วยของเจ้าหน้าที่กลุ่มหนี้ หัวหน้าหน่วยหนักแน่นและมีประสบการณ์มากกว่าเขามาก ดวงตาทั้งคู่มองคนทั้งสองด้วยสายตาประเมินครั้งหนึ่งแล้วเอ่ยถามเสียงหนัก “เมื่อสักครู่ผู้ที่ก่อเรื่องเป็นพวกเจ้าทั้งสองคน!”
เซียวอี้ “คนที่ก่อเรื่องคือเขา พวกเราเป็นแค่คนที่เดินผ่านมา”
“หยุดพูดจาเหลวไหล เชิญพวกเจ้าไปศาลาว่าการสักเที่ยว!” หัวหน้าหน่วยกล่าวเช่นนั้น อย่างอื่นไม่จำเป็นต้องพูดคุย ขอเพียงจับคนสองคนนี้เข้าไปในคุก ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะไม่ได้รับความทุกข์ทรมาน
เซียวอี้หัวเราะและกล่าวว่า “หากว่าพวกเราไม่ไปเล่า?”
หัวหน้าหน่วยหรี่ตาลง “หากไม่ไป ก็อย่าได้กล่าวโทษว่าพวกเราไม่เกรงใจ” พูดแล้วก็ออกคำสั่ง “ไปเรียกคนทั้งหมดบนถนนสายนี้ออกมา ยังมีอีก ไปจับคนที่ห้อมล้อมดูเหตุการณ์เมื่อสักครู่เข้าคุกให้หมด ผู้ใดกล้าขัดขืนไม่ต้องพูดถึงเป็นหรือตาย!”
เมื่อคำพูดนี้กล่าวออกไปเจ้าหน้าที่ครึ่งหนึ่งจึงไปปฏิบัติตามคำสั่ง พวกเขาไม่คิดว่าตนเองเป็นผู้พิทักษ์กฎหมาย บุกรุกบ้านเรือนของชาวบ้าน ลากตัวชาวบ้านในเรือนออกมาไม่ว่าจะเป็นสตรี เด็ก คนชรา โดยไม่เว้นแม้แต่คนเดียว เพียงครู่เดียวบนถนนที่เงียบสงบสายนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้คร่ำครวญ ทว่าไม่กล้าล่วงเกินเจ้าหน้าที่ด้วยการร่ำไห้เสียงดัง
หลินชิงเวยขมวดคิ้ว เห็นหัวหน้าหน่วยผู้นั้นหัวเราะและกล่าวว่า “พวกเจ้ามิใช่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหรือ ข้าอยากจะดูว่าคนมากมายเช่นนี้ พวกเจ้าจะทำอย่างไรได้ วันนี้ข้าให้ทางเลือกแก่พวกเจ้าสองทาง หนึ่งกลับไปศาลาว่าการกับพวกข้าเพื่อไต่สวนคดี ข้าจะปล่อยคนเหล่านี้ สองหากเจ้าทั้งสองคนขัดขืน พวกเขาแต่ละคนต้องเข้าไปในคุก รับโทษแทนพวกเจ้า!”
หลินชิงเวยถอนหายใจหันไปพูดกับเซียวอี้เสียงเบา “ข้าไม่ชอบถูกคนข่มขู่”
เซียวอี้ “เช่นนั้นอย่าถูกข่มขู่จะดีกว่า ในเมื่อไม่ใส่ใจ จะมีผู้ใดมาข่มขู่พวกเราได้?”
ต่อมาหลินชิงเวยกลับพูดกับหัวหน้าหน่วยผู้นั้นว่า “เจ้าปล่อยพวกเขาไป พวกเรากลับไปศาลาว่าการกับพวกเจ้า”
สีหน้าของเซียวอี้เปลี่ยนไปทันที เขาพูดอย่างมีโทสะว่า “เจ้ามิใช่บอกว่าไม่ชอบถูกผู้อื่นข่มขู่หรอกหรือ!”
“ถูกต้อง” หลินชิงเวยมองเจ้าหน้าที่โอบล้อมเข้ามาแล้วพูดราวกับไม่มีเรื่องอันใดว่า “แต่ไม่ชอบก็ไม่ทำได้หรือ?”
ดังนั้นหัวหน้าหน่วยจึงจับตัวเซียวอี้และหลินชิงเวยทั้งสองคนต่อหน้าผู้คนมากมายโดยไม่เสียแรงแม้สักกระผีก เจ้าหน้าที่ผู้ถูกซ้อมไม่อาจไม่มองหัวหน้าหน่วยด้วยความนับถือ ขอเพียงจับสองคนนี้เข้าไปในคุกได้ ยังต้องกลัวว่าจะไม่ได้จัดการพวกเขาทั้งสองคนให้สาสมหรือ?