ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 70 ใช้ร่างทดสอบพิษ
บทที่ 70 ใช้ร่างทดสอบพิษ
หงเหยียนลั่วจ้องเขม็งที่ลู่เฉิน ปากก็กล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าเจ้ารู้จักวิชาการแพทย์ใช่หรือไม่”
”แน่นอน!” ลู่เฉินตอบอย่างเรียบง่ายโดยไม่คิดปิดบัง
”เจ้าช่วยข้ารักษาใครสักคนได้หรือไม่” หงเหยียนลั่วเผยความต้องการออกมาทันที
แต่ลู่เฉินกลับมองนางแล้วกล่าวว่า “เถ้าแก่หง ข้าจะรักษาคนไข้หรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า”
”โอ้? ดังนั้นเจ้าต้องการเสนอเงื่อนไขใดกับข้าหรือไม่?” หงเหยียนลั่วเข้าใจความหมายเบื้องหลังของถ้อยคำนี้ ส่วนลู่เฉินก็ฉีกยิ้มจนตาหยี “ยังเป็นเงื่อนไขเดิมของเมื่อวาน นั่นคือยินยอมสวามิภักดิ์ต่อข้า!”
ทว่าหงเหยียนลั่วกลับหัวเราะ
“เจ้าค่อย ๆ คิดก็ได้” ลู่เฉินเอ่ยอย่างใจเย็น
หงเหยียนลั่วพึมพำในใจ ‘ผู้ชายคนนี้…’
อาจื่อที่อยู่ด้านข้างเอ่ยปากพลางจ้องมองลู่เฉินเขม็ง “ถ้าเจ้าต้องการให้นายหญิงของข้ายอมจำนนต่อเจ้า เราก็ต้องดูว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่!”
จากนั้นแรงกดดันก็พลันแผ่ออกมาจากร่างของอาจื่อ
ยอดฝีมือขั้นหลอมแก่นแท่ระดับสมบูรณ์พร้อม!
”อันใด? เจ้าอยากลงมืองั้นหรือ?” ลู่เฉินมองไปที่สาวใช้คนนั้นด้วยรอยยิ้ม
อาจื่อย่อมไม่ได้เห็นลู่เฉินอยู่ในสายตา “ถูกต้อง!”
”ข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องเสียใจ!”
แต่อาจื่อกลับไม่ได้จริงจังกับมัน มือของนางคว้ากุมแส้สีแดงเพลิง เตรียมจะทดสอบ ‘ความสามารถ’ ของลู่เฉินทันที
”อย่าเรียกใช้พลังปราณในที่แห่งนี้ ไม่เช่นนั้น…”
แต่อาจื่อไม่เชื่อ นางถ่ายเทพลังปราณลงไปในแส้แล้วจริง ๆ!
ครู่ต่อมาค่ายกลในคฤหาสน์ก็ส่งเสียงร้องคำราม
จากนั้นกุญแจมือขนาดใหญ่พลันลอยออกมาจากกลางสุญญะ และพุ่งเข้าหาอาจื่อทันที
”เกิดอันใดขึ้น?” อาจื่อถึงกับตกใจ
”ที่นี่มีค่ายกลขนาดใหญ่วางไว้ ใครก็ตามที่ใช้พลังปราณ พวกเขาจะถูกค่ายกลกำหนดเป็นเป้าหมาย หรือแม้กระทั่งถูกโจมตีด้วยสายฟ้า” ลู่เฉินตอบด้วยรอยยิ้ม
อาจื่อหน้าซีดด้วยความตกใจ
ส่วนหงเหยียนลั่ว นางก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าในคฤหาสน์หลังนี้จะซ่อนความลับเอาไว้ นางจึงเตือนอาจื่อทันทีว่า “หยุดเถอะ!”
อาจื่อไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเก็บแส้และพลังปราณของนาง
จากนั้นกุญแจมือขนาดใหญ่ก็หายไป
”โชคดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว ถ้าช้ากว่านี้เจ้าคงถูกสายฟ้าฟาดไปแล้ว!” ลู่เฉินมองทั้งสองด้วยรอยยิ้ม
หลังสิ้นวาจานั้น หงเหยียนลั่วพลันขมวดคิ้ว และจิตสัมผัสของขั้นก่อกำเนิดก็เปิดออก ก่อนจะเริ่มสำรวจไปรอบ ๆ คฤหาสน์เพื่อดูว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่
ลู่เฉินมองนางด้วยรอยยิ้ม “อย่าดูเลย!”
หงเหยียนลั่วตกใจเมื่อถูกพบ จากนั้นจึงควบคุมอารมณ์ของตนเองให้คงที่และพูดว่า “เช่นนั้นถ้าเจ้าสามารถรักษาคนของข้าได้ ข้าก็จะยอมสวามิภักดิ์เจ้า”
“นั่นคือเงื่อนไข? ตกลง!”
“แต่ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าวิชาการแพทย์ของเจ้าดีแค่ไหน?” หงเหยียนลั่วถามกลับ
”โอ้ งั้นเจ้าลองดูก็ได้!”
“จะลองอย่างไร?”
“ยกตัวอย่างเช่นยาพิษที่ให้ชายคนเมื่อวานกิน ข้าจะถอนพิษให้ มาดูกันว่าข้ามีความสามารถหรือไม่?” ลู่เฉินยิ้ม
ทันทีที่เปล่งคำพูดเหล่านี้ออกมา หงเหยียนลั่วและอาจื่อต่างก็ตกใจ
ถึงอย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของบุรุษผู้นั้นกับนาง แต่ตอนนี้ดูเหมือนลู่เฉินจะเข้าใจทุกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว!
“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ เจ้าก็ติดตามข้ามาตลอด เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ หรอกกระมัง?” ลู่เฉินพูดสิ่งที่รู้ออกไป และนั่นจึงทำให้พวกนางทั้งลังเล ลำบากใจ และตกตะลึง!
”เป็นอย่างไร? เรามาเริ่มลองกันเลยดีหรือไม่?” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น
หงเหยียนลั่วมองไปที่อาจื่อ นางจึงเอ่ยออกมาว่า “นี่คือยาพิษตัวเดียวกับคนเมื่อวานนี้”
”โอ้? ง่ายดายเช่นนั้น?”
เมื่อเห็นลู่เฉินมีความมั่นใจขนาดนั้น อาจื่อก็เอ่ยอย่างนึกดูถูกว่า “อย่าขอให้คนอื่นทำแทนเจ้าก็พอ!”
”ทำแทนข้า?” ลู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น
”ไร้สาระ ด้วยความสามารถขั้นกลั่นลมปราณของเจ้า เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะมีฝีมือทางการแพทย์เก่งกาจถึงเพียงนั้น!” อาจื่อเอ่ยดูหมิ่น
”ถ้าเช่นนั้น …วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าได้เปิดโลก!” หลังจากที่ลู่เฉินกล่าวจบ เขาก็ขอให้สตรีข้าง ๆ นำแป้งมาให้
การกระทำนี้ทำให้อาจื่อและหงเหยียนลั่วสงสัย ว่าเหตุใดลู่เฉินจึงนำกองแป้งออกมา?
ในขณะนั้น ลู่เฉินก็ได้สลัดแป้งเหล่านั้นไปทางหนึ่ง
จากนั้นทุกคนก็ได้เห็นฉากที่น่าประหลาดใจ
เนื่องจากที่ใต้แป้งนั้น มีบางอย่างที่เป็นสีขาวโผล่ออกมาจำนวนนับไม่ถ้วน
หงเหยียนลั่วถึงกับตกใจ “แมลงล่องหน!”
อาจื่อเองก็ตกใจเช่นกัน
ทว่าในขณะนี้ ลู่เฉินก็พลันสำแดงเคล็ดวิชากระบี่เก้าสุขสงบออกมา!
ปราณกระบี่นับพันได้สังหารแมลงเหล่านั้นภายในพริบตา
”เคล็ดวิชากระบี่นี้…” หงเหยียนลั่วนึกว่าตนตาพร่าไป
ส่วนตู๋ซานชิงที่อยู่นอกคฤหาสน์พลันกระอักเลือดออกมา เขาลูบศีรษะที่วิงเวียนของตน และเอ่ยปากสาปแช่งว่า “บัดซบ!”
“เจ้าเป็นอะไรไป!” จางเชียนกระวนกระวาย
ตู๋ซานชิงจึงกล่าวว่า “ข้า… ข้าถูกเขาพบแล้ว เขาก็ใช้เคล็ดวิชากระบี่สังหารแมลงของข้า!”
“อันใดนะ?” จางเชียนตกตะลึง
ตู๋ซานชิงพูดด้วยเสียงที่อ่อนแรง “เจ้าหนูผู้นี้… คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีฝีมืออยู่บ้าง!”
“แล้วเราควรจะทำอย่างไร?”
”ข้าถูกลมปราณตีกลับ จำต้องพักก่อน ดังนั้นเรื่องอื่นไว้ค่อยว่ากันทีหลัง” ตู๋ซานชิงรู้สึกเจ็บปวดทรมาน ดังนั้นเขาจึงหลับตาลงเพื่อโคจรพลังปราณรักษาอาการบาดเจ็บ
ภายในคฤหาสน์ ลู่เฉินเก็บกระบี่ของเขาแล้วก็หันไปยิ้มให้กับอาจื่อ “ทีนี้เจ้าก็สามารถใช้ยาพิษได้แล้ว”
ครั้นอาจื่อได้สติกลับมา นางก็เทยาพิษและยัดเข้าไปในปากของตนเอง
ครู่ต่อมาร่างกายของอาจื่อก็พลันมีอาการคันเป็นอย่างมาก และทั่วกายก็ยังมีตุ่มพองปรากฏขึ้นทุกหนทุกแห่ง รวมทั้งร่างยังเริ่มเน่าเปื่อยและส่งกลิ่นเหม็น
”มาเลย ให้ข้าดูว่าเจ้ามีฝีมืออันใด” อาจื่อกล่าวอย่างมั่นใจ เพราะคิดเสมอว่าเรื่องเมื่อวานนี้มีคนช่วยเหลือชายหนุ่ม
ไม่ใช่แค่อาจื่อเท่านั้น แต่หงเหยียนลั่วก็คิดเช่นกัน ดังนั้นนางจึงจ้องลู่เฉินเขม็งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าจงเรียกคนนั้นออกมาเถิด!”
”ที่นี่มีแค่ข้าที่รู้วิชาแพทย์!” หลังจากลู่เฉินกล่าวจบ เขาก็หยิบเข็มออกมาและฝังเข้าไปในร่างกายของอาจื่อ จากนั้นก็หยิบผงยาออกมาและโรยลงบนร่างกายของอีกฝ่ายที่กำลังเน่าเปื่อย
หลังจากนั้นฉากที่น่าทึ่งก็ปรากฏขึ้น
ตุ่มพองหายไป กลิ่นเหม็นหายไป และร่างกายของอาจื่อก็กลับมาเป็นปกติ ราวกับว่านางไม่ได้ถูกวางยาพิษอย่างไรอย่างนั้น
นี่ทำให้อาจื่อตกใจ “ในชั่วพริบตา?”
ส่วนหงเหยียนลั่วพลันขมวดคิ้ว “ข้าว่า เจ้าคงจะเตรียมยาถอนพิษไว้ก่อนหน้านี้แล้ว!”
อาจื่อเห็นด้วยในทันที “ถูกต้อง พิษในตัวข้าเหมือนกับคนเมื่อวาน ดังนั้นแพทย์ที่เจ้าเชิญมาจึงช่วยเจ้าและเตรียมยาถอนพิษไว้ให้เจ้า!”
ลู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น “แต่ถ้าหากเจ้าใช้ยาพิษที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน เช่นนั้นก็ได้แล้วสินะ?”
“จริงหรือ?” อาจื่อไม่เชื่อ
“ลองดูก็รู้แล้ว!”
อาจื่อมองไปที่หงเหยียนลั่ว และกระซิบข้าง ๆ นางว่า “นายหญิง ให้ยาพิษเย็นแก่ข้า!”
”เจ้าจะลองหรือ?” หงเหยียนลั่วตกใจ
”พิษนี้คล้ายกับพิษของนายหญิงรอง ข้าคิดว่าเราสามารถลองดูได้ว่าเขามีความสามารถจริง ๆ หรือไม่!” อาจื่ออธิบาย
หงเหยียนลั่วพลันเคร่งขรึม “แต่ถ้าเขาทำไม่ได้ก็จะไม่มียาถอนพิษ ถึงยามนั้นเจ้าจะต้องทนกับความเจ็บปวดราวกับถูกแช่แข็งทุกวัน!”
”ถ้าข้าสามารถทดสอบฝีมือของเขาได้ มันก็คุ้มค่า!”
หงเหยียนลั่วจึงไม่มีทางเลือก นอกจากหยิบยาเม็ดใสเย็นออกจากขวด
หลังจากที่อาจื่อหยิบยาและกลืนเข้าไป นางก็จ้องไปที่ลู่เฉินแล้วเอ่ยว่า “ยามนี้ก็ลองได้แล้วสินะ?”