ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - เล่มที่ 11 บทที่ 307 ต่างคนต่างมีสิ่งที่ต้องการ
หลินชิงเวย “ที่จริงเหนียงเหนียงไม่ต้องทำเช่นนี้ เหนียงเหนียงคงลืมไปแล้วว่าข้าเองก็เป็นหมอคนหนึ่ง”
เวลานี้นางกำนัลข้างกายซีเฟยอดรนทนไม่ได้เสียแล้ว นางสอดปากขึ้นเสียงเย็น “เจาอี๋เหนียงเหนียง อย่างไรนี่ก็ถือเป็นน้ำใจของเหนียงเหนียงข้า เจาอี๋เหนียงเหนียงโปรดรับไว้เถิด”
หลินชิงเวยหัวเราะและมองไปที่นางกำนัลนางนั้นปราดหนึ่ง นางกำนัลนางนั้นรู้สึกหัวใจหดรัดอย่างไม่รู้สาเหตุ ต่อมานางถูกซีเฟยตำหนิ “ลวี่ถาน ห้ามเสียมารยาท!” นางกำนัลรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ยังคิดจะพูดสิ่งใดอีก ซีเฟยพูดสำทับว่า “เจ้าออกไปเฝ้าข้างนอก”
นางกำนัลได้แต่ออกไปอย่างไม่เต็มใจ
ซีเฟยพูดกับหลินชิงเวยด้วยความรู้สึกผิด “ทำให้เจาอี๋เหนียงเหนียงเห็นเป็นเรื่องขบขันแล้ว ลวี่ถานเป็นสาวใช้ที่ข้าพามาจากบ้านเดิม ถูกข้าตามใจจนเสียคน”
หลินชิงเวยหัวเราะ “ตามใจจนเสียคนนั้นไม่กระไร เพียงแต่อยู่ในวังหลวงต้องระวังปากให้ดี จะได้ไม่ทำให้เกิดเรื่องยุ่งยาก”
“เจาอี๋เหนียงเหนียงสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว” ซีเฟยกล่าว
หลินชิงเวยมองนาง “ข้าไม่ได้กำลังสั่งสอน เพียงแต่ตักเตือน ซีเฟยเหนียงเหนียงไม่ต้องถ่อมตนเช่นนี้ เหนียงเหนียงอย่างนั้น เหนียงเหนียงอย่างนี้ ฟังแล้วขัดหูอย่างยิ่ง”
ซีเฟยหัวเราะ “เช่นนั้นข้าเรียกท่านว่าเจาอี๋ ท่านเรียกข้าว่าซีเฟยเถิด เจาอี๋ออกจากวังเป็นระยะเวลาร่วมเดือน การเดินทางปลอดภัยดีหรือไม่?”
ไม่แปลกที่ซีเฟยจะรู้ร่องรอยของนาง ในเมื่อคืนที่นางออกเดินทางนั้นเป็นซีเฟยที่อยู่ข้างกายเซียวจิ่น หลินชิงเวยพยักหน้า “ขอบคุณซีเฟยที่เอาใจใส่ ทุกอย่างราบรื่นดี”
ซีเฟย “พูดแล้วควรเป็นข้าที่ขอบคุณท่านจึงจะถูก ก่อนหน้านี้เจาอี๋มีบุญคุณต่อข้าด้วยอาภรณ์ตัวนั้น ต่อมาเป็นบุญคุณที่เจาอี๋เสนอข้า หาไม่แล้วข้าย่อมไม่มีวันนี้”
หลินชิงเวยมองซีเฟย เห็นนางมีสีหน้าเรียบเฉย แววตาอบอุ่นอ่อนโยน ไร้พิรุธของการพูดปด เวลานี้ในวังเป็นอย่างไรหลินชิงเวยไม่ชัดเจนนัก ด้วยนางออกนอกวังเป็นเวลาหลายเดือน ทว่าเรื่องที่ซีเฟยได้รับความโปรดปราน นางกลับกระจ่างแจ้งดี บัดนี้นางยังคงรักษาท่าทีใจกว้างและอ่อนน้อมถ่อมตน นับว่าหาได้ยากนัก
เพียงแต่นางไม่มีความคิดจะเลือกฝ่ายใดในตำหนักใน นางไม่อาจเชื่อใครคนไหนในตำหนักในได้แม้แต่คนเดียว หลินชิงเวยไม่เชื่อว่าซีเฟยได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนี้ ไทเฮาจะไม่แสดงท่าทีดึงนางเข้าไปเป็นพวกของตนเอง
หลินชิงเวยพูดเรียบๆ “ซีเฟยพูดเรื่องขบขันแล้ว เรื่องเหล่านั้นไม่เพียงพอจะให้กล่าวถึง หากมิใช่ด้วยซีเฟยเป็นคนโดดเด่น ไหนเลยจะได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท”
ซีเฟยไม่ถือสาเช่นกัน นางพูดอย่างอ่อนโยน “ดูจากท่าทางเหนียงเหนียงแล้วยังคงป้องกันข้าอยู่ คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ข้ากลับล่วงรู้ว่าคนในใจของฝ่าบาทนั้นคือผู้ใด”
หลินชิงเวยยกยิ้มบนริมฝีปาก “ในเมื่อท่านรู้แล้ว ยังมาหาข้าที่นี่? ไม่กลัวว่าข้าจะแย่งชิงความโปรดปรานของเจ้าหรือ?” นางมิใช่มองไม่เห็นว่าเมื่อซีเฟยเอ่ยถึงเซียวจิ่น ในแววตาของนางปรากฏให้เห็นความอ่อนโยน คิดดูแล้ว ซีเฟยผู้นี้ใส่ใจต่อเซียวจิ่นไม่น้อย ใส่ใจเขาที่เป็นบุรุษผู้หนึ่ง มิใช่ใส่ใจตำแหน่งฮ่องเต้หรือความโปรดปรานในตำหนักใน
ซีเฟยได้ยินเช่นนั้นกลับส่ายหน้าเบาๆ นางหัวเราะเสียงขื่น “สิ่งที่ข้าต้องการนั้นไม่มาก ขอเพียงได้อยู่ข้างกายฝ่าบาท ข้าก็พอใจแล้ว เพียงแต่ข้าคิดว่าเจาอี๋เองไม่มีความคิดจะแย่งชิงความโปรดปรานกับผู้ใด ด้วยหัวใจของเจาอี๋ไม่ได้อยู่ที่นี่”
หลินชิงเวยมองเข้าไปในดวงตาของนาง ดวงตาอบอุ่นอ่อนโยนคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความกระจ่างแจ้ง
ซีเฟยหัวเราะและพูดอีกว่า “เจาอี๋อย่าได้เข้าใจผิด ข้าพูดเรื่องเหล่านี้มิได้มีเจตนาอื่น เพียงแต่พวกเราต่างกระจ่างแจ้งดีว่าเราต้องการสิ่งใด มีบางเรื่องต่อให้ข้ารู้ ข้าก็จะไม่พูดออกไป เพียงปรารถนาให้เจาอี๋สมปรารถนาในวันหน้า อยู่ในวังหลวงหากมีเรื่องใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือได้ ข้าย่อมช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง”
ต่อมาทั้งสองต่างเงียบขรึมไปอึดใจหนึ่ง
หลินชิงเวยและซีเฟยมีเป้าหมายที่แตกต่างกัน สิ่งที่พวกนางต้องการไม่เพียงไม่ส่งผลกระทบต่อกัน อีกทั้งยังสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากหลินชิงเวยสมปรารถนา นั่นย่อมไม่ส่งผลเสียอันใดต่อซีเฟย หัวใจของซีเฟยมีเพียงเซียวจิ่น ย่อมไม่ปรารถนาให้เซียวจิ่นมีคนอื่นอยู่ในใจตลอดกาล
ไม่อาจไม่พูดว่าซีเฟยผู้นี้เป็นสตรีชาญฉลาดคนหนึ่ง เป็นสตรีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ ใจกว้างมีเมตตา หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ทันทีที่รู้ว่าในใจเซียวจิ่นคิดถึงเพียงแต่หลินชิงเวย ย่อมต้องมาสร้างความวุ่นวายกับหลินชิงเวยเนิ่นนานแล้ว แต่นางเลือกที่จะช่วยเหลือหลินชิงเวย เพื่อตอบแทนบุญคุณของหลินชิงเวย อีกทั้งยังส่งเสริมหลินชิงเวยและตนเอง
บัดนี้เมื่อซีเฟยพูดจาเปิดอกเช่นนี้ยิ่งเป็นการดี หลินชิงเวยไม่ชอบคนวางท่า นางชมชอบที่ซีเฟยพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้
หลินชิงเวยมองซีเฟยยิ้มๆ “ขอบคุณความปรารถนาของซีเฟย คำพูดนี้ ข้าจดจำไว้ในใจแล้ว”
ซีเฟยลุกขึ้น “เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเจาอี๋”
หลินชิงเวยเรียกหัวหน้าขันทีของตำหนักฉางเหยี่ยนส่งซีเฟยออกไปถึงหน้าประตูตำหนัก ซีเฟยพาลวี่ถาน นางกำนัลของตนกลับไป
ระหว่างทางลวี่ถานยังคงพูดด้วยโทสะ “เหนียงเหนียงอาศัยสิ่งใด ทั้งๆ ที่หลินเจาอี๋ผู้นั้นไม่รู้ดีชั่ว ไม่เคารพต่อเหนียงเหนียง เหตุใดเหนียงเหนียงยังต้องให้ความเคารพนางสามส่วน? ยามนี้เหนียงเหนียงจึงจะเป็นคนโปรดของฝ่าบาท นางนับเป็นอันใดได้เจ้าคะ?”
บนใบหน้าของซีเฟยอดที่จะปรากฏให้เห็นริ้วโทสะบางๆ ไม่ได้ นางมองลวี่ถานแวบหนึ่ง “เมื่อถึงเวลาที่เจ้าควรพูดจา เจ้าค่อยพูด หากไม่ควรพูด เจ้าไม่ต้องพูด เคราะห์ภัยออกมาจากปากเจ้ารู้หรือไม่?”
ลวี่ถานกัดริมฝีปาก น้ำตาไหลนองบนใบหน้าที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมของนาง
ซีเฟยพูดน้ำเสียงอ่อนลง “หลินเจาอี๋ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทมิใช่เรื่องเพียงแค่วันสองวันเท่านั้น อีกทั้งนางยังรักษาฝ่าบาทให้หายจากพิการได้ ทำให้ไทเฮามีสภาพเป็นหญิงชราในชั่วเวลาเพียงข้ามคืน วิชาแพทย์ของนางไร้ผู้ใดเทียบเทียม นางไม่ได้เป็นเพียงแค่สนมชายาสามัญทั่วไปเท่านั้น ต่อไปเจ้าระมัดระวังให้มาก อย่าได้ล่วงเกินนาง รู้หรือไม่?”
ลวี่ถาน “บ่าวรู้แล้วเจ้าค่ะ” แม้ปากจะพูดเช่นนั้น ทว่าในใจยังคงเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นต่อหลินชิงเวย
ไหนเลยจะคิดว่าซีเฟยกลับไปจากตำหนักฉางเหยี่ยนได้เพียงสองวันก็ล้มป่วยลง
หลังจากหลินชิงเวยกลับมาถึงวังหลวง เสี่ยวฉีไม่เคยปรากฏกายต่อหน้าหลินชิงเวย แต่หลินชิงเวยรู้ว่าเจ้าหนุ่มตัวเหม็นนั่นยังคงคิดถึงซินหรู ขอเพียงมีซินหรูอยู่ ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเขาจะไม่ปรากฏตัว
คืนนี้เสี่ยวฉีลอบเข้ามาในเรือน เดิมทีคิดจะมาดูว่าซินหรูเข้านอนแล้วหรือไม่ ยังไม่ทันได้ไปถึงขอบหน้าต่าง หลินชิงเวยก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลัง นางยืนกอดอกพูดอาดๆ ว่า “เป็นเพราะเจ้าลักเล็กขโมยน้อยจนเป็นนิสัยแล้วใช่หรือไม่ ให้เจ้าเข้าทางประตูหลัก เจ้ากลับไม่คุ้นชิน?” เงาร่างสีดำของเสี่ยวฉีชะงักงัน เขาค่อยๆ หันหน้ากลับมาเห็นหลินชิงเวยยืนอยู่ภายใต้โคมไฟของระเบียง แสงไฟสลัวที่สาดส่องลงมาทำให้เงาร่างของนางดูอบอุ่นคลุมเครือ
เสี่ยวฉีรู้สึกตัวและคิดจะหนี
หลินชิงเวยพูดไม่เร็วไม่ช้า “เจ้าหนีเถิด ครั้งนี้เจ้าหนี ข้ารับรองได้เลยว่าครั้งหน้าเจ้าไม่มีทางได้เข้ามาในเรือนหลังนี้อีก ไม่มีโอกาสได้พบกับซินหรูอีกต่อไป”
ร่างของเสี่ยวฉีหยุดอยู่กับที่ เขาหันกายมาพูดเสียงละห้อย “ข้าน้อยคารวะเจาอี๋เหนียงเหนียงขอรับ”
หลินชิงเวยเกรงว่าจะทำให้ซินหรูตื่นเช่นกัน นางจึงสะบัดชายกระโปรงเดินผ่านระเบียงทางเดิน เสี่ยวฉีเดินตามนางไปยังพื้นที่กว้างกลางลานเรือน
แสงจันทร์สว่างบนท้องฟ้า ทว่าแสงจันทร์กลับเต็มไปด้วยเมฆดำ
“เหนียงเหนียงมีคำสั่งใดขอรับ?” เสี่ยวฉียืนอยู่ครู่หนึ่ง จึงถามขึ้นก่อน
หลินชิงเวยเบนหน้าใช้หางตามองเขา นางหัวเราะ “ดูสีหน้าร้อนรนของเจ้า คิดดูแล้วเจ้าน่าจะเดาได้ว่าเหตุใดข้าจึงต้องการพบเจ้า”