ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 91 ภายใต้แสงสีเขียวที่สวยงาม…
บทที่ 91 ภายใต้แสงสีเขียวที่สวยงาม…
ฮวาหลิงมู่เองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดลู่เฉินจึงสามารถขับไล่แมลงออกไปได้ แต่นางกลับถามหลันเย่าขึ้นมาว่า “รู้จักหุบเขาแมลงพิษหรือไม่?”
“รู้สิ!” หลันเย่าพยักหน้าด้วยความสนใจ
”ในหุบเขาแมลงพิษ มีคนควบคุมแมลงผู้หนึ่งต่อกรกับพี่ใหญ่ประหลาดของข้า เจ้าเดาดูสิว่าเพราะอะไร?” ฮวาหลิงมู่จ้องหลันเย่าเขม็ง คาดหวังว่าจะได้เห็นความประหลาดใจฉายอยู่บนใบหน้าของเขา
“เพราะอันใด?” หลันเย่ารู้สึกสงสัย
”เพราะพวกมันถูกพี่ใหญ่ประหลาดของข้าย่างจนกรอบไปหมดแล้ว จากนั้นก็กินเข้าไป!!”
ใบหน้าของหลันเย่ากระตุก “ย่าง? กิน? ไม่กลัวว่ามันมีพิษหรือ?”
“ร้อยพิษไม่รุกราน” ฮวาหลิงมู่พึมพำ
หลันเย่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ลู่เฉิน และเห็นเพียงอีกฝ่ายอยู่ห่างจากโพรงต้นไม้ใหญ่ไปเพียงไม่กี่ก้าว
ขณะนี้แมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านั้นได้บินหนีไปแล้ว เหลือเพียงดวงตาสีแดงคู่หนึ่งในรูที่กำลังจ้องมองลู่เฉินเขม็ง
หลันเย่าก็กลัวว่าลู่เฉินจะถูกจัดการ ดังนั้นเขาจึงเตือนขึ้นว่า “ระวัง มันอาจใช้ใยรัดท่านได้!”
ทันใดนั้น ใยแมงมุมสีขาวจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกมาจากรูและเข้าไปพัวพันกับร่างลู่เฉิน
”แย่แล้ว!” หลันเย่าเห็นเต็มตาว่าร่างลู่เฉินถูกห่อจนกลายเป็นดักแด้จักจั่นในชั่วพริบตา!
ฮวาหลิงมู่ที่เห็นดังนั้นพลันเบิกตากว้าง นางตื่นตระหนกยิ่งนัก “หรือว่าเจ้าพวกนั้นไม่กลัวพี่ใหญ่ประหลาดของข้า?”
ยามนี้เอง แมงมุมสีดำตัวสูงพอ ๆ กับเด็กก็ได้คลานออกมาจากโพรง เผยให้เห็นขาแมงมุมสีดำเปล่งแสงทอง และเมื่อมันขยับเคลื่อนไหว ขานั้นก็พลันบดบี้หินก้อนเล็ก ๆ ที่อยู่บนพื้นจนแหลกละเอียดอย่างง่ายดาย
“นี่มันแมลงหรือว่าปีศาจกันแน่?” หลันเย่าเบิกตากว้างเมื่อเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของมัน
ส่วนฮวาหลิงมู่เองก็ตกตะลึงเช่นกัน
จากนั้นแมงมุมก็ยื่นขาอันแหลมคมออกมา ตั้งใจจะตวัดสังหารลู่เฉิน
”เก็บพลังของเจ้าเสียเถอะ” เสียงของลู่เฉินดังมาจากดักแด้ที่พันรัดอยู่
แมงมุมที่ได้ยินเช่นนั้นพลันชะงักไปชั่วครู่ และในจังหวะนั้นเอง… เปลวไฟพลันลุกโชนปกคลุมทั่วดักแด้!
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้บีบให้แมงมุมล่าถอยเพื่อเตรียมป้องกันตัวทันที
และไม่เพียงเท่านั้น ดวงตาของลู่เฉินยังฉายแสงประหลาด ทำให้เมื่อเจ้าแมงมุมจ้องมองสวนกลับมาก็พลันรู้สึกวิงเวียน และในที่สุดก็ล้มกลิ้งลงพร้อมกับฟองสีขาวออกมาจากปาก
“นี่… เกิดอะไรขึ้น?” หลันเย่าตกตะลึง
ลู่เฉินชักสายตากลับมา เขาเอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า “นับว่าเจ้าไม่รู้จักกำลังตนเองจริง ๆ”
ฮวาหลิงมู่ปรบมือ “เยี่ยมมาก!”
ส่วนลู่เฉินก็ไม่รอช้า เขาส่งลูกบอลเพลิงพุ่งเข้าใส่แมงมุมอย่างจัง เปลี่ยนให้ร่างของมันกลายเป็นเถ้าถ่าน…
เมื่อมันแน่นิ่งไปแล้ว ชายหนุ่มก็ชักกระบี่กรีดผ่านตำแหน่งตันเถียนของมัน จากนั้นจึงหยิบผลึกสีขาวออกมา
“ผลึกแมลง!” หลันเย่าเผยสีหน้าอิจฉาออกมา
โดยทั่วไปแล้ว ผลึกแมลงจะมีแค่ในแมลงระดับสวรรค์เท่านั้น และแมลงระดับสวรรค์ก็เทียบเท่าได้กับผู้ฝึกตนขั้นหลอมแก่นแท้
ด้วยเหตุนี้ หากอยากได้ผนึกแมลงจากแมลงระดับสวรรค์ สำหรับหลันเย่าที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานแล้วก็นับว่าเป็นสิ่งที่กินแรงมาก
แต่สำหรับลู่เฉินนั้นมันไม่มีค่าอะไร เขาจึงโยนมันให้หลันเย่า
หลันเย่าพลันชะงักไปครู่หนึ่ง “ให้ข้าหรือ?”
”คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะฝึกฝนวิชาควบคุมแมลง ดังนั้นของสิ่งนี้ย่อมเหมาะกับเจ้าไม่น้อย” ลู่เฉินตอบกลับ ทำให้หลันเย่ามีท่าทีตื่นเต้นยิ่ง เขากล่าวว่า “ขอบพระคุณขอรับผู้อาวุโส”
ทว่าลู่เฉินไม่ได้เอ่ยสิ่งใด เขาเพียงเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
ฮวาหลิงมู่เองก็รีบตามไป
เมื่อหลันเย่าเห็นว่าลู่เฉินสามารถสังหารแมลงระดับสวรรค์ได้อย่างง่ายดายก็มีความสุขมาก และไม่สนใจอีกแล้วว่าลู่เฉินจะไปเผชิญพื้นที่อันตรายใดอีก!!
….
วันต่อมา
ลู่เฉินยืนอยู่บนยอดเขาพลางมองไปยังหมอกสีเขียวและต้นไม้สูงตระหง่านตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่แหละ!”
แต่หลันเย่าที่ได้ยินกลับตกใจจนแทบเสียสติ เขากล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า “น… นะ… นี่คือเขตหวงห้ามวิญญาณพฤกษาในตำนาน?”
“เขตหวงห้ามวิญญาณพฤกษา?” ลู่เฉินมองหลันเย่าด้วยความประหลาดใจ
หลานเย่าพยักหน้าแล้วอธิบายว่า “มีข่าวลือว่าในเขตที่หกมีป่าที่ห้อมล้อมด้วยหมอกสีเขียว แต่ไม่เคยมีใครออกมาจากที่นั่นแบบมีชีวิต เพราะทุกคนที่เห็นมันล้วนตายไปแล้ว”
”เห็นแล้วต้องตาย?”
“ใช่!”
ลู่เฉินคล้ายจะสนใจยิ่งนัก “ขอข้าดูก่อน”
จากนั้นชายหนุ่มก็หลับตาและสำแดงเคล็ดวิชาหมื่นวิญญาณออกไป
หลังจากหลันเย่าเห็นลู่เฉินหลับตาลง เขาที่งุนงงอยู่นั้นก็ได้ถามฮวาหลิงมู่อย่างสงสัย “ผู้อาวุโสกำลังทำอันใด?”
”แผ่สัมผัส…” ฮวาหลิงมู่ตอบ
แผ่สัมผัส?
หลันเย่าไม่เข้าใจว่าฮวาหลิงมู่พูดถึงอะไร จนกระทั่งเห็นลู่เฉินลืมตาขึ้นและยิ้มอย่างชั่วร้าย “ที่นี่มีแมลงกลืนโลหิตจำนวนมาก!”
“แมลงกลืนโลหิต?” หลันเย่าตกใจจนขนลุกซู่
”ใช่ แมลงกลืนโลหิตที่หายตัวได้!” ประโยคนี้ของลู่เฉินทำให้หลันเย่ากล่าวอย่างกระวนกระวาย “เช่นนั้นผู้อาวุโส ข้าว่าเราไปกันเถอะ”
แต่ลู่เฉินกลับส่ายหัว “ข้าจะเล่นกับพวกมัน ส่วนพวกเจ้ารออยู่ที่นี่!”
“เล่น?” หลันเย่าคิดว่าลู่เฉินคงบ้าไปแล้ว
ลู่เฉินก้าวเข้าไปในหมอกสีเขียว ปล่อยให้ทั้งร่างของเขาลับหายไปในม่านหมอก
แท้ที่จริงแล้วภายในม่านหมอกเหล่านี้เต็มไปด้วยแมลงกลืนโลหิตตัวเล็ก ๆ มากมาย
และยามนี้แมลงเหล่านั้นก็ได้แฝงตัวเข้าไปอยู่ในร่างของลู่เฉินแล้ว! พวกมันตั้งใจที่จะกลืนกินโลหิตของลู่เฉิน ทว่าผู้ใดจะรู้ว่า หลังจากที่ลู่เฉินแผ่กลิ่นอายราชันย์แมลงบรรพกาล แมลงเหล่านั้นก็พากันกลัวจนทยอยหลีกหนีไป
ลู่เฉินพลันตวัดมือคว้ากุมแมลงกลืนโลหิตไว้ในอุ้งมือ ทำให้เจ้าพวกตัวเล็กตัวจ้อยพวกนั้นพากันส่งเสียงข่มขู่ดังฟู่ ๆ
“หากไม่อยากตาย! ก็บอกมาว่าราชาของเจ้าอยู่ที่ใด!” ลู่เฉินย่อมรู้ดีว่าแต่ละฝูงจะต้องมีราชาของพวกมัน
ว่าแล้วเจ้าพวกตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้ก็ส่งเสียงฟู่ ๆ ออกมาเป็นจังหวะ คล้ายกำลังสื่อสารบางอย่าง
เมื่อได้ยินเสียงฟู่ ๆ ลู่เฉินก็พลันรู้ตัว ดังนั้นเขาจึงเรียกใช้พลังจากในชาติภพที่จุติเป็นราชันย์แมลงบรรพกาล ทำให้ชายหนุ่มสามารถเข้าใจภาษาแมลงได้
“บอกมาว่าอยู่ที่ใด!”
สิ้นประโยคนั้น แมลงตัวจ้อยก็เอ่ยอย่างประหม่าว่า “มีถ้ำเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้า ภายในนั้นมีพระราชวังใต้ดิน และผู้นำของพวกเราก็พำนักอยู่ในนั้น!”
”นำทางไป!” ลู่เฉินขอให้พวกมันชี้ทาง
แต่ผู้ใดจะรู้ว่าแมลงพวกนั้นกลับขู่ลู่เฉิน…
”ผู้นำของเราทรงพลังมาก!”
”ถูกต้อง ผู้นำของเรา เป็นแมลงที่แข็งแกร่งที่สุดของที่นี่!”
แมลงที่แข็งแกร่งที่สุด? ลู่เฉินไม่คิดเช่นนั้น เขาจึงกล่าวเร่งเร้าว่า “ข้าคิดว่าถ้าพวกเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ก็รีบนำทางซะ!”
สุดท้ายแมลงที่อยู่ในมือของลู่เฉินจึงทำได้เพียงต้องนำทางไป
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เฉินก็มาถึงทางเข้าถ้ำที่ว่า
ทว่าถ้ำตรงหน้ากลับมีพุ่มไม้หนาทึบปกคลุมไว้ ลู่เฉินจึงไม่อาจสังเกตได้โดยละเอียดเท่าใดนัก
แต่เมื่อลู่เฉินใช้พลังปราณควบคุม พุ่มไม้พวกนั้นก็พลันเคลื่อนย้ายออกไป ราวกับว่าต้องการเปิดทางให้ลู่เฉินอย่างไรอย่างนั้น
แมลงเหล่านั้นที่เห็นภาพตรงหน้าต่างก็ฉงน พวกมันพากันร้องอุทานว่า…
”มนุษย์คนนี้ทำให้พุ่มไม้เหล่านี้ขยับได้จริงหรือ?”
”เขา ควบคุมพุ่มไม้ได้อย่างไร?”
“นี่… มันแปลกเกินไปแล้ว!”
การควบคุมง่าย ๆ แบบนี้ ลู่เฉินย่อมทำได้อย่างสบาย ๆ แต่ในสายตาของแมลงเหล่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นดูลึกลับมาก!
ด้วยเหตุนี้ แมลงที่อยู่ในความมืดจึงมองลู่เฉินด้วยสายตาแปลกประหลาด
ทว่าลู่เฉินไม่สนใจพวกนั้น และหลังจากเดินเข้าไปสักพัก เบื้องหน้าของชายหนุ่มก็ค่อย ๆ มืดลง ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นาน… บริเวณโดยรอบจะค่อย ๆ ปรากฏแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง!
แสงที่ว่านั้นแท้จริงแล้วมาจากแมลงจำนวนมากที่กำลังเปล่งแสงสีเขียวอ่อน ๆ เรืองรอง ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็พลันฉีกยิ้มออกมา “มากันเยอะทีเดียว!”
”มนุษย์ ข้าขอแนะนำเจ้าว่าอย่าตามหาเลย มิฉะนั้นเจ้าจะไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้” แมลงในมือของลู่เฉินร้องเตือน
แมลงตัวอื่นก็เกลี้ยกล่อมลู่เฉินทีละตัว
ทว่าลู่เฉินไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะชายหนุ่มยังคงเดินลงบันไดไปทีละขั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่เฉินก็เห็นกองโครงกระดูก ใจกลางของกองกระดูกนั้นมีแสงสีเขียวขนาดใหญ่เปล่งแสงสว่างวาบ
”ใหญ่ขนาดนั้นเลยหรือ?” ลู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแสงสีเขียวขนาดใหญ่เช่นนี้