ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 71 วิชาแพทย์อันน่าอัศจรรย์!
บทที่ 71 วิชาแพทย์อันน่าอัศจรรย์!
หลังจากที่อาจื่อเอ่ยจบ ร่างกายของนางก็เย็นวาบ จากนั้นก็เริ่มสั่นสะท้านราวกับว่านางกำลังเจ็บปวดอย่างไรอย่างนั้น
ไม่เพียงแค่นั้น ร่างกายของอาจื่อยังปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง แม้แต่ขนตาของนางก็เช่นกัน
หงเหยียนลั่วถึงกับเอ่ยถามด้วยความกังวล “เจ้าเป็นอันใดหรือไม่?”
”ไม่… ไม่…” อาจื่อตอบอย่างตะกุกตะกัก
หงเหยียนลั่วรีบมองไปที่ลู่เฉิน “เร็วเข้า… รีบให้คนผู้นั้นออกมา!”
คล้ายคนทั้งคู่ยังคงคิดว่าเป็นผู้อื่นที่รักษา ลู่เฉินจึงฉีกยิ้มและหยิบเข็มออกมาอีกครั้ง ก่อนจะฝังไปบนร่างกายของอาจื่อ
“เจ้าจะทำอันใด?” หงเหยียนลั่วเริ่มตื่นตระหนก
ทว่าลู่เฉินเพียงยิ้มโดยไม่พูดอะไร จากนั้นปราณไฟวูบวาบก็ปรากฏบนร่าง…
อึดใจต่อมา ปราณไฟเหล่านี้ก็ถูกถ่ายเทเข้าไปในเข็มทีละเล่ม ส่งผ่านคลื่นความร้อนเข้าไปในร่างของอาจื่อทีละสาย
หลังจากนั้นอาจื่อก็พบว่าความเย็นในร่างกายของนางค่อย ๆ ลดลง
ไม่เพียงแค่นั้น… เพราะหลังจากคลื่นความร้อนเหล่านั้นกระทบร่างอาจื่อไม่นาน นางก็พลันฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์!
”นี่!!” หงเหยียนลั่วพลันตกตะลึง
อาจื่อยังคงจ้องเขม็งมองลู่เฉินด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
หลังจากที่ได้เห็นด้วยตาของพวกนาง ทั้งสองคนก็ไม่รู้จะเอ่ยอันใดอีกต่อไป
”ยังต้องทดสอบอีกหรือไม่?” ลู่เฉินนั่งลง เขาจ้องมองคนทั้งคู่ด้วยรอยยิ้ม
”นายหญิง เขารู้วิธีรักษาจริง ๆ!”
หงเหยียนลั่วไม่ได้ตาบอด! นางสงบสติตัวเองก่อนจะจ้องมองลู่เฉิน “บอกข้าก่อนได้หรือไม่ ภูมิหลังของเจ้าคืออะไร?”
”มันสำคัญด้วยหรือ?” ลู่เฉินถาม
”แน่นอน!” เพราะหงเหยียนลั่วต้องการทราบเกี่ยวกับภูมิหลังของลู่เฉินแล้วจึงค่อยตัดสินใจ
ชายหนุ่มลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกมาว่า “ข้าเป็นคนของสำนักเก้าสุขสงบ!”
“สำนักเก้าสุขสงบ!” หงเหยียนลั่วมีท่าทีแปลก ๆ ส่วนอาจื่อก็ดูฉงนยิ่ง “สำนักเก้าสุขสงบใกล้ล่มสลายง่อนแง่นเต็มที จะมีคนที่มีวิชาแพทย์เก่งกาจเช่นเจ้าได้อย่างไร?”
หงเหยียนลั่วเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน “ถูกต้อง สำนักเก้าสุขสงบได้กลายเป็นสำนักที่ไม่ถูกจัดอยู่ในทำเนียบอีกต่อไป พวกเขาจะมีศิษย์เช่นเจ้าได้อย่างไร!”
หลังจากเห็นท่าทีของพวกนางต่อสำนักเก้าสุขสงบ ลู่เฉินก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้อาจจะตกต่ำ แต่อีกไม่นานสำนักเก้าสุขสงบจะกลับมารุ่งเรืองอีกครา!”
หงเหยียนลั่วสงสัย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
”การสวามิภักดิ์ต่อข้า เทียบเท่ากับการสวามิภักดิ์ต่อสำนักเก้าสุขสงบ ถึงยามนั้นพวกเจ้าทุกคนก็จะเป็นคนของสำนักเก้าสุขสงบ และข้าจะรับคนมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงตอนนั้น สำนักเก้าสุขสงบจะไม่รุ่งเรืองหรือ?”
”แล้วเหตุใดเจ้าจึงแน่ใจว่าข้าจะยอมสวามิภักดิ์?”
”น้องสาวของเจ้าถูกวางยาพิษ พิษนี้ทำให้นางเจ็บปวด แต่ไม่มีใครสามารถรักษามันได้ ดังนั้นเมื่อเจ้ามาหาข้า เจ้าย่อมต้องการให้ข้ารักษานาง และเงื่อนไขของข้าคือเจ้าต้องยอมสวามิภักดิ์ต่อข้า” ลู่เฉินระบุเงื่อนไขอีกครั้ง
หงเหยียนลั่วเริ่มจริงจัง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าน้องสาวของข้าถูกวางยาพิษ?”
“พิษของน้องสาวเจ้าไม่ธรรมดา และเจ้าก็อยู่กับนางมานาน ดังนั้นเจ้าจึงพลอยติดพิษไปด้วยเล็กน้อย เพียงแค่เจ้ายังไม่รู้ตัว”
“ข้าก็โดนเหมือนกัน?” หงเหยียนลั่วรู้สึกขบขัน
ลู่เฉินยิ้มให้นาง “ครั้งแรกที่ข้าเห็นเจ้าเมื่อวานนี้ ข้าก็รู้ว่าเจ้าติดพิษแล้ว!”
”เป็นไปไม่ได้! ข้าไม่ได้ติดพิษ!” หงเหยียนลั่วยืนยัน
เมื่อเห็นนางปฏิเสธที่จะยอมรับ ลู่เฉินก็ยิ้มและเอ่ยว่า “เอาล่ะ เจ้าลองกำหมัดให้แน่นสักประเดี๋ยว แล้วดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
หงเหยียนลั่วคิดว่าลู่เฉินกำลังทำให้ตนกลัว ดังนั้นนางจึงลองทำตาม
หลังจากนั้นไม่นาน สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
หมัดของหงเหยียนลั่วเริ่มปล่อยไอหนาวเย็นออกมา
“นี่… เกิดอะไรขึ้น?” หงเหยียนลั่วถึงกับตกใจ
ลู่เฉินอธิบายว่า “เนื่องจากเจ้ามีขั้นพลังบ่มเพาะแข็งแกร่งและพลังต้านทานของเจ้าดี พิษนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อเจ้ามากนัก แต่ตราบใดที่เจ้าประมาทหรืออ่อนแอ พิษเหล่านั้นจะแสดงออกมาผ่านกำปั้นของเจ้า!”
”นี่มัน…!” ตอนนี้หงเหยียนลั่วเชื่อแล้ว นางจึงคลายกำปั้น จากนั้นไอเย็นที่ว่าก็พลันหายไป
อาจื่อที่กลับมาเป็นปกติแล้วก็รีบพูดกับหงเหยียนลั่วว่า “นายหญิง ท่านให้เขารักษาท่านก่อนดีหรือไม่?!”
หงเหยียนลั่วคิดว่าข้อเสนอนี้ไม่เลว นางจึงจ้องเขม็งไปที่ลู่เฉิน “ตราบใดที่เจ้ารักษาข้าและน้องสาวของข้าให้หายได้ ข้าก็เต็มใจที่จะยอมสวามิภักดิ์ต่อเจ้า!”
”เจ้าพูดเองนะ”
“แน่นอน!” หงเหยียนลั่วยืนยัน
จากนั้นลู่เฉินก็หยิบเข็มออกมา ก่อนจะฝังเข้าไปในร่างของหงเหยียนลั่วและโคจรพลัง ซึ่งท่าทางเช่นนี้มันก็ทำให้อาจื่อที่อยู่ด้านข้างรู้สึกงงงวย “เหตุใดเจ้าถึงโคจรพลังปราณได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากค่ายกลรอบ ๆ”
“ข้ามีวิธีควบคุมของข้า” ลู่เฉินยิ้มอย่างมั่นใจ
คำตอบนี้ทำให้อาจื่อรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
อย่างไรก็ตาม หงเหยียนลั่วเริ่มรู้สึกร้อนฉ่าไปทั่วกาย ราวกับว่ามีเปลวไฟกำลังลุกไหม้อย่างบ้าคลั่งภายในร่างของนาง
ไม่เพียงเท่านั้น เพราะหงเหยียนลั่วยังพบว่าปราณในร่างกายของนางก็กำลังถูกกลืนกินทีละน้อย
สิ่งนี้ทำให้หงเหยียนลั่วกระวนกระวาย “นี่!”
”วางใจ ข้าใช้พลังปราณของเจ้าล้างพิษ ไม่เช่นนั้น อาศัยเพียงปราณเล็ก ๆ น้อย ๆ ของข้าย่อมไม่เพียงพอ” ลู่เฉินอธิบาย
เมื่อได้ยินเช่นนี้หงเหยียนลั่วก็ตกใจ “เขาสามารถควบคุมพลังปราณของผู้อื่นได้หรือ?”
ความสามารถนี้ทำให้หงเหยียนลั่วรู้สึกว่าช่างน่าอัศจรรย์ และแม้กระทั่งสงสัยว่าสำนักเก้าสุขสงบมีคนแปลก ๆ เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ในขณะที่หงเหยียนลั่วกำลังคิดวุ่นวาย ลู่เฉินก็ทำสำเร็จแล้ว และยังเก็บเข็มกลับไปพร้อมกับเงยหน้าส่งยิ้มให้หงเหยียนลั่ว “เจ้าลองกำมืออีกครั้ง!”
ครั้นหงเหยียนลั่วลองทำดูก็พบว่ากำปั้นของนางกลับมาเป็นปกติแล้ว จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก “ดีขึ้นแล้วจริง ๆ!”
”ถึงเวลาไปหาน้องสาวของเจ้าแล้วหรือยัง?” ลู่เฉินยิ้ม
หงเหยียนลั่วจึงตอบรับด้วยความยินดี “เช่นนั้นก็เชิญเลยเจ้าค่ะ!”
จากนั้น ลู่เฉินก็เดินตามพวกนางไป
แต่หนานเหยายังคงพึมพำไม่หยุด “เจ้าไปเรียนรู้วิชาแพทย์มาจากไหน?”
ลู่เฉินไม่ได้ตอบอันใด หนานเหยาจึงบ่นอีกครั้งว่า “ดูจากวิชาแพทย์ของเจ้า ข้าว่าต่อให้เป็นหมอหลวงในราชวงศ์หนานโยวก็ไม่เป็นปัญหา!”
“เฮ้ ท่านฟังข้าอยู่หรือเปล่า?”
“เหตุใดเงียบไปอีกแล้ว?”
”น่าเบื่อยิ่ง!”
…
ด้านนอกคฤหาสน์ หลังจากที่จางเชียนเห็นลู่เฉินและหงเหยียนลั่วออกมาด้วยกัน เขาก็เริ่มเอ่ยอย่างกังวลว่า “พี่ตู๋ ดูสิ เจ้าหนูนั่นออกไปพร้อมกับพวกนางแล้ว”
ตู๋ซานชิงลืมตาขึ้น ปากก็กล่าวว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด เถ้าแก่เนี้ยคนนี้คงขอให้เขาไปรักษาคน”
“ไปรักษาคน?”
จากนั้นตู๋ซานชิงจึงบอกสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินในตอนต้นกับจางเชียน
จางเชียนที่ได้ยินดังนั้นก็พลันฉงน “มีข่าวลือว่าเถ้าแก่เนี้ยมีน้องสาวฝาแฝด แต่ข้าไม่ได้เจอนางมาหลายปีแล้ว!”
”โอ้ เกิดอะไรขึ้นกับนาง?”
“บางคนบอกว่านางป่วยหนัก และบางคนบอกว่านางอาจจะตายไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้ความจริงอยู่ดี” จางเชียนมีสีหน้าสับสน
ส่วนตู๋ซานชิง เขาได้เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่สนพี่น้องคู่นี้แล้ว หาวิธีจัดการกับเจ้าหนูคนนั้นดีกว่า”
”มีวิธีอื่นหรือ?”
”รอจนกว่าเขาจะแยกจากสตรีพวกนั้นแล้วค่อยว่ากัน!” ตู๋ซานชิงลุกขึ้นกล่าวด้วยความหดหู่ใจ ก่อนจะจากไปพร้อมกับจางเชียน
…
ลู่เฉินมาถึงหน้าหอราตรีหอมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปพร้อมกัน และมุ่งตรงขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอ เพื่อไปยังห้องใต้หลังคาห้องหนึ่ง ซึ่งภายในนั้นได้แผ่บรรยากาศเย็นเยือกออกมาอย่างต่อเนื่อง
”ระวัง อากาศเย็นเหล่านี้อาจทำให้เจ้ากลายเป็นน้ำแข็งได้ง่าย ๆ” หงเหยียนลั่วเป็นกังวลเล็กน้อย เมื่อคิดขึ้นได้ว่าลู่เฉินเพิ่งอยู่ในขั้นกลั่นลมปราณเท่านั้น
”อากาศเย็นแค่นี้จะทำร้ายข้าได้อย่างไร?” ลู่เฉินเอ่ยอย่างมั่นใจ
ทว่าหงเหยียนลั่วไม่เชื่อ “อากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ สามารถแช่แข็งคนที่อยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้ได้เชียวนะ เจ้าไม่กลัวจริง ๆ หรือ?”