ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 97 แผ่นป้ายแผ่นหนึ่ง ค้นพบความลับมากมาย
บทที่ 97 แผ่นป้ายแผ่นหนึ่ง ค้นพบความลับมากมาย
ผู้อาวุโสเหล่านี้ถูกฝึกให้ไม่พูดราวกับคนใบ้
ขณะที่ทางด้านลู่เฉิน เขาไม่สนใจสิ่งใด เพียงมองเข้าไปในแผ่นป้ายซึ่งเป็นสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์จนพบเข้ากับค่ายกลที่ปกคลุมรอบ ๆ ป้าย และมีอักขระยันต์มากมายบนค่ายกล ทว่ามันก็ไม่สามารถขวางกั้นลู่เฉินได้เลย
เขาแทรกจิตสัมผัสเข้าไปอย่างง่ายดาย
ภายในนั้นชายหนุ่มได้พบกับความมืดมิด และที่นี่ยังมีเงาโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ ทว่าเงาโลหิตเหล่านี้นิ่งงันไม่เคลื่อนไหว ขณะที่เหนือศีรษะของเงาโลหิตเหล่านี้กลับมีหินสีแดงโลหิตกะพริบวูบไหว
“วิชาวิญญาณโลหิต?” ลู่เฉินขมวดคิ้ว
วิชาวิญญาณโลหิตเป็นเคล็ดวิชาวิถีมารที่ทรงพลังชนิดหนึ่ง
ใช้โลหิตเพียงหยดเดียว ก็สามารถควบคุมผู้อื่นได้
แท้จริงแล้วเงาโลหิตทั้งหลายต่างก่อตัวขึ้นจากหยดโลหิตเหล่านั้น และหินสีแดงเลือดก็คือศิลาวิญญาณโลหิตที่หลอมมาจากผู้ร่ายวิชาวิญญาณโลหิต
นี่เป็นเหตุผลที่คนเหล่านั้นไม่กล้าทรยศ มิฉะนั้นผู้ที่ร่ายวิชาวิญญานโลหิตจะโจมตีผู้ทรยศอย่างแน่นอน
สิ่งที่เรียกว่าตำหนักวิญญาณสวรรค์ น่าจะเป็นการรวมกลุ่มของผู้ฝึกวิถีมาร แต่ลู่เฉินคิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกวิถีมารนี้จะร้ายกาจจนถึงขนาดควบคุมกลุ่มคนที่ไม่รู้ความจริงเช่นนี้ได้
“เจ้าหนู ถ้าเจ้าไม่ปล่อย ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!” เสียงนั้นยังคงตะโกนอย่างร้อนใจ
ทว่าลู่เฉินกลับยิ้มออกมา จากนั้นก็ปลดปล่อยพลังปราณเข้าแทรกซึมไปในสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์ ทำให้เงาโลหิต ‘มีชีวิต’ ขึ้นมาทีละตัว ก่อนที่พวกมันจะบินออกมาจากสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์ทันที
ทว่าก่อนที่หลันเย่าและคนอื่น ๆ จะทันได้ตอบสนอง เลือดหยดหนึ่งก็ร่วงหล่นลงต่อหน้าพวกเขา
ลู่เฉินมองพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “นี่คือเลือดของพวกเจ้า ขอแค่นำมันกลับไป เจ้าจะไม่ถูกควบคุมโดยสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์และตำหนักวิญญาณสวรรค์อีก”
ในตอนแรกทุกคนไม่เชื่อ แต่หลังจากมองดูหยดเลือดแล้วเห็นว่าเป็นของพวกเขาเอง คนทั้งหมดก็พากันตกตะลึงระคนดีใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ที่แดนวิญญาณมาหลายปีโดยไม่กล้าออกไป แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้สิ่งนี้กลับคืน พวกเขาก็สามารถออกไปจากแดนวิญญาณบ้า ๆ นี้โดยไม่ต้องหวาดกลัวแล้ว!
แต่เสียงของชายชราในความมืดก็พูดขึ้นอย่างโกรธเคือง “พวกเจ้าจะหักหลังพันธมิตรแมลงสวรรค์หรือ?”
ผู้อาวุโสเหล่านั้นพลันมองหน้ากัน
ส่วนหลันเย่าวิ่งไปหาลู่เฉินเพื่อสนับสนุนการกระทำของชายหนุ่ม
หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าอาวุโสก็พากันทยอยออกจากถ้ำทีละคนโดยไม่มีผู้ใดคิดจะอยู่ที่นี่ต่อ
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เสียงในถ้ำดังกว่าเดิม และแฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง “ไอ้หนู เจ้าอยากตายหรือ?”
”ออกมาเสีย ให้ข้าดูว่าผู้นำพันธมิตรอย่างเจ้ามาจากที่ใด?” ลู่เฉินมองไปรอบ ๆ ด้วยรอยยิ้ม
”ได้! ถ้าเจ้าอยากตายนัก เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา!”
ทันใดนั้นประตูหินในถ้ำพลันส่งเสียง ‘ครืน’ และปิดลง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังป้องกันไม่ให้ลู่เฉินหลบหนีได้
จากนั้นพลันมีแสงสีม่วงจาง ๆ กะพริบวิบวับทุกที่ในถ้ำ ทำให้หลันเย่าพลันตกใจแทบสิ้นสติ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ไอมาร!”
“ไอมาร?” ดวงตาของหลันเย่าเบิกกว้าง
ลู่เฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย “หากข้าเดาไม่ผิด คนที่ควบคุมสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์ แท้จริงแล้วคือผู้ฝึกวิถีมาร!”
“อันใดนะ?” หลันเย่าตะลึงงัน
ยามนี้เอง ชายชราคนหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นที่ประตูหินอีกบานในถ้ำ
ผู้อาวุโสคนนี้ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เขาถือไม้เท้าเดินออกมาอย่างช้า ๆ ในเวลาเดียวกัน ฝูงแมลงก็คลานตามมาอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาด้วย
แมลงเหล่านี้ดูคล้ายกับแมลงสาบ และหลันเย่าที่เห็นมันก็ตกใจ “นี่… นี่คือแมลงศักดิ์สิทธิ์ของพันธมิตรแมลงสวรรค์!”
“แมลงที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ เป็นแมลงศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?” ลู่เฉินกล่าวอย่างดูถูกเล็กน้อย
”แต่พวกมันสามารถรวมร่างกันได้!”
”รวมร่าง?”
”ใช่ รวมกันเป็นตัวใหญ่” หลันเย่าเคยเห็นมาก่อน ดังนั้นเขาจึงกลัวเล็กน้อย
ส่วนผู้นำพันธมิตรก็มองลู่เฉินอย่างเย็นชา “ไอ้หนู เจ้าเป็นใคร เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงทำลายพันธมิตรแมลงสวรรค์ของข้า!”
“ข้าไม่ได้ทำลายมัน ข้าแค่สงสัยว่าสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์และตำหนักวิญญาณสวรรค์คืออันใด ผลคือเจ้าต้องการให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นจัดการกับข้า เช่นนั้นข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยพวกเขาไป เพื่อให้พวกเขาเป็นอิสระ”
แต่ในมุมมองของผู้นำพันธมิตร ลู่เฉินจงใจจับผิดเขา!
ด้วยเหตุนี้คนเป็นผู้นำจึงตะคอกด้วยความโกรธว่า “วันนี้ข้าจะให้เจ้ารู้ผลตอบแทนของการล่วงเกินข้า!”
พูดจบ ไอสีม่วงก็ปรากฏล้อมรอบผู้นำพันธมิตร จากนั้นแมลงทั้งหมดก็รวมตัวกันกลายเป็นแมลงที่มีส่วนสูงเท่ามนุษย์
หลันเย่าพลันตกใจแทบสิ้นสติ “ท่าน… ดูสิ!”
ผู้ใดจะรู้ว่าลู่เฉินไม่ได้สนใจมัน เขาเพียงเอ่ยว่า “เหตุใดเจ้าถึงขี้ขลาดเช่นนี้?”
หลันเย่าเองก็ไม่อยากขี้ขลาดเช่นกัน แต่นี่มันน่ากลัวเกินไปจริง ๆ
ทางฝั่งผู้นำพันธมิตร เมื่อเห็นลู่เฉินไม่สนใจตน เขาจึงสะบัดมือส่งแมลงตัวใหญ่วิ่งไปหาเป้าหมายทันที!
ทว่าในขณะนั้นเอง ร่างของลู่เฉินก็แผ่กลิ่นอายราชันย์แมลงบรรพกาลออกมา เช่นเดียวกับมีแสงประหลาดเปล่งวาววับในดวงตาของเขา!
การกระทำดังกล่าวนั้นเป็นผลให้แมลงเหล่านั้นล่าถอยไปทีละตัวแล้วหนีไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นำพันธมิตรที่เห็นก็พลันร้อนใจ และไม่ว่าเขาจะพยายามเข้าควบคุมเช่นไร พวกแมลงก็ไม่ได้หันกลับมาแม้แต่น้อย
ภาพเบื้องหน้านี้ทำให้หลันเย่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เป็นท่านอาวุโสที่ทรงพลังยิ่ง”
ทว่าลู่เฉินไม่เอ่ยสิ่งใด เขาเอาแต่จ้องมองไปยังผู้นำพันธมิตรแล้วถามว่า “ยังมีอันใดอีกหรือไม่?”
“เจ้าอยากเห็นพลังที่แท้จริงของข้าหรือไม่?” หลังจากที่ผู้นำพันธมิตรเอ่ยจบ ร่างกายของเขาก็ระเบิดพลังออกมา
”เจ้า? ตัวตนขั้นก่อกำเนิดที่ถูกจำกัดโดยแดนวิญญาณ ทำให้เหลือเพียงแค่ขั้นหลอมแก่นแท้ระดับปลาย หรือไม่ก็สมบูรณ์พร้อมสินะ!” ลู่เฉินเอ่ยด้วยท่าทีสบาย ๆ
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้ เช่นนั้นเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าหรือไร?” ผู้นำพันธมิตรรู้สึกว่าลู่เฉินเยือกเย็นเกินไป
คำถามนี้หลันเย่าเองก็อยากรู้เช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรพลังของผู้นำพันธมิตรของเขาก็ต้องแข็งแกร่งกว่าลู่เฉินมากอยู่แล้ว!
ลู่เฉินจ้องไปที่อีกฝ่ายแล้วเอ่ยว่า “ข้ายังพูดไม่จบ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ผู้นำพันธมิตรพลันสงสัย
“สัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์นี้ เจ้าได้ขัดเกลามันมาแล้วใช่หรือไม่”
“แล้วอย่างไร?” ผู้นำพันธมิตรจ้องมันเขม็ง
“ความจริงแล้วในสัญลักษณ์วิญญาณสวรรค์คือศิลาวิญญาณโลหิต และการควบคุมศิลาวิญญาณโลหิตนี้ต้องใช้พลังจำนวนหนึ่ง แล้วเจ้า! ก็เอาพลังส่วนหนึ่งไปไว้ที่ศิลาวิญญาณโลหิต ทำให้ดูเหมือนเจ้าอยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้ระดับปลาย หรือแม้กระทั่งมีพละกำลังระดับสมบูรณ์พร้อม ทว่า… แท้จริงแล้วเจ้าอยู่แค่ขั้นหลอมแก่นแท้ระดับต้นเท่านั้น!”
คำพูดของลู่เฉินทำให้หลันเย่ารู้สึกงงงวย
ส่วนผู้นำพันธมิตรตาเบิกกว้าง “เจ้า… เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
”พวกนี้คือไอมาร และเจ้าก็เป็นผู้ฝึกวิถีมารสินะ?”
“เจ้า! เจ้าเป็นใคร!” ผู้นำพันธมิตรรู้สึกผิดปกติจึงเริ่มร้อนใจ
ส่วนหลันเย่าก็ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ผู้นำพันธมิตร… เป็นผู้ฝึกวิถีมารจริงหรือ?”
“หุบปาก ข้าไม่มีศิษย์อย่างเจ้า!” ยามนี้ผู้นำพันธมิตรโกรธมาก ส่วนหลันเย่าก็พูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ผู้นำพันธมิตร การที่ท่านช่วยข้าในตอนนั้นนับว่าเป็นผู้มีพระคุณของข้า”
“ผู้มีพระคุณ? แล้วเจ้าตอบแทนบุญข้าเช่นนี้หรือ?” ผู้นำพันธมิตรเอ็ดด้วยความโกรธเคือง
“ก็เพราะแบบนั้น ข้า… ข้าจะไม่บอกความลับของท่าน” หลันเย่ารีบอธิบาย
”ฮึ่ม วันนี้พวกเจ้าอย่าได้คิดจะไปไหนเลย!” ผู้นำพันธมิตรโกรธ และทันใดนั้นเขาก็มาอยู่ตรงหน้าลู่เฉินฉับไวดั่งภูตผี ก่อนจะตบลู่เฉินด้วยฝ่ามือ
หลันเย่าพลันตกใจ “ไม่!”
ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว เมื่อฝ่ามือของผู้นำพันธมิตรมาอยู่ตรงหน้าลู่เฉิน มันก็ถูก ‘กำแพงพันชั้น’ ต้านเอาไว้!
แววตาของผู้นำพันธมิตรเริ่มฉายความหวาดหวั่นทันที “นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าบอกแล้ว ขั้นพลังที่เจ้าดึงออกมาใช้ได้อยู่แค่ขั้นหลอมแก่นแท้ระดับต้นเท่านั้น!”
”แม้จะอยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้ระดับต้น มันก็ควรเพียงพอที่จะฆ่าคนที่อยู่ในขั้นสร้างรากฐานระดับต้นอย่างเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?!” ผู้นำพันธมิตรเอ่ยแย้ง