ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 45 ผู้หญิงคนนี้ แท้จริงแล้วแอบซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้!
บทที่ 45 ผู้หญิงคนนี้ แท้จริงแล้วแอบซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้!
ลู่เฉินเร่งถ่ายทอดวิธีการฝึกฝน จากนั้นเขาก็กล่าวย้ำให้ฮวาหลิงมู่ใช้เวลาฝึกฝนอยู่ภายในที่แห่งนี้ ขณะเดียวกันก็ได้อธิบายเรื่อง ‘วิชาคุมจิตวิญญาณ’ ให้นางรับรู้ด้วย
วิชาคุมจิตวิญญาณเป็นหนึ่งในวิชาวิถีวิญญาณ วิชานี้ไม่ใช่เคล็ดวิชาทั่วไปแต่กลับเป็นหนึ่งในวิชาลับ!
ไม่ว่าจะเป็นในมหาทวีปจิ่วโหยวหรือว่าแดนดินใด วิชาลับล้วนเป็นสิ่งล้ำค่าที่ต้องรักษาไว้ ห้ามแพร่งพรายบอกต่อ
นั่นก็เพราะวิชาจิตวิญญาณไม่ได้ใช่พลังปราณ แต่เป็นการใช้พลังจิต!
ยิ่งมีจิตที่แข็งแกร่งมากเท่าใด วิชาคุมจิตวิญญาณก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่ฮวาหลิงมู่กำลังฝึกอยู่… เป้าประสงค์ของมันก็คือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ ‘จิต’ ของนางนั่นเอง!
สำหรับฮวาหลิงมู่ที่ไม่ใช่มนุษย์ การฝึกวิชาจำพวกนี้ก็เป็นเหมือนยากระตุ้นที่ทำให้ ‘จิต’ ของนางเติบโตอย่างก้าวกระโดด!
ลู่เฉินที่ยืนอยู่อีกด้านหนึ่งเอ่ยพึมพำกับตัวเอง “แม้ว่าภายนอกของเจ้าจะเหมือนมนุษย์ แต่จิตสัมผัสของเจ้าก็ยังคงเหมือนต้นไม้วิญญาณ …แข็งแกร่งมาก!”
นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดลู่เฉินจึงเลือก ‘วิชาคุมจิตวิญญาณ’ ให้เด็กสาวตัวน้อยผู้นี้… เพราะมันเหมาะกับนางนั่นเอง!
เมื่อมองเห็นพัฒนาการของนาง ลู่เฉินจึงยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
ทว่าขณะนั้น ภายในสำนักพฤกษาสวรรค์กำลังเกิดความโกลาหล
…เมื่อบรรดาผู้อาวุโสพบว่าแม้ศิษย์ทั้งหลายจะพากันค้นหาลู่เฉินและฮวาหลิงมู่จนแทบพลิกสำนักแล้ว ทว่าก็ยังคงตามตัวไม่พบ!
ณ ตำหนักแห่งหนึ่งในสำนักพฤกษาสวรรค์
ผู้อาวุโสจื่อนั่งประจำแท่นด้านหน้า คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน ปากก็ขยับเอ่ยถามออกมา “ยังหาไม่เจอ?”
“หาไม่เจอ!” บรรดาผู้อาวุโสพากันส่ายหน้า
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าผู้อาวุโสจื่อพลันดุดันขึ้นมา “สำนักพฤกษาสวรรค์ที่สวยงามของข้า แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นกลั่นลมปราณธรรมดา ๆ คนหนึ่งก็ยังตามจับตัวมาไม่ได้?”
ผู้คนในตำหนักต่างก็แสดงสีหน้าปั้นยาก ส่วนเถียนอวิ๋นเมิ่งก็กำลังเกิดโทสะ “สมควรตายนัก!”
ขณะนั้นเอง มีลูกศิษย์คนหนึ่งรีบเร่งเข้ามารายงานว่า “เรียนผู้อาวุโส มีศิษย์คนหนึ่งต้องการพบทุกท่าน!”
“เรื่องอะไร?” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งมองไปนอกตำหนักพลางเอ่ยถาม แต่ศิษย์คนนั้นทำเพียงนำมู่หลงที่ได้รับบาดเจ็บเข้ามา
เหล่าผู้อาวุโสต่างก็รู้จักมู่หลง ดังนั้นเมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่าย พวกเขาก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
ใครบางคนเอ่ยถามออกมาว่า “มู่หลง เหตุใดเจ้าจึงเป็นเช่นนี้?”
“เพราะไอ้คนผู้นั้น!” มู่หลงกล่าวอย่างโกรธา ประโยคนี้ทำให้ผู้คนต่างมองหน้ากัน ก่อนจะเป็นผู้อาวุโสจื่อที่ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม “เกิดเหตุใดขึ้น?”
หลังจากมู่หลงอธิบายเรื่องราวเสร็จสิ้นแล้ว ทุกคนจึงต่างเข้าใจได้ว่าแท้จริงแล้วลู่เฉินและฮวาหลิงมู่มาที่นี่ในวันนี้เพื่อแก้แค้น
ผู้อาวุโสจื่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย “หมายความว่า วันนี้ที่ทั้งสองคนมาที่นี่ พวกเขามาเพื่อแก้แค้น?”
มู่หลงพยักหน้าตอบรับ
แต่เถียนอวิ๋นเมิ่งมีหรือจะยอมเสียหน้า นางรีบพูดด้วยความร้อนใจว่า “เป็นไปไม่ได้ คนคนนั้น แท้จริงแล้วต้องการจะขัดขวางการแต่งงานของข้ากับฉินสือ!”
ทุกคนต่างก็มองหน้ากัน
คิ้วทั้งสองของผู้อาวุโสจื่อขมวดเข้าหากันอีกครั้ง “ไม่ว่าเขาจะมีเป้าหมายใด ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว!”
ผู้อาวุโสทุกคนพากันพยักหน้าเห็นด้วย เพราะสิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องหาลู่เฉินให้พบ!
ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังมาจากนอกตำหนัก “ทุกท่านกำลังตามหาข้าอยู่งั้นหรือ?”
เมื่อทุกคนได้ยินเสียงนั้น พวกเขาก็รีบพุ่งตัวออกไปทันที
ขณะนั้นเอง บนท้องฟ้าก็ปรากฏเงาของลู่เฉินขึ้นมา บรรดาศิษย์และผู้อาวุโสต่างก็ไม่รอช้า พวกเขาพากันสาปแช่งก่นด่าทันทีโดยไม่แม้แต่จะพักหายใจ
ผู้อาวุโสจื่อแสดงสีหน้าเหี้ยมโหดขณะเอ่ยถาม “เจ้ากำลังคิดจะทำอันใดกันแน่?”
“ข้าพูดไปแล้ว นำมู่หลงมาให้ข้า แล้วก็… ข้าจะทำลายสำนักพฤกษาสวรรค์ของพวกเจ้า” ลู่เฉินกล่าวพลางยิ้ม
มู่หลงถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่น
ในขณะที่บรรดาศิษย์ต่างตะโกนด่าทอออกมา พวกผู้อาวุโสก็พากันเกิดโทสะและมองจ้องไปยังลู่เฉิน ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถจัดการลู่เฉินได้เลย
ไม่นานนัก ผู้อาวุโสจื่อก็ไม่อาจสะกดกลั้นโทสะเอาไว้ได้ ชายชราขาเป๋ถามออกมาเสียงกร้าว “เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้มาแส่หาความตาย?”
“แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยกลัวความตายอยู่แล้ว” ลู่เฉินแสยะยิ้ม
อาวุโสจื่อโมโหจนกัดฟันกรอด “อย่าให้ข้าจับเจ้าได้ มิเช่นนั้นข้าจะทำให้ชีวิตของเจ้าราวกับตายทั้งเป็น”
“วางใจเถอะ ท่านไม่มีโอกาสนั้นหรอก”
สิ้นประโยคของชายหนุ่ม ผู้อาวุโสจื่อก็ตะโกนลั่นสวนกลับไปด้วยโทสะ “ไป!… ไปนำตัวมันมาให้ข้า!”
ว่าแล้วเหล่าผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ไม่รอช้า รีบนำบรรดาศิษย์ออกไปไล่ล่าลู่เฉินทันที
ทว่าในจังหวะนั้นเอง ลู่เฉินพลันกล่าวออกมาว่า “พวกเจ้าตามหาข้าแบบนี้… สู้ถามข้ามาตรง ๆ เลยดีกว่าว่าข้าอยู่ที่ใด”
ทุกคนต่างพากันชะงักและมองลู่เฉินด้วยความแปลกใจ ผู้อาวุโสจื่อถึงกับถามขึ้นว่า “เจ้าจะยอมบอกพวกข้า?”
“ใช่ ข้าจะบอกพวกเจ้า แต่เกรงว่าพวกเจ้าจะไม่มีปัญญาเข้ามาจับข้าได้” ลู่เฉินยิ้ม
ผู้อาวุโสจื่อจ้องเขม็ง “เช่นนั้นเจ้าก็บอกมาสิ! ข้าจะตามไปฆ่าเจ้าแน่นอน!”
“ถ้ำสมบัติของพวกเจ้ายังไงเล่า”
ครั้นลู่เฉินเอ่ยจบประโยค สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป แม้แต่ผู้อาวุโสจื่อก็ยังแสดงสีหน้าเหี้ยมเกรียมออกมาและตะโกนสั่งว่า “รีบไป!”
ทุกคนออกเดินทางทันที
แม้แต่เถียนอวิ๋นเมิ่งก็แอบตามไปเช่นกัน
…
ไม่นานนักทุกคนก็มาถึงถ้ำสมบัติ แต่ค่ายกลแห่งนี้ถูกเปลี่ยนไปจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นหลังจากเหล่าผู้อาวุโสเข้าไปใกล้ พวกเขาต่างก็พากันหวาดกลัวจนถอยหนี
ผู้อาวุโสจื่อเอ่ยถามด้วยความร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
“เจ้าบ้านี่ มันเปลี่ยนรูปแบบค่ายกลด้านในทั้งหมด!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งตอบด้วยความกระวนกระวาย และเมื่อเป็นเช่นนี้… ผู้อาวุโสจื่อก็พลันโมโหจนตะโกนออกมาว่า “เจ้าต้องการอะไรกันแน่!”
“ข้าบอกแล้ว นำมู่หลงมามอบให้ข้าสิ และข้าก็จะทำลายสำนักพฤกษาสวรรค์ของพวกเจ้า” เสียงลู่เฉินที่อยู่ในค่ายกลตอบกลับมา
“เจ้า!” ผู้อาวุโสจื่อโมโหจนอาเจียนเป็นเลือด ทำให้เหล่าผู้อาวุโสต่างพากันร้อนใจ ส่วนลู่เฉินที่อยู่ด้านในก็ถอนหายใจออกมาพลางเอ่ยว่า “ในนี้มีของดี ๆ เยอะทีเดียว!”
“เร็ว รีบเปิดค่ายกลให้ข้า!” เมื่อคิดถึงสมบัติที่อยู่ด้านใน ผู้อาวุโสจื่อก็รีบออกคำสั่งทันที แม้ภายในใจกำลังเดือดดาล แต่ก็ทำได้เพียงเร่งสั่งการเท่านั้น ทว่าคนเหล่านี้กลับทำอะไรไม่ได้เลย
พวกเขาทำเพียงได้แค่มองอยู่ตรงนั้น
ผู้อาวุโสจื่อกวาดสายตาไปหาทุกคนพร้อมตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “ไร้ประโยชน์! ไอ้พวกไร้ประโยชน์!”
สายตาของเถียนอวิ๋นเมิ่งเผยประกายเย็นชา จากนั้นนางก็หมุนตัวออกไปอย่างเงียบ ๆ
ทางด้านลู่เฉิน เมื่อเห็นคนเหล่านี้ทำเพียงจ้องมองอยู่ภายนอก เขาจึงเอ่ยเยาะเย้ยออกไป “ข้าคิดแล้วว่าพวกเจ้าคงต้องขี้ขลาดกันแบบนี้!”
“เจ้าหนู ข้าจะบอกเจ้าให้ วันนี้พวกข้าจะอยู่ที่นี่ ไม่ให้พวกเจ้าได้มีโอกาสหนีออกไปเด็ดขาด!” ผู้อาวุโสจื่อมีจิตใจที่แน่วแน่ เขาสั่งให้ทุกคนเฝ้าอยู่ที่นี่
ทว่าใครจะคาดคิดว่าจู่ ๆ ฉินสือจะพุ่งออกมาจากกลุ่มคน และพุ่งตัวเข้าหาค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง!
“เขาทำอะไร?” ผู้คนต่างพากันตกตะลึง
ผู้อาวุโสจื่อเห็นภาพดังกล่าวก็ตกตะลึง “เขา เขาจะระเบิดขั้นพลังของตนเอง!”
ระเบิดขั้นพลัง?
ทุกคนต่างพากันหวาดกลัว
แท้จริงแล้วพลังของการระเบิดจากขั้นหลอมแก่นแท้นั้นรุนแรงมาก และฉินสือยังมีผลข้างเคียงจากยาโลหิตอสูร ทำให้พลังการระเบิดของเขานั้นยิ่งร้ายแรงมากขึ้นไปอีก
ตู้ม!!
ค่ายกลสั่นไหวอยู่หลายครั้ง ภูเขารอบ ๆ ก็เกิดการสั่นสะเทือนเช่นกัน แต่ค่ายกลกลับไม่ได้รับความเสียหาย
ทุกคนพลันตกตะลึง
ผู้อาวุโสจื่อตกใจจนขวัญเกือบหลุดหาย “ฉินสือ…”
ฉินสือเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสจื่อ แต่ตอนนี้เขาจากไปเสียแล้วเพราะการระเบิดตันเถียน
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้อาวุโสจื่อโมโหจนแทบบ้า แต่ลู่เฉินที่อยู่ด้านในกลับเห็นเม็ดยาสีขาวลอยออกมา
ชายหนุ่มจึงเดินไปหยิบเม็ดยานั้นขึ้นมาและเอ่ยถามด้วยความสงสัย “คนระเบิดจนแตกสลาย แต่เม็ดยานี้กลับไม่เป็นอันใดเลย?”
ลู่เฉินเพ่งมองอย่างละเอียดจึงพบว่ามันเป็นเพียงไข่มุก และมีการป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น ในนี้ยังมีปราณของเถียนอวิ๋นเมิ่งซ่อนอยู่ด้วย!
คิ้วของลู่เฉินขมวดเข้าหากัน จากนั้นจึงปลุกจุดชีวิตเมื่อครั้งยังเป็นมาร ทำให้ไม่นานนักทั่วร่างของลู่เฉินก็ถูกรายล้อมไปด้วยพลังมาร! ก่อนที่เขาจะเพ่งไปยังไข่มุกนี้ครู่หนึ่ง และพบว่าข้างในมีพลังมารซ่อนอยู่!
“ไข่มุกวิญญาณมาร!”
ไข่มุกวิญญาณมาร เป็นไข่มุกที่ใช้ในการควบคุมจิตวิญญาณของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกมารนิยมใช้กัน เพียงแค่ลู่เฉินไม่คิดว่าเถียนอวิ๋นเมิ่งจะเป็นผู้ฝึกวิถีมาร
ไม่เพียงเท่านั้น ลู่เฉินยังสัมผัสได้ว่าปราณของเถียนอวิ๋นเมิ่งภายในไข่มุกนี้แข็งแกร่งกว่าปราณที่แผ่ออกมาจากกายนางเสียอีก
…และเพราะเช่นนั้น มันจึงทำให้ลู่เฉินเกิดความสงสัยขึ้นมา “เถียนอวิ๋นเมิ่งผู้นี้ แท้จริงแล้วแอบซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้!”
ขณะนั้นเอง ศิษย์ของสำนักพฤกษาสวรรค์จำนวนไม่น้อยราวกับถูกครอบงำด้วยพลังมาร คนที่อยู่ขั้นหลอมแก่นแท้ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปยังแนวค่ายกลพร้อมกับระเบิดตันเถียนของตนไปตาม ๆ กัน
ผู้อาวุโสต่างพากันสับสน โดยเฉพาะผู้อาวุโสจื่อที่กล่าวออกมาอย่างร้อนใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“นางคิดจะยืมมือเพื่อสังหารคน!” ลู่เฉินคิดไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วเถียนอวิ๋นเมิ่งวางแผนจะใช้การระเบิดตันเถียนของคนพวกนี้เพื่อทำลายค่ายกล!!