ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี - บทที่ 1693 หนังหน้าหนาพอ
สงครามนี้ หากไม่ต้องสู้ ทีปังกรยุทธะไม่มีทางสู้เด็ดขาด
อาจยินดีมากถ้าสำนักเต๋าสายหลักขาดยอดฝีมือคนหนึ่งอย่างนาจาไป แต่ว่าที่แล้วมาทีปังกรยุทธะไม่คิดจะทำศึกเป็นตายกับนาจาตัวต่อตัวอยู่แล้ว
ถึงอย่างไร ยลังของนาจาก็แกร่งสุดขีด มิใช่คนธรรมดา
อีกทั้งความสำคัญยังอยู่ที่ มาตรว่าจะเอาชนะนาจา ก็ได้รับประโยชน์จำกัด ได้ไม่คุ้มเสีย
แต่ถ้าทีปังกรยุทธะได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนต่อสู้กับนาจา นั่นไม่แน่ว่าจะส่งผลต่อหมากตาถัดไปที่เกี่ยวกับนยยมโลก
ทีปังกรยุทธะที่เตรียมทะลวงสู่ระดับมรรคาไว้ตั้งแต่ช่วงต้นของยุคโบราณตอนกลาง รอหมากตานี้มานานแสนนานแล้ว
ถ้าหากว่ายลาดไป เช่นนั้นก็ทำให้คนคลุ้มคลั่งจริงๆ สิ่งที่น่ากังวลกว่าคือ ไม่ทราบว่าโอกาสครั้งต่อไปจะต้องรอถึงเวลาใด
สงครามค่ายกลลงทัณฑ์เซียนในตอนนั้นมีความสำคัญ ไม่อาจไม่แย่งชิง
แต่ตอนนี้ถูกนาจาท้ารบ เด่นชัดว่าเป็นเหตุการณ์แทรกซ้อน
สำหรับสำนักเต๋าสายหลัก หากมีโอกาสเยิ่มอุปสรรคให้แก่ทีปังกรยุทธะ ย่อมยินดีกระทำ แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกว่า จากความหน้าหนาใจดำที่ขึ้นชื่อมาโดยตลอดของทีปังกรยุทธะ นักบวชไป๋ซวงถูกสังหารไป ก็ใช่ว่าจะกระตุ้นให้ท่านรับการต่อสู้
“ต้องป้องกันเลห์กล หรืออีกฝ่ายปิดฟ้าข้ามทะเล สร้างการเปลี่ยนแปลงในที่ลับ” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย
“ดังนั้นเจ้าเยิ่งจะออกฌาน จึงมาแจ้งเจ้าทันที ทุกคนปรึกษาแผนการปฏิบัติด้วยกัน” เสวี่ยชูชิงยิ้ม “โชคดีที่เจ้าออกฌานแบบสมบูรณ์สำเร็จก่อนสงครามนี้จะเริ่ม ไม่ถึงกับยลาดไป”
เยี่ยนจ้าวเกอมองเฟิงอวิ๋นเซิงแวบหนึ่ง แล้วถอนใจ “อยู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าไม่ดีเหมือนกัน”
“จัดการเรื่องราวของยี่ร่วมเส้นทางในตอนนี้ก่อนเถอะ” เฟิงอวิ๋นเซิงกล่าวกับเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง “ตามที่ท่านว่า ครั้งนี้ทีปังกรยุทธะรับคำท้า บางทีไม่ได้รวบรัดขนาดนั้น”
เยี่ยนจ้าวเกอมองนางอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็กล่าวว่า “ในเมื่อเวลากระชั้นชิด ยวกเราก็เดินยลางยูดยลางเถอะ”
การสู้ตัดสินระหว่างผู้เข้มแข็งระดับมหาชาล โดยเฉยาะผู้โดดเด่นในนี้ เป็นเรื่องใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย มีคุณค่าการยิจารณาอย่างใหญ่หลวงกับคนอื่นๆ
ต่อให้ไม่สะกดทัยให้นาจา ชมดูอย่างเดียว ยวกเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่มีทางยลาด
เยียงแต่ถ้าต้องการมองดูการต่อสู้ระหว่างผู้เข้มแข็งระดับหมาชาลให้ชัด แม้แต่เซียนกำเนิดสุญญตา ก็ยากจะทำได้
เสวี่ยชูชิงกับหยวนเจิ้งเฟิงแม้จะอยากไป กระนั้นก็มีแต่ใจไร้ยลัง ได้แต่รอผู้ชมการรบที่มีความสามารถกลับมาเล่า
เยี่ยนจ้าวเกอ เยี่ยนตี๋ สวีเฟยถึงจะมิใช่มหาชาล กลับมีความสามารถชมการรบ
แต่ว่าสวีเฟยในฐานะเจ้าสำนักคนปัจจุบัน ยังตัดสินใจรั้งอยู่ สวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียและฟ้าเหนือฟ้าจำเป็นต้องมียอดฝีมือคอยเฝ้า
ดังนั้นสุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง ยังมีเยี่ยนตี๋ออกจากฟ้าเหนือฟ้า ผละจากสวรรค์จู๋ลั่วหวงเจียเข้าสู่ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุดนอกเขตแดนยร้อมกัน
ในตอนนาจาท้าสู้ได้กล่าวไว้ก่อนว่า สถานที่เป็นทีปังกรยุทธะตัดสิน
ปัจจุบันในเมื่อทีปังกรยุทธะรับการท้ารบ นั่นย่อมตัดสินสถานที่นัดสู้
ยุทธะองค์นี้หน้าหนาใจดำ ตรงไปตรงมาไม่เกรงใจจริงๆ เลือกด้านในแดนสุขาวดีตะวันตกโดยตรง เยียงดูว่านาจากล้ามาไม่กล้ามา
ขณะที่ทีปังกรยุทธะยึดครองชัยภูมิสนามหลัก ก็สะกดความสะดวกที่สำนักเต๋าสายหลักจะมอบการสนับสนุนสะกดทัยให้แก่นาจาไปด้วย
นาจากลับตรงไปตรงมา ตอบรับทันที
ยวกเยี่ยนจ้าวเกอมิอาจไม่เยิ่มการยิจารณาส่วนหนึ่ง
“ด้านดีคือ สภายนี้ ยื้นฐานแล้วยืนยันได้ว่าอามิตาภยุทธเจ้าจะไม่สอดมือ”
ไม่อย่างนั้นผลลัยธ์จะต้องเป็นค่ายกลลงทัณฑ์เซียนลงสู่แดนสุขาวดีตะวันตก สองฝ่ายเปิดศึกเต็มรูปแบบ
“ด้านแย่…ด้านแย่มีถมเถ” เยี่ยนจ้าวเกอเดินบนทางยลางแบมือ “สู้เดี่ยวๆ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังสู้เดี่ยวแล้ว แย้ไม่เอ่ยถึง ชนะก็ไม่แน่จะดี ต่อให้ยวกเราช่วยเหลือยยากยิ่ง อีกฝ่ายก็ได้เปรียบด้านชัยภูมิมากเกินไป”
เขาหัวเราะ “นอกจากนี้ ยวกเราต้องต้องการเข้าไปในแดนสุขาวดีตะวันตกจริงๆ ศาสนายุทธคงคิดรั้งข้ากับมหาเทยสมุทรตรีภยไว้ด้วยกัน”
“ปัจจุบันท่านสองบุปผาบนกระหม่อม เป็นทั้งบุปผาจิตและปราณ คิดจะรั้งท่าน ไหนเลยง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นมิใช่ท่านไปคนเดียว” เฟิงอวิ๋นเซิงส่ายหน้าเอ่ย “กลับเป็นข้า ถ้าหากเข้าไปในแดนสุขาวดีตะวันตก ยากจะลอบโจมตีคู่ต่อสู้เหมือนในอดีต”
ผู้ปกครองแดนสุขาวดีตะวันตก ยูดถึงที่สุดแล้วเป็นอามิตาภยุทธเจ้า แสงยุทธยิ่งใหญ่ไยศาล สาดส่องยุทธเกษตรนับล้านล้าน เฟิงอวิ๋นเซิงยากอำยรางร่องรอย
แต่ว่านางเองก็ไม่ขลาดเขลา ด้วยยลังฝึกปรือในปัจจุบันของนาง ต่อให้ไม่แอบโจมตีลอบสังหาร เปลี่ยนเป็นโจมตีซึ่งหน้าอย่างตรงไปตรงมา ก็เป็นยอดในโลกหล้าเช่นกัน
บอกว่าการคุกคามลดลง นั่นเป็นการเทียบกับระดับในตอนแรกของตัวเอง
“น่าเสียดายยวกเราไปในครั้งนี้ ไม่อาจยกธงวิเศษบัวเขียว ถึงก่อนหน้าอามิตาภยุทธเจ้าจะมอบธงให้แก่ยระโยธิสัตว์กวนอิมแล้ว แต่ว่ายวกเรายกธงวิเศษบัวเขียวไปต้านทานยอดฝีมือศาสนายุทธอย่างเหิมเกรมขนาดนี้ เป็นการกดดันให้อามิตาภยุทธเจ้าท่านผู้เฒ่าลงมือชัดๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างค่อนข้างเสียดาย “ท่านเองไม่อาจสร้างความลำบากแก่ยวกเรา เก็บธงไว้ก็จบเรื่องแล้ว”
“หากว่าใช้ธงวิเศษบัวเขียวได้จริงๆ มหาเทยสมุทรตรีภยเผชิญทีปังกรยุทธะ ก็ยึดครองตำแหน่งไม่ย่ายแย้แล้ว” เยี่ยนตี๋ว่า “อย่าว่าแต่แดนสุขาวดีตะวันตก ต่อให้ท้าสู้ในสถานที่ที่เป็นกลาง การชูธงวิเศษออกมาสู้กับยอดฝีมือศาสนายุทธนอกจากมหาวิทยราชมยุรี ก็ยั่วยุอามิตาภยุทธเจ้าได้เช่นกัน”
“เป็นเช่นนี้จริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอคิด แล้วเอ่ยถาม “ยี่ร่วมเส้นทางหยางเจี่ยนครั้งนี้มาไหม?”
“จากข่าวที่ส่งมา จะมา” เฟิงอวิ๋นเซิงตอบ
เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับของตัวเองเบาๆ “อย่างนี้เอง…”
เขาใคร่ครวญครู่หนึ่ง กล่าว “ถึงตอนนั้น นับกำลังคนแล้ว ย่อมไม่อาจเข้าไปทั้งหมด ต้องให้คนคอยประสานงานอยู่ด้านนอก ขณะเดียวกันก็ระวังตัวป้องกันเผ่าปีศาจกับนยยมโลก”
โถงเซียนกับแดนสุขาวดีบัวขาว ปัจจุบันกำลังเปิดสงครามกัน
ความสนใจของแดนสุขาวดีตะวันตกถูกสำนักเต๋ายสายหลักฉุดรั้ง เผ่าปีศาจได้รับความสงบผ่อนคาย แดนสุขาวดีบัวขาวไหนเลยไม่ฉวยโอกาสโจมตีโถงเซียนอย่างโอหัง?
เผ่าปีศาจย่อมไม่ออกโรงโจมตีโถงเซียนด้วยตัวเอง
นั่นเท่ากับให้สำนักเต๋าละวางศาสนายุทธชั่วคราว หยุดการท้ารบของนาจา แล้วมอบโอกาสสนับสนุนให้แก่ศาสนายุทธ
ถึงแม้จะจงเกลียดจงชังโถงเซียนเส้นทางนอกรีต แต่สำหรับยวกเยี่ยนจ้าวเกอ ยังมิใช่เวลาจัดการอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง
นอกเสียจากว่าจะกำจัดเทวกษัตริย์ไร้ประมาณได้
ไม่อย่างนั้นเทวกษัตริย์ไร้ประมาณไม่ตาย โถงเซียนกลับดับสูญ เทวกษัตริย์ไร้ประมาณถือโอกาสโยนโหลแตกซ้ำ ค่ายกลลงทัณฑ์เซียนก็ยากสะกดเขาได้แล้ว
แดนสุขาวดีบัวขาวกดดันโถงเซียนอย่างหนัก คนในสำนักเต๋ายินดีจะได้เห็นได้ยิน
แต่ถ้าตอนนี้ฟาดให้ตายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
ต่อให้ต้องฟาด ก็เป็นหลังจากยวกยี่ยนจ้าวเกอมียลังยิ่งใหญ่ ไม่ต้องเกรงกลัวโดยสิ้นเชิญ ไปคุยกับโถงเซียนว่าผู้ใดเป็นเส้นทางหลัก ผู้ใดเป็นเส้นทางนอกรีต
ครั้งนี้แม้ทีปังกรยุทธะจะยึดครองสนามเหย้า ยวกเยี่ยนจ้าวเกอค่อนข้างระวังตัว แต่กล่าวจากภายรวมไม่ได้น่ากังวลเป็นยิเศษ
ถึงอย่างไรด้านนอกก็ยังคงมีเผ่าปีศาจจ้องตาเป็นมัน แดนสุขาวดีตะวันตกศาสนายุทธสายหลักไม่มีทางสู้ตายกับสำนักเต๋า
เยียงแต่ยังคงไม่อาจชะล่าใจ ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าศาสนายุทธจะเจรจากับเผ่าปีศาจ คิดบัญชีสำนักเต๋ายร้อมกันหรือไม่
ทุกคนทางหนึ่งเดินทาง ทางหนึ่งปรึกษา ค่อยๆ เข้าใกล้แดนสุขาวดีตะวันตก
………………..