ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 98 ข้าต้องการธนูคันนี้!
บทที่ 98 ข้าต้องการธนูคันนี้!
”เจ้ากำลังพูดถึงผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานธรรมดาทั่วไป ไม่ใช่ข้า!” ลู่เฉินไม่ได้พูดถึงความพิเศษของรากวิญญาณสวรรค์ผกผัน เพราะแค่ความพิเศษของจุดตันเถียนกับพลังทั้งเก้าภพของเขาก็สามารถสังหารผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานทั้งหมดได้แล้ว!
ทว่าผู้นำพันธมิตรไม่รู้ เขาคิดว่าลู่เฉินนั้นหยิ่งผยอง “อย่าคิดว่าเพียงแค่เจ้าต่อต้านฝ่ามือของข้าได้แล้วจะคิดว่าตนเองร้ายกาจนะ!”
”โอ้? อยากลองไหมเล่า?”
ทันใดนั้น เบื้องหน้าผู้นำพันธมิตรพลันปรากฏคันธนูบินออกมา
พื้นผิวของคันธนูนี้โปร่งแสง แต่ภายในเปล่งแสงสีม่วง และยังสามารถรวบรวมไอมารให้กลายเป็นศรมารได้อย่างรวดเร็ว
”คันธนูนี้ ใช่… ข้าต้องการมัน!” ลู่เฉินมองไปที่คันธนูนั้นแล้วก็เกิดความคิดนี้ทันที
ทางฝั่งผู้นำพันธมิตร จู่ ๆ เขาก็พลันหัวเราะเย็นชา “เจ้าต้องการหรือไม่?”
”ใช่!”
“เช่นนั้นข้าจะมอบให้เจ้า!” ทันทีที่ผู้นำพันธมิตรเอ่ยจบ ศรจากคันธนูนั้นก็พุ่งเข้าหาลู่เฉินในฉับพลัน!
ทว่า ‘กำแพงพันชั้น’ ของลู่เฉินสามารถต้านทานศรดอกนี้ไว้ได้!
“เป็นไปไม่ได้!” ผู้นำพันธมิตรตาเบิกกว้าง
และไม่เพียงแต่ผู้นำพันธมิตรเท่านั้น แม้แต่หลันเย่าที่เฝ้าดูอยู่ก็ตะลึงงันเช่นกัน “ผู้อาวุโสลู่ ท่านช่างน่ากลัวจริง ๆ!”
จากนั้นทั้งสองก็ได้เห็นฉากที่น่าตกใจยิ่งกว่า
เนื่องจากลู่เฉินได้สำแดง ‘วิชาคุมจิตวิญญาณ’ เพื่อควบคุมคันธนู ซึ่งการกระทำนี้… มันก็ทำให้ผู้นำพันธมิตรหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที “นี่คือของข้า!”
ผู้นำพันธมิตรและลู่เฉินใช้จิตสัมผัสยื้อแย่งคันธนูที่ลอยอยู่กลางสุญญะ
และเนื่องจากผู้นำพันธมิตรได้ขัดเกลาคันธนูแล้ว ดังนั้นจิตวิญญาณในธนูจึงยืนเคียงข้างเขา ทำให้ลู่เฉินจำต้องสำแดง ‘วิชาคุมจิตวิญญาณ’ แต่เห็นได้ชัดว่าการทำเช่นนี้กินแรงไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น คันธนูนี้ยังค่อย ๆ ลอยกลับไปทีละน้อยด้วย!
แต่มุมปากของลู่เฉินพลันยกขึ้น ก่อนที่เถาวัลย์ธรณีสายหนึ่งจะพันรัดผู้นำพันธมิตรอย่างรวดเร็ว ทำให้อีกฝ่ายตกตะลึง รีบหักเถาวัลย์ดินเหล่านั้น แต่ทันทีที่หันไปสนใจมัน ลู่เฉินก็ได้ใช้จังหวะนี้ยื้อแยงคันธนูมาทางตนเสียแล้ว!
คันธนูนี้ตกอยู่ในมือของลู่เฉินทันที
จากนั้นคันธนูก็ส่งเสียงหึ่ง ๆ ราวกับพยายามหลบหนีอย่างไรอย่างนั้น
ภาพตรงหน้าทำให้ผู้นำพันธมิตรแค่นเสียงหึออกมาแล้วเอ่ยว่า “ข้าเคยขัดเกลาศาตราวุธวิถีมารนี้มาแล้ว เจ้าเลิกคิดจะแย่งมันไปได้เลย!”
”ขัดเกลาแล้วก็สามารถลบได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“ลบ? ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนตายหรือไร?” หลังจากที่ผู้นำพันธมิตรกล่าวจบ เขาก็พยายามเข้าควบคุมคันธนู ในขณะที่ลู่เฉินก็ได้ดึงกระบี่สยบเก้าทิศออกมาพร้อมกับปล่อยปราณกระบี่ออกไปสองพันสาย
ในเวลาเดียวกัน ปราณกระบี่ก็ถูกบีบอัดอย่างต่อเนื่องสองครั้งจนเหลือเพียงห้าสาย
“มือกระบี่ระดับสิบดาว!” ผู้นำพันธมิตรหน้าเปลี่ยนสีทันที
ส่วนลู่เฉิน ขณะนี้เขาก็กำลังควบคุมปราณกระบี่ให้ทะยานออกไปแล้วทะลวงผ่านสุญญะ เป็นผลให้ผู้นำพันธมิตรรีบหลบด้วยความตกใจ และลู่เฉินก็ถือโอกาสนี้วาดลวดลายอักขระยันต์สายหนึ่งผนึกไว้ที่ธนู ทำให้ผู้นำพันธมิตรขาดการเชื่อมโยงกับธนูทันที!
ชั่วพริบตานั้น คันธนูนี้ก็สงบลง
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ใบหน้าของผู้นำพันธมิตรกลายเป็นดูไม่ได้ แต่เขาก็ได้รู้แน่แก่ใจแล้วว่าลู่เฉินไม่ใช่คนธรรมดา! ดังนั้นเขาจึงพูดด้วยความโกรธว่า “พันธมิตรแมลงสวรรค์ของข้าไม่มีความคับข้องใจหรือเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า เหตุใดจึงพุ่งเป้ามาที่ข้ากัน?”
”ข้าก็ไม่อยากพุ่งเป้าไปที่เจ้าเช่นกัน แต่เจ้าใช้สัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์ควบคุมเขา ดังนั้นข้าจึงต้องทำให้มันชัดเจน” ลู่เฉินชี้ไปที่หลันเย่า
เมื่อหลันเย่าได้ยินว่าลู่เฉินทำเพื่อตน เขาก็รู้สึกประทับใจมากจนดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
ซึ่งลู่เฉินที่เห็นดังนั้นก็พูดอย่างหดหู่ทันที “ข้าบอกแล้วว่าอย่าเอะอะก็ร้องไห้”
“ผู้อาวุโส ก็ข้า… ข้ารู้สึกตื่นตันนี่นา”
ลู่เฉินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าช่างต่างกับบรรพชนของเจ้าเสียเหลือเกิน คนผู้นั้นแม้ว่ากระดูกของเขาจะหัก เขาก็จะไม่ปริปากร้อง แต่เจ้ากลับ…”
“ท่าน ท่านกำลังพูดถึงบรรพชนหลันกู่หรือ?!” หลันเย่ารู้สึกตื่นเต้น
แน่นอนว่าผู้ที่ลู่เฉินเอ่ยถึงก็คือหลันกู่
ในการต่อสู้ระหว่างลู่เฉินและวังเหมันต์สงัด เขาได้ล่วงเกินกองกำลังไปจำนวนมาก รวมทั้งได้พบกับสหายมากมาย เช่น จิ่วโหยว โจวเอ๋าเทียน หลันกู่ และคนอื่น ๆ
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นหลันเย่า ลู่เฉินก็ชักสงสัยขึ้นมาแล้วว่าอีกฝ่ายใช่ลูกหลานของชายผู้นั้นจริงหรือไม่
ลู่เฉินได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้าคิดว่าเจ้าคล้ายเขาหรือไม่?”
”ข้า… ข้าจะไปเทียบกับบรรพชนของข้าได้อย่างไร เขาเป็นถึงวีรบุรุษของตระกูลหลัน เป็นดั่งจิตวิญญาณของตระกูลหลัน!”
”เขากลายเป็นเซียนไปแล้วหรือ?” ลู่เฉินที่อยู่ในแดนเซียนสามสิบหกชั้นไม่เคยเห็นผู้ใด
แต่จากสิ่งที่โจวอวี๋เล่ามาในคราวนั้น มันก็ทำให้ลู่เฉินรู้ว่าโจวเอ๋าเทียนเคยไปที่นั่น จากนั้นก็กลับมา และในที่สุดก็กลายเป็นบ้าไป…
ดังนั้นลู่เฉินจึงนึกถึงหลันกู่ และทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยถามขึ้น
”เขาถูกลอบโจมตียามที่กลายเป็นเซียน และจากนั้นก็ตายตกไป เหลือไว้เพียงวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งถูกเก็บไว้ในห้องโถงบรรพชนตระกูลหลัน” หลันเย่าอธิบาย
ลู่เฉินขมวดคิ้ว “ถูกคนลอบโจมตี?”
”เมื่อประมาณห้าหมื่นปีก่อน เขากำลังจะกลายเป็นเซียน จากนั้นคนจากพันธมิตรชิงรากวิญญาณก็ปรากฏตัวและชิงรากวิญญาณของเขาไป ทำให้เขา…” เมื่อหลันเย่าพูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง
ใบหน้าของลู่เฉินดูไม่ได้ “พันธมิตรชิงรากวิญญาณอีกแล้ว!”
หลันเย่าถอนหายใจ “ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตระกูลหลันของเราก็เสื่อมถอย แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าข้าจะตกเป็นเป้าหมายของพันธมิตรชิงรากวิญญาณเช่นกัน!”
“แล้วสมาชิกตระกูลหลันคนอื่น ๆ ของเจ้าไม่ตกเป็นเป้าหมายหรือ?”
”ไม่”
ลู่เฉินตกใจ ตอนแรกเขาคิดว่ากลิ่นหอมที่กระดูกภูตพรายชอบคือเหตุผลที่พันธมิตรชิงรากวิญญาณยึดรากวิญญาณไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
เนื่องจากตระกูลหลันบางคนก็ตกเป็นเป้าของพวกนั้น ขณะที่บางคนก็ไม่!
ยามที่ลู่เฉินกำลังงงงวย ผู้นำพันธมิตรก็พูดขึ้นว่า “พวกเจ้าไม่เห็นหัวข้าแล้วหรือไร?”
ประโยคนี้ทำให้ลู่เฉินดึงสติกลับคืนมา เขามองไปยังผู้นำพันธมิตรที่พุ่งตรงมา
ทันใดนั้น ปราณกระบี่สีม่วงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอยอยู่ต่อหน้าผู้นำพันธมิตร ท่าทีของเขานั้นชัดเจนยิ่งนัก และมันก็คือการมุ่งหมายเอาชีวิตของลู่เฉิน!!
หลันเย่าที่เห็นพลันกระวนกระวายขึ้นมาทันที “ท่านผู้นำพันธมิตร ได้โปรด อย่าทำร้ายผู้อาวุโสลู่”
”หลันเย่า เมื่อสิบปีก่อน ข้าได้เมตตาเก็บเจ้าไว้ แต่เจ้ากลับพาเขามาทำร้ายข้าและทำลายพันธมิตรของข้า!” ผู้นำพันธมิตรกำลังโกรธ แต่ลู่เฉินกลับจ้องเขม็งและพูดว่า “ข้าเห็นศิลาวิญญาณโลหิตแล้ว และอันที่จริง… เจ้าเองก็ถูกควบคุมเช่นกัน!!”
ผู้นำพันธมิตรพลันตกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ศิลาวิญญาณโลหิตนี้เคยมีผู้ครอบครองหลายคน และเจ้าคือคนสุดท้ายของศิลาวิญญาณโลหิตนี้ใช่หรือไม่?”
สีหน้าของผู้นำพันธมิตรพลันดูย่ำแย่ “ถูกต้อง”
“ใครให้เจ้ามา?”
”ผู้นำพันธมิตรคนก่อน” เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ผู้นำพันธมิตรก็พลันรู้สึกหดหู่ใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าหลังจากที่หยดโลหิตลงไปที่ศิลาวิญญาณโลหิต ตัวเขาก็พลันกลายเป็นพวกของสำนักวิถีมารไปแล้ว!
ไม่เพียงเท่านั้น นิสัยของเขายังเปลี่ยนจากคนชอบธรรมเป็นผู้ฝึกวิถีมาร ทำให้ตัวเขาไม่ใช่ทั้งมนุษย์และภูตผี
เขาได้แต่กล่าวโทษผู้นำพันธมิตรคนก่อนในใจ!
ทว่าลู่เฉินกลับถามขึ้นอีกว่า “เจ้าไม่อยากออกจากกลุ่มนี้หรือ?”
“ถ้าเป็นไปได้ ข้าคงออกไปนานแล้ว!” ผู้นำพันธมิตรตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว
”ข้ามีวิธีสกัดเลือดของเจ้าออกจากศิลาวิญญาณโลหิต เพื่อที่เจ้าจะไม่ถูกมันควบคุมอีก” ลู่เฉินมองไปที่ผู้นำพันธมิตรและเอ่ยแผนการของตนออกมา
”จริงหรือ?” ท่าทางของผู้นำพันธมิตรค่อย ๆ อ่อนลง และมองลู่เฉินแปลก ๆ
หลันเย่ารู้สึกยินดีหลังได้ยินเช่นนั้น เพราะสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากเห็นคือลู่เฉินต่อสู้กับผู้นำพันธมิตร ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ลู่เฉินอย่างตื่นเต้นและเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ท่านต้องช่วยผู้นำพันธมิตรนะ!”
”มันขึ้นอยู่กับว่าเขาจะให้ความร่วมมือหรือไม่”
ผู้นำพันธมิตรถามอย่างสงสัย “เจ้าจะไม่หลอกลวงข้าใช่หรือไม่?”
”แล้วเจ้ามีทางเลือกอื่นงั้นหรือ?”