ตื๊อรักแพทย์หญิง ฉบับท่านอ๋อง - ตอนที่ 56 ถูกงูกัด
เมื่อชิงหลันถดกายหนีนั้น มันดูอ่อนแรงไร้กำลังที่จะโต้ตอบเอาคืน
หลินชิงเวยตื่นตะลึง
ได้แต่ฟังเซียวเยี่ยนหรี่ตากล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางไม่กล้าฆ่ามันใช่หรือไม่?”
หลังจากตื่นตะลึงแล้วหลินชิงเวยจึงแค่นหัวเราะเสียงเย็น “งูตัวอื่นๆ ข้ารีดต่อมพิษของมันออกหมดแล้วแต่ตัวนี้ยังไม่ได้รีด ท่านลองสังหารมันดูสิ พรุ่งนี้เกรงว่าจะต้องมีข่าวสะท้านฟ้าสะเทือนดินลือออกไปว่าเซ่อเจิ้งอ๋องตายอยู่ในห้องทรงพระอักษรเป็นแน่”
เซียวเยี่ยนก้มหน้าลงมอง เห็นปลายนิ้วของเขาที่มีหยดเลือดซึมออกมาเวลานี้กลายเป็นสีเขียวคล้ำ อีกทั้งค่อยๆ คืบคลานขึ้นมาตามเส้นเลือด แขนของเขาก็เริ่มมีสีคล้ำเช่นกัน
เขารีบยกแขนขึ้นสกัดจุดเส้นเลือดใหญ่บนแขนของตน เพื่อไม่ให้เลือดไหลขึ้นสู่ข้างบน
สีหน้าของเซียวเยี่ยนเปลี่ยนไป ปลายนิ้วของเขาปลดปล่อยชิงหลันเป็นอิสระ ชิงหลันกำลังคิดจะเลื้อยเข้าไปกัดลงไปบนแขนเขาอีกสักสองครั้ง หลินชิงเวยร้องว่า “ชิงหลัน!”
ชิงหลันได้แต่ออกห่างจากร่างของเซียวเยี่ยน จากนั้นกลับไปซ่อนตัวในเสื้อผ้าของหลินชิงเวย
พิษนั้นกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาเซียวเยี่ยนพลันรู้สึกว่าสายตาของเขาพร่ามัว มองอะไรล้วนไม่ชัดเจน เขาก้าวถอยหลังไปสองก้าว มือค้ำลงบนโต๊ะ หลินชิงเวยเอ่ยขึ้นว่า “เสด็จอา ท่านขอร้องข้าสิ ข้าจะให้ยาถอนพิษท่าน ดีหรือไม่?”
เซียวเยี่ยนขมวดคิ้วทว่าไม่พูดจา เขายกมือขึ้นอีกเพื่อจี้สกัดจุดชีพจรใหญ่ทั่วร่างกายของตนเพื่อลองสกัดการแพร่กระจายของพิษ ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าใดนักเขาจึงยกมือขึ้นเตรียมจะตัดแขนอีกข้างของตนอย่างไม่หยุดคิด!
“นี่” หลินชิงเวยตาไวมือไว ไม่ทันได้หยุดคิดก็ออกแรงไปยื้อแขนของเขาไว้ ขัดขวางไม่ให้เขาใช้ดาบตัดแขนอีกข้างหนึ่ง
“ปล่อย” หน้าผากของเซียวเยี่ยนเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น ผิวของเขาเยียบเย็นไปทั้งร่าง
หัวใจของหลินชิงเต้นโครมคราม นางไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงต้องมีความรู้สึกหงุดหงิดเช่นนี้ “ท่านยอมที่จะตัดแขนตนเอง ก็ไม่ยอมพูดดีๆ กับข้าใช่หรือไม่”
“ชิ” ครานี้เป็นหลินชิงเวยบ้างที่ถูกทำให้โมโหเดือดดาลอย่างที่สุด นางกล่าวอีกว่า “ก็แค่สมบัตินอกกายไม่กี่ชิ้น ข้าไม่ได้เสียดายอะไรมากมาย เพียงแต่คิดว่าเป็นของแปลกใหม่ เซ่อเจิ้งอ๋องช่างรู้จักทำการค้านัก ข้าขาดทุนย่อยยับแล้ว ที่จริงแล้วข้าไม่ควรจะสนใจท่าน ให้ท่านต้องพิษจนตายก็ดีแล้ว ช่างเป็นบุรุษน่ารังเกียจนัก!” นางพูดไปพร้อมกับล้วงยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ นางจำเป็นต้องเขย่งปลายเท้าจึงจะยื่นแขนส่งยาเม็ดนั้นไปถึงปากของเซียวเยี่ยน เห็นเซียวเยี่ยนไม่อ้าปากกลับกลอกตาขาวมองนาง “อ้าปากสิ หรือท่านต้องการตายจริงๆ?”
เซียวเยี่ยนมองหน้านาง จากนั้นหลุบตาลงครึ่งหนึ่งอ้าปากกลืนยาลงไป
หลินชิงเวยเอื้อมมือไปดึงมือของเขาที่ถูกงูกัด มองปลายนิ้วของเขา จากนั้นก้มหน้าลงไป ริมฝีปากของนางแนบติดไปกับปลายนิ้วของเขา เขาชะงักงันเมื่อเห็นหลินชิงเวยกำลังใช้ปลายลิ้นดูดปลายนิ้วของเขาเพื่อดูดพิษออกมาแล้วถ่มพิษลงบนพื้น
ริมฝีปากของนางอ่อนนุ่ม ริมฝีปากและฟันของนางสัมผัสถูกปลายนิ้วของเขาช่างอบอุ่นยิ่งนัก เพียงแต่เวลานี้หลินชิงเวยไม่มีเวลาจะมาล้อเล่นกับเขา นางหลุบตาลงต่ำสีหน้าท่าทางจริงจัง กระทั่งเลือดที่ดูดออกมาจากปลายนิ้วของเซียวเยี่ยนกลายเป็นสีแดง จึงหันศีรษะกัดลงปลายนิ้วเขาสองครั้ง
หลินชิงเวยเช็ดริมฝีปากของตน “เวลานี้ท่านคลายจุดก่อน ท่านเดินพลังลมปราณได้มิใช่หรือ ใช้พลังลมปราณของท่านขับพิษที่เหลือออกมา”
เซียวเยี่ยนคลายจุดชีพจรของตนออกก่อนแล้วเดินพลังลมปราณ รอกระทั่งเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาจึงมองเห็นชัดเจน ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว เพียงแต่ปลายนิ้วรู้สึกแสบร้อนและเจ็บปวด เขาก้มลงมองดูปลายนิ้วของตน ยังมีร่องรอยจางๆ และเปียกชื้น ปรากฏให้เห็นบาดแผลจากการถูกงูกัด
หลินชิงเวยนำสิ่งของทั้งหมดที่นางหยิบติดไม้ติดมือไปทิ้งลงบนโต๊ะหนังสืออย่างดูแคลน นางเอ่ยวาจาถากถางว่า “เซ่อเจิ้งอ๋องถึงกับใช้ชีวิตของตนเพื่อแลกกับสิ่งของเหล่านี้ ข้าย่อมไม่กล้าหยิบไปด้วยกลัวจะอายุสั้น”
พูดแล้วหลินชิงเวยก็สาวเท้าก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องทรงพระอักษร
“เดี๋ยวก่อน”
หลินชิงเวยหันกายกลับมา อารมณ์ยังไม่มั่นคงนัก นางหันกลับมายิ้มหวานราวกับดอกไม้บานสะพรั่ง “อย่างไรเล่า อยากจะขอบคุณข้า?”
เซียวเยี่ยนโยนฎีกาสองกองนั้นมาให้หลินชิงเวย “รับไว้ให้ดี”
หลินชิงเวยแทบจะคลุ้มคลั่ง “เหตุใดต้องเป็นข้า?!”
เซียวเยี่ยนกล่าวอย่างไม่แสดงอารมณ์ “เจ้าก็เห็นแล้วว่าเปิ่นหวังเพิ่งถูกงูกัด ไม่มีเรี่ยวแรง”
“เช่นนั้นไฉนท่านจึงมีเรี่ยวแรงนำสิ่งของเหล่านี้มาถึงมือข้าเล่า!”
“นั่นเป็นเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายของเปิ่นหวางแล้ว” หลินชิงเวยเกือบจะเขวี้ยงสิ่งของลงบนพื้น เซียวเยี่ยนได้แต่มองนาง “เจ้าปล่อยงูออกมากัดเปิ่นหวาง หรือเจ้าไม่คิดว่าเจ้าควรจะรับผิดชอบต่อเปิ่นหวางบ้าง?”
“ท่านเรียกขันทีที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามาถือให้ได้”
เซียวเยี่ยนกล่าวอย่างเป็นการเป็นงาน “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความลับของทางราชสำนัก ขุนนางไม่อาจแตะต้องได้”
หลินชิงเวยนับว่ากระจ่างแจ้งแล้ว นี่เขาหลอกให้นางมาห้องทรงพระอักษร ก็เพื่อมาทำงานแรงงานให้เขากระมัง! เวลานี้ช่างดีนัก ใช้เหตุผลที่ถูกงูกัดมาเป็นข้ออ้างที่จะใช้งานนางโดยที่นางไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้
มือทั้งคู่ของเซียวเยี่ยนว่างเปล่าขณะเดินนำอยู่ข้างหน้า หลินชิงเวยหอบฎีกาทั้งหมดเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างกระหืดกระหอบ นางเดินๆ หยุดๆ ยิ่งเดินยิ่งช้า สุดท้ายนางจึงทิ้งงานในหน้าที่กลางคัน
นางนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างทาง มองเซียวเยี่ยนที่เดินห่างออกไปไกล แล้วเลิกคิ้วหันกลับมา นางคิดว่าเวลานี้นางถูกท่านอ๋องผู้นี้กลั่นแกล้ง
ดูเหมือนคนที่เสียเปรียบอย่างแท้จริงคือนาง นางต้องสูญเสียยาถอนพิษ ยังต้องดูดพิษให้เขา เวลานี้ยังต้องมาทำงานแรงงานให้เขาอีก เขาเล่า เดินมือเปล่า สบายใจยิ่งนัก
หลินชิงเวยแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ข้าว่าเสด็จอา ท่านจงใจกระมัง?”
“จงใจอันใด?”
“ท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าต้องช่วยท่าน?”
“ไม่รู้”
“ท่านรู้แน่นอน! ท่านกำลังแสดงละครหรือไร?” หลินชิงเวยไตร่ตรองดูแล้ว “เวลานี้ข้าเดินไม่ไหวแล้ว ท่านจัดการเองเถิด ผู้ชายร้ายกาจกล้ามารังแกข้าซึ่งเป็นสตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าหนังหน้าของท่านหนาเพียงใด! หากท่านยังรังแกข้าอีกข้าจะนั่งอยู่ที่นี่ อย่างไรที่นี่มีคนในวังสัญจรไปมา ไม่เชื่อข้าจะร้องไห้ให้ท่านดู ประเดี๋ยวคนในวังก็จะซุบซิบนินทา เซ่อเจิ้งอ๋องท่านนี้ช่างไร้รสนิยมกล้ารังแกสนมของฮ่องเต้” พูดแล้วนางก็หรี่ตาลงมองเซียวเยี่ยน เอียงคออย่างท้าทายอยู่หลายส่วน
กลัวอะไร แม้พี่สาวจะอายุเยอะ แต่ร่างนี้ยังสาวอยู่ หากยังไม่เสแสร้งเป็นสาวน้อย นี่แหละคือต้นทุน!
เซียวเยี่ยนกล่าว “เจ้าต้องการจะทะเลาะกับเปิ่นหวางให้ถึงที่สุดใช่หรือไม่?”
หลินชิงเวย “ไม่เชื่อพวกเราก็รอดูต่อไป” นางยกมือขึ้นชี้ไปไม่ไกลนัก ดูเหมือนจะมีนางกำนัลสองคนกำลังจะเดินผ่านมา “เสด็จอา เตรียมตัวดีแล้วหรือไม่ ข้าจะเริ่มร้องไห้แล้วนะ”
เซียวเยี่ยนบีบนวดขมับของตน “…”
จังหวะที่หลินชิงเวยกำลังจะเริ่มร้องไห้นั่นเอง เซียวเยี่ยนรับฎีกามาจากมือของนาง ลุกขึ้นกล่าวว่า “ไปเถิด ฝ่าบาทยังรออยู่”
หลินชิงเวยปัดๆ ก้นแล้วเดินตาม “ท่านไม่ใช่ไม่มีแรงหรือไร ข้าดูแล้วเสด็จอาเวลานี้เต็มไปด้วยพละกำลัง”
เซียวเยี่ยนกล่าวขึ้นโดยไม่หันมามอง “ใช่หรือ อาจเป็นเพราะเปิ่นหวังได้พักเมื่อสักครู่ เวลานี้จึงเริ่มมีกำลังเล็กน้อย”
หลินชิงเวยหยิบก้อนหินสีขาวราวกับหิมะก้อนหนึ่งขึ้นมาแล้วเขวี้ยงไปที่หลังเซียวเยี่ยน น่าแปลกคนผู้นี้มีตาหลังหรือไร เห็นๆ อยู่ว่าลูกหินลอยข้ามไป เมื่อกำลังจะสัมผัสถูกแผ่นหลังของเขาแล้ว คิดไม่ถึงเขากลับเคลื่อนกายหลบหลีกไปได้