ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 66 หาคนมาทดสอบวิชาแพทย์!
บทที่ 66 หาคนมาทดสอบวิชาแพทย์!
ลู่เฉินไม่ได้อธิบายอันใด หนานเหยาจึงร้อนใจขึ้นมา และไม่ว่าจะถามคำใดออกไป ลู่เฉินก็ไม่สนใจนางเลยสักนิด
สุดท้ายจึงทำได้เพียงแค่พึงพำออกมาเบา ๆ “ข้าจะรอดู ท่านจะมีวิธีใดทำให้เถ้าเนี้ยที่ดุร้ายนั่นยอมจำนนต่อท่าน!”
…
จางเชียนถูกหามกลับมายังหอสมบัติสวรรค์ เหล่าเสี่ยวเอ้อที่พบเห็นต่างก็พากันตกตะลึง บางคนเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง “เถ้าแก่ ท่าน… ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”
“เจ้าเด็กนั่น ข้าจะต้องจัดการเขาให้ได้!” จางเชียนกล่าวออกมาอย่างโมโห
“เขาทำให้ท่านบาดเจ็บหรือ?” เสี่ยวเอ้อคนนั้นถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ไม่ใช่ แต่เป็นเถ้าแก่แห่งหอราตรีหอมต่างหาก”
“เถ้าแก่เนี้ยผู้นี้เก่งกาจเช่นนี้เชียวหรือ?” บางคนถึงกับเอ่ยอย่างหวาดกลัว และมีบางคนพูดขึ้นว่า “เขาลือกันว่าเถ้าแก่เนี้ยผู้นี้ เป็นยอดฝีมือที่แฝงตัวอยู่ในเมืองจวนสวรรค์!”
“น่ากลัวเช่นนี้?”
“ยังมีน้องสาวฝาแฝดผู้นั้นอีก ฝีมือเก่งกาจเช่นกัน!”
ทุกคนพากันหวาดกลัวขึ้นมา
แต่จางเชียนกลับไม่มีจิตใจจะฟังคนพวกนี้พูดคุย เขาทำได้เพียงกัดฟันอย่างโมโห “ข้าจะหาคนไปจัดการเจ้าเด็กนั่น!”
ทุกคนต่างก็สงสัยว่าจางเชียนจะเชิญผู้ใดมา
แต่จางเชียนกลับไม่ได้ตอบอะไร เพียงพูดถึงเรื่องบาดแผลของตนเท่านั้น และไม่นานก็ออกจากหอสมบัติสวรรค์ไป
…
ลู่เฉินเดินทางมาถึงประตูทางเข้าของคฤหาสน์และได้เห็นผู้คนมากมายยืนแออัดกันอยู่ด้านหน้า ผู้คนเหล่านี้ต่างก็หยิบข้าวของออกมา
“เกิดเหตุใดขึ้น?” ลู่เฉินถามอย่างสงสัย
เมื่อมีคนเห็นลู่เฉินจึงตะโกนขึ้นมาว่า “ดูสิ นั่นปรมาจารย์ลู่!”
“เร็ว ไปหาเขา!”
คนพวกนี้จับกลุ่มและตะโกนขึ้นมา
“ปรมาจารย์ลู่ รบกวนท่านไปตรวจอาการบุตรสาวข้าที!”
“ปรมาจารย์ลู่ ท่านโปรดไปดูอาการท่านพ่อของข้าที!”
“ปรมาจารย์ลู่ โปรดบอกข้อ…”
…
คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีฐานะในเมือง
จุดประสงค์ที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อต้องการเชิญลู่เฉินไปตรวจอาการคนในครอบครัวของตน แต่ลู่เฉินไม่ใช่ใช่คนใจบุญถึงเพียงนั้นจึงได้ปฏิเสธไป ทำให้คนพวกนั้นต่างร้อนใจ บางคนถึงกับก้มคำนับลง
ทว่าลู่เฉินยังคง ‘นิ่งเฉย’ และเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ขณะเดียวกันนั้นรอบ ๆ คฤหาสน์ก็มีกลุ่มหมอกหนาปกคลุม หลงเหลือเพียงประตูคฤหาสน์ที่ทำให้ผู้คนที่มองเข้ามาไม่สามารถรู้ได้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น
ผู้คนต่างก็ทำได้เพียงยืนตะโกนอยู่ด้านนอก
“พวกข้าจะพยายามต่อไป”
“ใช่ จนกว่าท่านจะยอมตรวจอาการป่วยให้…”
ลู่เฉินส่ายหัวอย่างอดไม่ได้
ส่วนหนานเหยานั้น นางเอ่ยออกมาว่า “หรือว่าท่านกลัวว่าจะรักษาไม่ได้?”
“รักษาไม่ได้?”
“เมื่อวานที่ท่านขับไล่ข้าออกมาได้ เป็นเพราะว่าท่านสามารถไล่ภูตผีได้ แต่ถ้าหากเป็นการรักษาอาการเจ็บป่วยแล้ว ข้าว่าน่าจะเกินความสามารถ” หนานเหยาคิดว่าลู่เฉินไม่รู้วิชาแพทย์จึงได้ปฏิเสธคนเหล่านั้น
ทว่าลู่เฉินเพียงแค่ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร และไม่อยากอธิบายอะไรให้มากความ เขาหาที่นั่งทอดกายลง จากนั้นจึงใช้วิชาหมื่นวิญญาณ
ภายใต้วิชาหมื่นวิญญาณนี้ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์รอบตัวในระยะหนึ่งลี้ได้
หนานเหยาที่เห็นลู่เฉินหลับตาลงและไม่พูดอะไรอีก นางจึงเอ่ยออกมาอย่างเบื่อหน่าย “ช่างเป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้เสียจริง!”
ขณะนั้นเอง ลู่เฉินพลันเห็นหงเหยียนลั่วยืนอยู่บริเวณใกล้ ๆ นี้
สีหน้าของหงเหยียนลั่วดูจริงจัง และยังพึมพำออกมาว่า “ผู้คนมาขอร้องมากมายเช่นนี้ เขายังไม่ออกมาช่วยเหลืออีกงั้นหรือ?”
เดิมทีนางต้องการที่จะเห็นฝีมือวิชาแพทย์ของลู่เฉิน แต่เมื่อเห็นเหตุสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หงเหยียนลั่วจึงเกิดความลังเล และหันไปเรียกคนที่อยู่ด้านหลัง “อาจื่อ”
ขณะนั้นเอง หญิงสาวสวมผ้าคลุมหน้าสีม่วง ผมหางม้ายาวสลวย และสวมชุดราตรีสีม่วงก็ก้าวออกมาด้านหน้า “นายหญิง!”
“ไปหาคนบาดเจ็บสาหัส แล้วส่งไปให้เจ้าหนุ่มนั่นรักษา!” หงเหยียนลั่วสั่งการออกไป
“รับทราบ นายหญิง!” หญิงคนนั้นตอบรับอย่างไม่ลังเล จากนั้นจึงหมุนตัวแล้วจากไป
ลู่เฉินเห็นภาพเหล่านั้นกับตาและได้ยินกับหูของตนเอง แต่ลู่เฉินไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ เขาเพียงแค่มองอย่างเงียบ ๆ และนึกยิ้มอยู่ในใจ “อยากให้ข้าแสดงฝีมือการรักษางั้นหรือ?”
หงเหยียนลั่วไม่รู้ว่าลู่เฉินกำลังมองดูนางจากความมืด ดังนั้นนางจึงยังคงพึมพำออกมาว่า “ข้าจะรอดูว่าเจ้ามีวิชาแพทย์อย่างไรบ้าง!”
“จะทดสอบวิชาแพทย์ของข้า?” ลู่เฉินยิ้มออกมาด้วยความสนใจ
ชายหนุ่มเห็นเพียงหญิงสาวผู้นั้นไปหาคนบริเวณใกล้ ๆ ก่อนจะให้คนผู้นั้นกลืนยาบางอย่างเข้าไป ซึ่งมันก็ส่งผลให้ร่างของผู้ที่กลืนยากลายเป็นเน่าเปื่อย ก่อนที่นางจะนำพาคนผู้นั้นมาหน้าคฤหาสน์ของเขา
ว่าแล้วคนผู้นี้ก็เดินฝ่าผู้คนเข้าไปด้านหน้า
ส่วนอาจื่อ นางก็กลับไปรายงานหงเหยียนลั่วทันที “นายหญิง จัดการเรียบร้อย”
“อืม” หงเหยียนลั่วจ้องมองชายคนนั้นอย่างเงียบ ๆ
เมื่อทุกคนเห็นชายที่มีร่างเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว ผู้คนรอบ ๆ ต่างก็ตกใจกลัวและพากันปิดจมูกถอยหลบกันหมด
“เหม็นมาก!”
“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
“คงจะโดนยาพิษแน่!”
ทันใดนั้น ชายผู้นั้นก็พลันร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ช่วย… ช่วยด้วย!”
ลู่เฉินไม่ได้รีบออกไปในทันที เขาเพียงแค่นั่งรอจนกระทั่งชายผู้นี้หมดสติไปในที่สุด จากนั้นจึงให้หญิงสาวในคฤหาสน์ไปหามชายผู้นั้นเข้ามา
เมื่อผู้คนเห็นภาพดังกล่าว พวกเขาต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมา “ดูนั่น …ปรมาจารย์ลู่ลงมือแล้ว!”
แต่เมื่อประตูเปิดออก มันก็ถูกปิดลงทันที ทำให้ทุกคนไม่อาจรับรู้สถานการณ์ด้านในได้
อาจื่อรีบกลับไปรายงานทันที “นายหญิง เขาเข้าไปด้านในแล้ว”
“คนที่เจ้าจัดหามา จะสามารถใช้เป็นตัวทดสอบฝีมือวิชาแพทย์ของเจ้าหนุ่มนั่นได้หรือไม่?”
อาจื่อคิดแล้วจึงตอบ “ชายผู้นั้นได้รับยาพิษของเรา ถ้าหากภายในครึ่งชั่วยามไม่ได้รับยาถอนพิษก็จะเน่าตาย เช่นนั้นหลังจากนี้อีกครึ่งชั่วยาม ถ้าหากเขายังไม่ออกมา ก็หมายความว่าชายผู้นั้นตายแล้ว”
“เช่นนั้นก็รออีกครึ่งชั่วยาม” หงเหยียนลั่วพยักหน้ารับรู้
ส่วนอาจื่อก็ขานรับ จากนั้นทั้งสองจึงทำเพียงรออยู่ที่นั่น
ขณะนั้นภายในสวนด้านใน หนานเหยาที่ไม่เข้าใจก็ได้เอ่ยถามออกมา “เหตุใดตอนนี้ท่านถึงลงมือ?”
“เขา… มีประโยชน์” ลู่เฉินยิ้มมุมปาก
หนานเหยาที่ได้ยินดังนั้นก็มองไปที่ร่างเน่าเปื่อยของชายผู้นั้น “แล้วอาการแบบนี้ ท่านมีวิธีหรือ?”
ทว่าลู่เฉินไม่ได้ตอบ แต่กลับหันไปหยิบเข็มเงินออกมา รวมทั้งสมุนไพรบางอย่างที่เอามาจากสำนักพฤกษาสวรรค์ และไม่นานเขาก็เริ่มลงมือรักษา
เดิมทีหนานเหยายังคงสงสัยในวิชาแพทย์ของลู่เฉิน
แต่เมื่อนางเห็นว่าร่างกายที่เน่าเปื่อยของชายผู้นี้ค่อย ๆ ดีขึ้น นางก็รู้สึกอึ้งขึ้นมา “นี่ …ก็ทำได้?”
“เขาพึ่งจะได้รับพิษมาไม่นาน จึงไม่มีอะไรร้ายแรงเท่าไหร่นัก” ลู่เฉินเก็บเข็มขึ้นมาก่อนจะร้องสั่งให้หญิงสาวในคฤหาสน์มาหามชายคนนี้ออกไป
ชายหนุ่มผู้นั้นยังคงไม่ฟื้น
จนกระทั่งเขาถูกหามออกไปด้านนอกคฤหาสน์ ผู้คนต่างก็เข้ามามุงดูอย่างสนใจ
“ดู! ร่างกายเขาไม่เน่าเปื่อยแล้ว!!”
“แล้วก็ไม่มีกลิ่นเหม็น!”
เมื่อหงเหยียนลั่วเห็นผลลัพธ์ นางก็รีบสั่งอาจื่อที่อยู่ด้านหลังทันที “ไป! จงไปนำตัวเขามา”
อาจื่อรับคำแล้วก็รีบไปทันที
ไม่นานนัก ชายหนุ่มผู้นั้นก็ฟื้นขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มคน แต่ราวกับว่าเขาจะจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้ หน้าตาจึงดูมึนงงยิ่งนัก จนกระทั่งอาจื่อปรากฏตัวและนำตัวเขาออกไปในที่สุด
เมื่อชายหนุ่มเข้ามาพบหงเหยียนลั่ว เขาก็รีบกล่าวทักทาย “นายหญิง”
“พิษในร่างกายของเจ้าถูกขจัดหมดแล้วหรือ?” นางรู้ว่าบนร่างกายของชายคนนี้ไม่หลงเหลือพิษแล้ว จึงแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
ทว่าไม่เพียงแค่หงเหยียนลั่วเท่านั้น แม้แต่อาจื่อก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อเช่นกัน “ถึงแม้จะมียาถอนพิษ แต่ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันถึงจะฟื้นฟูร่างกายได้ แต่นี่…”
หงเหยียนลั่วหันไปถามชายผู้นั้นทันที “แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นภายในนั้น?”