ตำนานจอมราชันย์อหังการ - บทที่ 269 ไม่ได้รับความเสียหาย ทำให้บางคนตกตะลึงจนหน้าถอดสี!
บทที่ 269 ไม่ได้รับความเสียหาย ทำให้บางคนตกตะลึงจนหน้าถอดสี!
ขุนนางเหล่านั้นพากันตกใจ ทั้งยังอยากรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นในตำหนัก
ยามนี้เซวียจินได้รวบรวมพลังที่แข็งแกร่งสายหนึ่งเป็นเกราะลำแสงสีทอง และพาองค์จักรพรรดิออกมาจากเปลวเพลิง
เมื่อเห็นองค์จักรพรรดิปลอดภัยแล้ว หลายคนก็พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่บางคนก็ไม่เต็มใจ ทว่าทุกคนยังคงก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทีเป็นห่วง ส่วนหนานเหยาก็ถามอย่างร้อนใจว่า “ท่านอาจารย์ของข้าอยู่ที่ไหน?”
“เมื่อครู่เขายังอยู่ข้างข้า” องค์จักรพรรดิตอบอย่างอ่อนแรงเล็กน้อย
เมื่อครู่?
ทุกคนงงงวย แต่ในขณะนี้เอง ลู่เฉินก็พลันเดินออกมาจากกองไฟ
เมื่อทุกคนเห็นว่าลู่เฉินไม่เป็นอันใดเลย พวกเขาทั้งหมดก็ตกใจ จ้องมองฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อ บางคนถึงกับเอ่ยอย่างตะกุกตะกักว่า “นี่มัน…จะเป็นไปได้อย่างไร?”
ดวงตาของพระสนมอู่เบิกกว้างทันที “เป็นไปไม่ได้!”
องค์ชายรองและองค์ชายเจ็ดยิ่งมีสีหน้าดูไม่ได้ ขณะที่องค์ชายหกและองค์รัชทายาทพลันออกมาต้อนรับ ส่วนเฮยเม่ยผู้นั้นพลันจ้องมองลู่เฉินเขม็ง “เจ้าหมอนี่ เขาทำได้อย่างไร?”
หลายคนเองก็อยากรู้คำตอบ แต่องค์จักรพรรดิกลับตรัสอย่างมีความสุขว่า “หมอเทวดาลู่นั้น ร้ายกาจดังคาด!”
หนานลัวพลันถอนหายใจ “ข้าไม่สามารถมองทะลุเข้าไปได้เลย!”
เมื่อหนานลัวทอดถอนใจ หนานเหยากลับมองไปที่ลู่เฉินด้วยรอยยิ้ม “ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอันใดหรือไม่?”
“ลูกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ! ไม่มีอันใดหรอก” ลู่เฉินตอบอย่างเฉยเมย ในขณะที่หนานเหยาถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านจับวิญญาณของเจ้าผู้นั้นได้หรือไม่?”
จับวิญญาณของชายผู้นั้น?
ทุกคนไม่รู้ว่าหนานเหยาหมายถึงอันใด จนกระทั่งลู่เฉินหยิบกู่ฉินเพลิงโบราณออกมา และเงาวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ก็ลอยอยู่ตรงนั้น ทุกคนจึงพากันตกตะลึง
“เขา เขาควบคุมวิญญาณของคุณชายหนานโหวได้จริงหรือ?”
“เขาทำได้อย่างไร?”
“เขาเพิ่งอยู่ในขั้นสร้างรากฐานไม่ใช่หรือ?”
“ผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานจะควบคุมจิตวิญญาณของขั้นก่อกำเนิดได้อย่างไร?”
หลายคนไม่เข้าใจและบางคนยังคงตื่นตระหนก
องค์จักรพรรดิตรัสถามด้วยความประหลาดใจว่า “หมอเทวดาลู่ นี่คือเขาจริง ๆ หรือ?”
“อืม” ลู่เฉินตอบรับทันที
องค์จักรพรรดิจึงหันไปหาคุณชายหนานโหวและตวาดออกมา “บอกมาเสีย! ผู้ใดชี้แนะเจ้า!”
คุณชายหนานโหวแค่นเสียงแต่ไม่พูดอันใด
ส่วนองค์ชายรองกลัวว่าจะมีปัญหา ดังนั้นเขาจึงรีบพูดว่า “ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า ข้าไม่ได้สั่งเขา!”
พระสนมอู่รู้สึกว่าครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะกำจัดองค์ชายรอง ดังนั้นนางจึงระบายความแค้นทั้งหมดที่มีต่อลู่เฉินใส่องค์ชายรอง “คุณชายหนานโหวผู้นี้ไปหาเจ้าเสมอ หากไม่ใช่เจ้า แล้วจะเป็นใครไปได้?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ องค์ชายรองก็ยิ่งกระวนกระวาย “พระสนมอู่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร!?”
“ความหมายของข้านั้นง่ายมาก นั่นก็คือเจ้าหมายจะฆ่าองค์จักรพรรดิ!”
“ฆ่า? แล้วเจ้าเล่า? ให้หมอผีควบคุมองค์จักรพรรดิ!” องค์ชายรองโกรธจัดและเริ่มกล่าวโทษพระสนมอู่ ส่วนพระสนมอู่ก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอ นางแอบสั่งให้ขุนนางคนอื่นไปลงมือกับองค์ชายรอง
องค์ชายรองโกรธจัดจนให้คนของตัวเองเข้าร่วมด้วย
ดังนั้นนอกตำหนักใหญ่ในยามนี้จึงกลายเป็นคนสองกลุ่มกำลังโต้เถียงกัน ในขณะที่หนานเหยายิ้มให้ลู่เฉิน “ท่านอาจารย์ ดูสิ หมากัดหมาเสียแล้ว”
ลู่เฉินไม่ได้พูดสิ่งใด ในขณะที่สีหน้าขององค์จักรพรรดิดูไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายเขาก็ตะโกนว่า “สร้างปัญหากันพอหรือยัง?!”
ทุกคนจึงหยุดการกระทำทันที
“นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าจะเริ่มสอบสวนเรื่องของคุณชายหนานโหว ส่วนองค์ชายรองจะมีปัญหาหรือไม่นั้น ข้าจะทำให้ชัดเจน แต่จนกว่าข้าจะสอบสวนอย่างชัดเจน องค์ชายรองจะอยู่ในพระราชวังและออกไปไหนไม่ได้!” องค์จักรพรรดิมีท่าทีเคร่งขรึม
องค์ชายรองพลันร้อนใจ “เสด็จพ่อ!”
“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”
องค์ชายรองไม่กล้าพูดอันใดอีก องค์จักรพรรดิจึงแค่นเสียงแล้วสั่งว่า “เอาล่ะ ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปได้!”
คุณชายโหวทั้งหลายและแม่ทัพต่างถอยออกไปทันที ส่วนองค์ชายและองค์หญิงคนอื่น ๆ ก็จากไปเช่นกัน ในขณะที่องค์ชายรองนั้น เขาทำได้เพียงคุยกับคุณชายหนานโหวอย่างกระวนกระวายใจ “อย่าโยนความผิดให้ข้า!”
ทว่าคุณชายหนานโหวยังคงไม่พูดอันใด องค์ชายรองไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องจากไป ส่วนพระสนมอู่ก็พาองค์ชายเจ็ดและพวกออกไป
ครั้นพระสนมอู่เห็นลู่เฉินไม่เป็นอันใดเลยก็รู้สึกเสียใจ อีกทั้งยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงส่องประกายต่อหน้าองค์จักรพรรดิ จึงยิ่งทำให้นางรู้สึกไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่
องค์ชายหกและองค์รัชทายาททยอยกันออกไป สุดท้ายจึงเหลือเพียงหนานลัว หนานเหยา และลู่เฉิน รวมถึงองค์จักรพรรดิและเซวียจินซึ่งยังคงอยู่ที่นี่
องค์จักรพรรดิตรัสกับเซวียจินว่า “เจ้ายืนเฝ้าอยู่นอกประตูและอย่าให้ผู้ใดเข้ามาใกล้” จากนั้นเขาก็มองไปที่ลู่เฉิน “เข้าไปคุยกันข้างในกันเถิด”
หลังจากที่ลู่เฉินส่งเสียงตอบรับ เขาก็มองไปที่หนานเหยาและหนานลัวแล้วสั่งว่า “พวกเจ้ารออยู่ข้างนอก”
จากนั้นลู่เฉินและองค์จักรพรรดิก็เดินเข้าไปในตำหนักที่ได้มีการดับไฟจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้เรียบร้อยแล้ว
ประตูถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว
เห็นเพียงว่ามีหลายแห่งภายในตำหนักกลายเป็นซากปรักหักพัง องค์จักรพรรดิกล่าวกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้ “หมอเทวดาลู่ ท่านดูออกหรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนสั่งการคุณชายหนานโหว?”
“ง่ายมาก” หลังจากที่ลู่เฉินพูดจบ เขาก็ดึงวิญญาณของคุณชายหนานโหวออกมาอีกครั้ง และดีดสายกู่ฉินเพลิงโบราณไปพร้อมกัน
ทันทีที่สายกู่ฉินขยับ ดวงวิญญาณที่ลอยอยู่เหนือมันก็พลันรู้สึกอึดอัดมากจนถึงกับกรีดร้องออกมา
องค์จักรพรรดิที่อยู่ด้านข้างตกใจกับเสียงนั้น แต่คุณชายหนานโหวพลันกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว!”
“พูดมาว่าผู้ใดบอกให้เจ้าทำสิ่งนี้” ลู่เฉินจ้องไปที่คุณชายหนานโหว แต่คุณชายหนานโหวผู้นี้ยังคงต้องการที่จะดิ้นรน ท่าทางของเขาสื่อให้เห็นว่าต่อให้ตายก็จะไม่พูด ลู่เฉินจึงยิ้มให้เขาแล้วกล่าวว่า “ข้ามีหลายวิธีที่จะทำให้เจ้าเปิดปาก”
“ข้าแนะนำให้เจ้าปล่อยข้าโดยเร็ว มิฉะนั้นเจ้าตายแน่!” คุณชายหนานโหวตะโกนใส่
ทว่าลู่เฉินเอ่ยเย้ยหยันทันที “ข้าเป็นคนที่ไม่กลัวคำขู่ที่สุด”
จากนั้นชายหนุ่มก็ดีดสายกู่ฉินอีกครั้ง คุณชายหนานโหวพลันกรีดร้องอย่างเจ็บปวด จนกระทั่งทนไม่ไหวอีกต่อไป “ข้าพูดแล้ว…”
องค์จักรพรรดิมองไปที่คุณชายหนานโหวเพื่อรอฟังคำตอบ
คุณชายหนานโหวเล่าออกมาว่า “วันหนึ่ง… มีชายลึกลับมาที่จวนของข้า เขามีพลังมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังสยบข้าได้ เขาให้ข้ากินยาเม็ดหนึ่ง โดยบอกว่าหากข้าไม่ทำงานให้เขา ข้าจะต้องตาย”
องค์จักรพรรดิพลันตรัสถามอย่างเคร่งขรึม “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? จะให้ข้าเชื่อเหตุผลนี้หรือไร!?”
“จริง ๆ ข้าแค่ไม่อยากถูกยานั่นกัดกร่อน ดังนั้นข้าจึงใช้แมลงนั้นสร้างผลกระทบให้กับท่าน” คุณชายหนานโหวกล่าวเสียงเบา แต่องค์จักรพรรดิไม่เชื่อ “แค่สร้างคนขึ้นมาก็จะให้ข้าเชื่อเจ้า?”
คุณชายหนานโหวรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะโต้เถียง ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดกับองค์จักรพรรดิว่า “ข้าพูดทุกอย่างที่ต้องพูดแล้ว ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับท่าน!”
ลู่เฉินจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง”
“อันใดนะ?” องค์จักรพรรดิถึงกับตะลึง
“หลังจากที่เขาระเบิดตัวเอง ยามนั้นมีกลิ่นสมุนไพรชนิดหนึ่งอบอวลอยู่ น่าจะเป็นเม็ดยาชนิดนั้น” ลู่เฉินอธิบาย
ครั้นองค์จักรพรรดิได้ยินเช่นนั้นก็พลันตกใจ “เจ้าสัมผัสได้หรือ?”
“น่าสนใจ!” คำพูดของลู่เฉินทำให้องค์จักรพรรดิรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา
ลู่เฉินมองไปที่คุณชายหนานโหวอีกครั้งแล้วถามว่า “คนลึกลับคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?”
“ข้า ข้าไม่รู้ ข้ารู้เพียงแค่ว่าร่างกายของเขาปกคลุมไปด้วยสิ่งต่าง ๆ เช่น แมลงสาบสีดำที่คลานอยู่ตรงนั้น และมีหนอนสีดำตัวเล็ก ๆ อยู่ในเส้นผมของเขาซึ่งมันดูน่ากลัวมาก” เมื่อคุณชายหนานโหวนึกถึงคนผู้นั้น จิตวิญญาณของเขาก็สั่นสะท้านทันที
องค์จักรพรรดิทรงกลัดกลุ้มขึ้นมาทันใด “ผู้ใดกันจะมีวิธีการที่เลวทรามเช่นนี้”
ทว่าคุณชายหนานโหวไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงพูดได้เพียงแค่นั้น “ข้าพูดในสิ่งที่ควรพูดแล้ว ได้โปรดหยุดทรมานข้าได้หรือไม่?”
ลู่เฉินหันไปถามองค์จักรพรรดิ “วิญญาณนี้ เจ้าต้องการหรือไม่?”
องค์จักรพรรดิได้ยินเช่นนี้จึงหยิบขวดสีดำออกมาทันที “รบกวนแล้ว!”
จากนั้นชายหนุ่มก็บังคับวิญญาณของคุณชายหนานโหวให้ลงไปในขวด และหลังจากที่องค์จักรพรรดิเก็บมันเข้าไปแล้ว เขาก็มองไปที่ลู่เฉินอย่างซาบซึ้งพลางกล่าวว่า “ขอบคุณเจ้ามากสำหรับวันนี้!”
“ถึงยามที่เจ้าต้องช่วยข้าแล้ว” ลู่เฉินคลี่ยิ้ม และองค์จักรพรรดิก็รู้ว่าลู่เฉินหมายถึงสิ่งใด เขาจึงพยักหน้าตอบรับ “ได้! ตามข้ามา!”