ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 46 ผู้หญิงเจ้าเล่ห์เช่นนี้... ไม่คู่ควรกับข้าหรอก
บทที่ 46 ผู้หญิงเจ้าเล่ห์เช่นนี้… ไม่คู่ควรกับข้าหรอก
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ลู่เฉินต้องการจะเห็น!
ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่รอช้า เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงยิ้ม ๆ กับเหล่าผู้อาวุโสที่กำลังมืดแปดด้านว่า “พวกท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดพวกเขาจึงโจมตีค่ายกลราวกับคนบ้าคลั่งเสียสติเช่นนี้?”
พวกผู้อาวุโสต่างก็อยากรู้ถึงสาเหตุ โดยเฉพาะผู้อาวุโสจื่อที่ถามออกมาด้วยความโมโห “เจ้าหนุ่ม บอกข้ามา! เป็นเจ้าที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรกใช่หรือไม่?”
“ข้าอยู่ภายในค่ายกล ดังนั้นย่อมไม่สามารถแสดงเล่ห์กลอันใดออกมาได้ แต่ข้ารู้ว่าใครสามารถทำได้!” ลู่เฉินเผยรอยยิ้มประหลาด ทว่าผู้อาวุโสจื่อไม่เชื่อ เขาตะโกนก้องออกมา “ไม่ต้องมาลวงข้า ยังไงก็เป็นเจ้า!”
“อะไรนะ? ไม่อยากให้ข้าบอก? เช่นนั้นก็ย่อมได้ ข้าไม่บอก ส่วนเจ้าก็รอคนพวกนั้นค่อย ๆ ตายไปทีละคนเถอะ!” ลู่เฉินกล่าวอย่างหน่ายใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้อาวุโสต่างก็ร้อนใจขึ้นมา
ส่วนลู่เฉิน ขณะนี้เขาก็กำลังครุ่นคิด “เถียนอวิ๋นเมิ่งผู้นี้มีความสามารถพอใช้ได้ เหตุใดจึงต้องมาแต่งกับศิษย์สำนักพฤกษาสวรรค์กัน?”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ลู่เฉินก็ได้แต่คาดว่าเถียนอวิ๋นเมิ่งน่าจะมีจุดประสงค์ร้ายเบื้องหลังเป็นแน่!
ขณะนั้นเอง ผู้ที่อยู่ขั้นหลอมแก่นแท้ด้านนอกก็ค่อย ๆ ทยอยระเบิดตันเถียนและพุ่งทะยานออกไปทีละคน
สำหรับสำนักพฤกษาสวรรค์แล้ว สิ่งนี้นับเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป สำนักพฤกษาสวรรค์แห่งนี้อาจล่มสลายก็เป็นได้!
ผู้อาวุโสจื่อจึงตะโกนออกมาอย่างร้อนใจ “เจ้าหนุ่ม บอกข้ามา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
“เจ้ากำลังขอร้องข้า?”
“ข้าไม่ได้ขอร้องเจ้า ข้าเพียงแค่ต้องการรู้ แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น!” ผู้อาวุโสจื่อเริ่มบันดาลโทสะ
ลู่เฉินที่ได้ยินเช่นนั้นพลันเผยรอยยิ้มและเอ่ยว่า “เป็นเพราะเถียนอวิ๋นเมิ่ง นางเป็นผู้ฝึกวิถีมาร เพียงแต่นางแอบซ่อนมันไว้อย่างดี และที่สำคัญ ขั้นพลังของนางก็ไม่ได้ด้อยเลย อย่างน้อยน่าจะอยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้ ถ้าไม่อยากให้ศิษย์ขั้นหลอมแก่นแท้ของสำนักพฤกษาสวรรค์ของพวกเจ้าระเบิดตันเถียนกันหมด เช่นนั้นเจ้าก็จงรีบไปตามหานางให้เจอ!”
“อะไรนะ?!”
บรรดาศิษย์ที่อยู่ขั้นสร้างรากฐานและเหล่าผู้อาวุโสต่างพากันตกตะลึง ส่วนคนที่อยู่ขั้นหลอมแก่นแท้ พวกเขาก็ยังคงกลายเป็นบ้าทีละคน และพากันพุ่งทะยานเข้าหาค่ายกลตรงหน้าเพื่อหวังทำลายมัน!
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าผนวกกับข้อมูลที่ได้รับ ผู้อาวุโสจื่อจึงไม่อาจสะกดกลั้นโทสะ ชายชราขาเป๋ตะโกนใส่เหล่าผู้อาวุโสท่านอื่นทันที “ยังไม่รีบออกไปตามหานังเด็กนั่นอีก!”
เหล่าผู้อาวุโสพากันลนลานจนรีบพากันออกไป
ลู่เฉินที่เห็นดังนั้นหันมองผู้อาวุโสจื่อพลางยิ้มออกมา “เช่นนี้แล้วอีกครู่คงเจอตัวนางเป็นแน่!”
“ข้าว่าเจ้าต้องร่วมมือกับนางเป็นแน่!” ผู้อาวุโสจื่อระเบิดโทสะออกมา แต่ลู่เฉินกลับยิ้มเย็นชา “อย่าคิดเช่นนั้น ผู้หญิงเจ้าเล่ห์เช่นนี้… ไม่คู่ควรกับข้าหรอก!”
ผู้อาวุโสจื่อไม่เชื่อ เขาโมโหจนหน้าแดงก่ำ “อย่ามาลวงข้า!”
“หากข้าเป็นพวกเดียวกับนาง ข้าจะคิดใช้คนขั้นหลอมแก่นแท้มาระเบิดตันเถียนทะลวงค่ายกลอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้หรือ?” ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะผู้อาวุโสจื่อที่โง่เขลาเช่นนี้
เมื่อผู้อาวุโสจื่อได้ยินก็ได้แต่พึมพำกับตัวเอง “หรือว่าหญิงนางนั้นจะเป็นต้นเหตุจริง ๆ?”
ขณะนั้นเอง เหล่าผู้อาวุโสก็พากันกลับมา แต่ไม่สามารถจับใครกลับมาได้เลย
“ผู้อาวุโสจื่อ ผู้หญิงคนนั้น… หายตัวไปแล้ว”
“ใช่ ตามหาที่ไหนก็ไม่พบ”
“เป็นไปไม่ได้ จะต้องยังอยู่ที่นี่แน่!” เมื่อผู้อาวุโสจื่อเห็นศิษย์ขั้นหลอมแก่นแท้ทยอยระเบิดตันเถียนไปทีละคน ชายชราก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจ
ทุกคนต่างก็ต้องการที่จะหยุดยั้ง
แต่คนเหล่านี้ราวกับกลายเป็นบ้าไปเสียแล้ว
แม้เหล่าผู้อาวุโสจะพยายามมากเพียงใดก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ ทว่าลู่เฉินที่อยู่ด้านในกลับทำเพียงยิ้มและกล่าวออกมา “พวกเจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าเหตุใดพวกเขาจึงถูกหญิงมารผู้นั้นบงการได้?”
ผู้อาวุโสจื่อถึงกับเบิกตากว้าง “หรือว่านางทำเพื่อของสิ่งนั้น?”
เมื่อเหล่าผู้อาวุโสได้ยิน พวกเขาก็พลันหน้าเปลี่ยนสีไป
ลู่เฉินเห็นท่าทางของพวกเขาจึงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “อันใดนะ? นางมาโจมตีสำนักพฤกษาสวรรค์ของพวกท่านเพื่อมาเอาของดีในสำนักเจ้าไปหรือ?”
“ไม่เกี่ยวกับเจ้า!” ผู้อาวุโสจื่อตะโกนตอบกลับไป แต่ลู่เฉินเพียงยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ แต่สุดท้ายแล้ว ข้าก็หวังว่าพวกเจ้าจะตายได้มากกว่านี้”
“เจ้า!” ผู้อาวุโสจื่อโมโหจนกัดฟันกรอด แต่เหล่าผู้อาวุโสต่างมองหน้ากันราวกับกำลังร้อนใจ
สำหรับลู่เฉิน เมื่อเห็นค่ายกลค่อย ๆ แตกกระจายออก เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “จริง ๆ แล้ว การที่จะหยุดความบ้าคลั่งของพวกเขานั้นมีวิธีอยู่ …แต่ขึ้นอยู่กับว่าพวกเจ้าจะยอมขอร้องข้าหรือไม่!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าผู้อาวุโสต่างรีบสบตากัน
ทว่าก็เป็นผู้อาวุโสจื่อที่บันดาลโทสะและกล่าวออกมา “ข้าไม่มีวันขอร้องเจ้า”
“โอ้? จริงหรือ? นั่นย่อมได้ รอสำนักพฤกษาสวรรค์ของพวกเจ้าไร้ผู้ที่อยู่ขั้นหลอมแก่นแท้เสียก่อน… เมื่อถึงเวลานั้น ข้าละอยากเห็นนักว่าพวกเจ้าจะยังทะนงตัวเช่นนี้หรือไม่!”
ศิษย์ขั้นหลอมแก่นแท้สำหรับสำนักเล็ก ๆ เช่นนี้แล้วถือเป็นรากฐาน ถ้าหากไร้ผู้อยู่ในขั้นหลอมแก่นแท้แล้ว สำนักก็ไม่ต่างกันกับการล่มสลาย ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสจึงพากันร้อนใจ จนมีบางคนเริ่มถามขึ้นมา
“ผู้อาวุโส เหตุใดจึงไม่หลอกล่อให้เขาบอกวิธีออกมาเสียก่อนเล่า?”
“ใช่ ควรแก้ปัญหาตอนนี้เสียก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว!”
เมื่อผู้อาวุโสจื่อได้ฟังความของคนเหล่านี้ ชายชราขาเป๋ก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมา แต่เขาไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงกล่าวกับลู่เฉินที่อยู่ด้านในด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก “ข้าขอร้องเจ้า เช่นนี้พอหรือยัง?”
“ไม่จริงใจ!”
“เจ้าอยู่ข้างในถ้ำสมบัตินั่นแล้ว เจ้ายังต้องการความจริงใจอันใดอีก?” ผู้อาวุโสจื่อดูราวกับดินปืนที่พร้อมปะทุตลอดเวลา เขาโมโหจนหน้าแดงก่ำ
“ง่ายมาก บอกข้ามา เหตุใดแม่นางคนนั้นถึงต้องมาที่นี่” ลู่เฉินเอ่ยถามพลางยิ้ม
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำถาม ส่วนผู้อาวุโสจื่อ… ชายชราขาเป๋พลันระเบิดโทสะออกมาอีกครั้ง “เจ้าอย่ามาได้คืบจะเอาศอก!”
“ไม่บอกก็ช่างมันเถิด ข้ายินดีจะรอดูสำนักพฤกษาสวรรค์ของพวกท่านอ่อนแอลง” ลู่เฉินเยาะเย้ย
คำพูดเหล่านี้กระตุ้นผู้อาวุโสจื่อจนทำให้เจ้าตัวกัดฟันกรอด “สำนักพฤกษาสวรรค์ของพวกข้า ได้ปิดผนึกศาสตราวุธวิถีมารไว้ ศาสตราวุธวิถีมารนี้มีความแข็งแกร่งยิ่ง และดูแลรักษาโดยผู้อาวุโสสูงสุด”
“โอ้? เช่นนั้นเหตุใดพวกเจ้าไม่ไปเฝ้ารักษาศาสตราวุธวิถีมารนั่นด้วยเล่า?” ลู่เฉินเอ่ยถาม
ผู้อาวุโสจื่อตะโกนขึ้นมา “ที่แห่งนั้นมีผู้อาวุโสสูงสูงเฝ้าอยู่มากมาย นางไม่สามารถเข้าไปได้แน่!”
ลู่เฉินยิ้ม “ช่างมั่นใจเสียจริง!”
“ตอนนี้เจ้าบอกวิธีแก้มาได้แล้ว ว่าจะทำให้ผู้ฝึกตนขั้นหลอมแก่นแท้หยุดระเบิดตันเถียนได้อย่างไร?”
“ง่ายมาก!” ลู่เฉินยิ้มประหลาด ผู้อาวุโสจื่อจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “หมายความว่าอย่างไร?”
“นี่เป็นวิชาจากวิถีมารชนิดหนึ่ง วิชามารเช่นนี้มีข้อจำกัดด้านระยะทางเพราะจำต้องใช้เสียงสั่งการ และหากนางต้องการควบคุมให้สถานกาณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป เช่นนั้นนางก็จำต้องรักษาระยะห่างไม่เกินสามร้อยก้าว ดังนั้น หากพวกเจ้าตามหานางในบริเวณรอบ ๆ ในระยะไม่เกินสามร้อยก้าว ยังไงก็หานางเจอแน่!”
ผู้อาวุโสจื่อรีบมองไปยังเหล่าผู้อาวุโสทันที “ตามหาภายในระยะสามร้อยก้าว จงค้นทุกพื้นที่อย่างละเอียด!”
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็บินขึ้นไปบนอากาศและกวาดสายตามองหาโดยรอบ
ขณะนั้นเถียนอวิ๋นเมิ่งหลบซ่อนตัวอยู่บริเวณปากถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง นางแอบมองกลุ่มคนอย่างเงียบ ๆ แต่คนเหล่านั้นไม่มีทางที่จะหานางพบ ทำให้นางสามารถนั่งทอดกายและหลับตาร่ายคาถาต่อไปได้อย่างง่ายดาย
ทว่าขณะนั้นลู่เฉินกลับนั่งลง แล้วแสดง ‘วิชาหมื่นวิญญาณ’
‘วิชาหมื่นวิญญาณ’ ไม่เพียงแต่ดูดซับพลังปราณบริเวณรอบ ๆ ได้เท่านั้น แต่ยังมีสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือสามารถมองทุกสิ่งสรรพรอบ ๆ ได้ ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าขณะนี้ ทั่วทั่งสำนักพฤกษาสวรรค์ราวกับมีดวงตานับไม่ถ้วนของลู่เฉินจับจ้องอยู่!
กระทั่งลู่เฉินมองจ้องเข้าไปภายในถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง และพบว่ามีร่องรอยของเถียนอวิ๋นเมิ่ง เขาจึงยิ้มออกมา “ช่างรู้จักหลบซ่อนจริง ๆ!”
ลู่เฉินลืมตาขึ้นและหันไปหัวเราะใส่ผู้อาวุโสจื่อที่อยู่ด้านนอก “ข้ารู้แล้วว่านางอยู่ที่ใด!”
“ที่ใด?” ผู้อาวุโสจื่อถามอย่างร้อนใจ ลู่เฉินจึงบอกตำแหน่งแก่ชายชราขาเป๋ ซึ่งเมื่อได้ฟังแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่รีรอ รีบสั่งการให้ผู้อาวุโสอีกสองท่านออกเดินทางไปตำแหน่งนั้นทันที
เพียงไม่นาน ผู้อาวุโสทั้งสองท่านก็ได้พบกับเถียนอวิ๋นเมิ่งที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณปากถ้ำร้างแห่งหนึ่ง
เถียนอวิ๋นเมิ่งเบิกตากว้าง สีหน้านางเปลี่ยนไปในพลัน “พวกท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่!”
ผู้อาวุโสทั้งสองรู้สึกโมโหยิ่งนัก พวกเขาจึงไม่อยากอธิบายใด ๆ แต่อีกด้านหนึ่ง เสียงของผู้อาวุโสจื่อกลับดังมาจากระยะไกลอย่างโกรธเคือง “เจ้ามันหญิงร้ายกาจ เหตุใดจึงโหดเหี้ยมเช่นนี้!”
“ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะรีบทลายค่ายกลให้ได้!” เถียนอวิ๋นเมิ่งแก้ตัว
ทว่าแทนที่พวกเขาจะเชื่อ… เหล่าผู้อาวุโสต่างก็พากันบันดาลโทสะจนอยากจะฉีกนางออกเป็นชิ้น ๆ!